1 ม.ค. 2019 เวลา 14:10 • ธุรกิจ
เปิดประวัติ ROV สุดยอดเกมส์มือถือแห่งยุค Chapter 2 (Final)
สวัสดีครับ วันนี้บทความของเราก็จะมาต่อเรื่องราวที่จบจากภาคแรกนะครับ โดยในภาคแรกนั้นจบที่ทางแผนที่ DotA ซึ่งนับเป็นมรดกตกทอดจาก Steve "Guinsoo" Feak ของเราไปตกยังผู้พัฒนาคนล่าสุดคือ IceFrog เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อขอเชิญทุกท่านรับชมตอนจบได้เลยครับ
ตอนสุดท้ายแล้วครับผม
หลังจาก Steve "Guinsoo" Feak ได้วางมือจาก DotA ไปในปี 2005 แล้ว ก็ได้มีบริษัทที่จะมาเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในโลกของ MOBA เกิดขึ้นในปีถัดมา
Riot ผู้เปิดมิติใหม่แห่ง MOBA
โดยในปี 2006 ทาง Riot Games ก็สามารถจัดตั้งบริษัทได้จากสองผู้ก่อตั้ง Brandon Beck และ Marc Merrill ซึ่งทั้งสองก่อตั้งบริษัทจากความชอบในการเล่นเกมส์ และรู้สึกว่า Developer ที่มีอยู่ในขณะนั้นไม่ได้สนใจผู้เล่นเท่าไหร่ กล่าวคือเน้นยอดขายจากการออกเกมส์ใหม่ๆ และทิ้งชุมชนของเกมส์นั้นไว้เบื้องหลัง ซึ่งทั้งสองอยากจะทำเกมส์ที่พัฒนาได้เรื่อยๆ พร้อมกับชุมชนในเกมส์ที่โตไปด้วยกัน ภายใต้การระดมทุนจำนวน 1.5 ล้านเหรียญจากทางครอบครัวผู้ก่อตั้ง รวมกับเงินของ Angel Investor
และพนักงานคนแรกที่ Riot ได้ทำการ Recruit เข้ามาก็คือ Steve "Guinsoo" Feak คนทำแผนที่ DotA ของเรานั่นละครับ โดยรูปแบบการหาเงินนี้ทาง Riot ได้วางแนวทางไว้แล้วว่าจะไม่ใช้ Model ลักษณะ pay-to-win เด็ดขาