30 ธ.ค. 2018 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
ตำนาน”เปาบุ้นจิ้น” ขุนนางผู้ผดุงความยุติธรรม
วันนี้ผมได้ลองดูซีรีส์เปาบุ้นจิ้นใน Youtube ทำให้คิดว่าน่าจะลองศึกษาและเขียนประวัติของเปาบุ้นจิ้นให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้ทราบ เปาบุ้นจิ้นในประวัติศาสตร์จะเหมือนหรือต่างกับในซีรีส์หรือไม่
1
เปาบุ้นจิ้นตามที่หลายคนคุ้นเคยนั้น เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความยุติธรรม ตรงไปตรงมาซื่อตรง โดยเปาบุ้นจิ้นนั้นมีตัวตนอยู่จริง เป็นคนดีที่น่าศึกษา มีผลงานหลายอย่างเป็นที่ประจักษ์
เปาบุ้นจิ้นเป็นทายาทรุ่นที่ 35 ของเซินเปาซูวีรชนจีนร่วมยุคกับไซซี เกิดเมื่อ พ.ศ. 1542 ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 1605 อายุ 63 ปี รับราชการอยู่ในรัชสมัยพระเจ้าซ่งเหญินจงซือช่วง พ.ศ. 543-1606 นับเป็นขุนนางคู่พระบารมี เปาบุ้นจิ้นมีผู้สืบวงศ์ตระกูลมาจนถึงปัจจุบัน เปาอี้ว์กัง (พ.ศ. 2461-2534) ซึ่งเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของจีนในยุคปัจจุบันเป็นทายาทรุ่นที่ 29 ของเปาบุ้นจิ้น
ได้มีการบันทึกเรื่องของเปาบุ้นจิ้นไว้อย่างสังเขปว่า “เปาจิ้น” เป็นชาวเมืองเหอเฝย (เมืองหับปุ๋ยในเรื่องสามก๊ก ปัจจุบันอยู่ในมณฑลอานฮุย) สอบได้ชั้นจิ้นสื้อ แล้วบรรจุเป็นพนักงานวิจารณ์ศาลฎีกา ต่อมาเป็นนายอำเภอเจี้ยนชาง สมัยพระเจ้าซ่งเหญินจง เป็นราชบัณฑิตประจำราชบรรณาลัย ข้าหลวงเมืองไคเฟิง แล้วเป็นรองอัครมหาเสนาบดี
ผู้คนเรียกเปาบุ้นจิ้นว่า”ท่านเปาผู้รับสนองพระบรมราชโองการ” ตำแหน่งสุดท้ายของเปาบุ้นจิ้นคือเสนาบดีกระทรวงพิธีการ เมื่อถึงแก่อนิจกรรมแล้วได้รับพระราชทานสมัญญาว่า “เซี่ยวซู่-ผู้เคร่งขรึมกตัญญู” เปาจิ้นมีนิสัยแกร่งกร้าวตรงไปตรงมา คนชั่วยำเกรงต้องหันมาทำดี
เปาบุ้นจิ้นเป็นคนเคร่งขรึมจริงจัง ในวัยเด็กก็ไม่ค่อยเล่นหัวอย่างเด็กทั่วไป เมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะให้ใครเห็น จนถึงกับกล่าวกันว่าถ้าเปาบุ้นจิ้นยิ้มหรือหัวเราะ แม่น้ำฮวงโหซึ่งปกติขุ่นเป็นสีเหลืองอยู่ตลอดเวลาถึงกับใสทันที แม่น้ำฮวงโหใสยากฉันใด เปาบุ้นจิ้นก็ยิ้มยากฉันนั้น
1
บุคลิกเคร่งขรึมหน้าตายและนิสัยซื่อตรงไม่เห็นแก่หน้าใครนั้น เมื่องิ้วเล่นใช้สีดำทาหน้าผู้แสดง เพราะสีดำเป็นสีแห่งความซื่อตรง จึงเป็นที่มาของตำนานเปาบุ้นจิ้นหน้าดที่เราคุ้นตากันนี่แหละครับ
ส่วนพระจันทร์เสี้ยวกลางหน้าผากนั้น เป็นสัญลักษณ์ของการทำฟ้าให้แจ่มใสให้ความยุติธรรม และทำให้ตัวละครมีลักษณะเด่นเป็นพิเศษ ตามตำนานเล่าว่าเปาบุ้นจิ้นมีรูปพระจันทร์เพ็ญอยู่กลางหน้าผาก เป็นลักษณะและอำนาจที่ได้รับมาจากสวรรค์ให้ตัดสินคดีของเหล่าผีสางได้ด้วย
แต่หากพูดถึงหน้าตาของเปาบุ้นจิ้นจริงๆนั้น จริงๆท่านเปาไม่ได้หน้าดำอย่างที่หลายคนเข้าใจนะครับ ท่านเปาหน้าขาว เพียงแต่เคร่งขรึม ยิ้มยาก จึงถูกแต่งให้มีหน้าดำ
บุคลิกเด่นของเปาบุ้นจิ้นมี 2 ประการ คือ กตัญญูและเคร่งขรึม
เปาบุ้นจิ้นมีความกตัญญูต่อพ่อแม่มาก ท่านเปาเป็นคนเรียนเก่งครับ สอบจิ้นสื้อซึ่งเทียบได้กับระดับปริญญาเอกได้เมื่ออายุ 29 ปี รับราชการอยู่ปีเดียวก็ลาออกไปดูแลพ่อแม่จนท่านทั้งสองล่วงลับแล้วและได้ไว้ทุกข์ตามประเพณีครบ 3 ปี ทั้งหมดเป็นเวลา 8 ปี แล้วยังเฝ้าอยู่ที่สุสาน (ฮวงซุ้ย) อยู่อีก 2 ปี จึงกลับเข้ารับราชการใหม่
เปาบุ้นจิ้นเข้ารับราชการใหม่เมื่ออายุย่างเข้า 39 ปี แต่ด้วยความเก่งและสุจริตจึงก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนได้เป็นรองอัครมหาเสนาบดี ซึ่งตำแหน่งนี้ จริงๆก็คือหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบการปฏิบัติราชการของขุนนางทั้งหมด แม้แต่ตัวอัครมหาเสนาบดีเอง ก็ยังต้องได้รับการตรวจสอบ ถ้าเทียบเป็นปัจจุบัน ก็คงจะประมาณป.ป.ช. ซึ่งท่านเปาก็ทำหน้าที่นี้อย่างตรงไปตรงมา จนเป็นที่มาให้นักแต่งนิยาย นำมาเขียนผูกเรื่องเป็นคดีความต่างๆ
แต่ถึงแม้เปาบุ้นจิ้นจะมีความซื่อสัตย์และยุติธรรม แต่เปาบุ้นจิ้นเป็นคนเคร่งขรึมและตรงไปตรงมา จนมีเรื่องขัดแย้งและล่วงเกินผู้อื่นอยู่ไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องตรัสเตือนอยู่บ่อยครั้งและเคยถูกประนามว่าทำงานแบบเอาดีใส่ตัวและทำตัวเด่น
แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เปาบุ้นจิ้นมีความยุติธรรม ซื่อตรง กตัญญูต่อบ้านเมือง เมื่อถึงแก่อนิจกรรม ราชสำนักจึงให้สมัญญาสดุดีว่า”เซี่ยวซู่” แปลว่าผู้เคร่งขรึมที่มีความกตัญญู
ด้วยเกียรติคุณอันยิ่งใหญ่เปาบุ้นจิ้นจึงได้รับคัดเลือกจากทางราชการแลนักวิชาการของจีนให้เป็นหนึ่งใน “ร้อยยอดคนสำคัญในประวัติศาสตร์จีน”
นี่คือเกร็ดประวัติของเปาบุ้นจิ้นในหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ใช่จากภาพยนตร์หรือนิยาย ซึ่งผมได้อ่านและสรุปมาให้อ่านกันครับ
โฆษณา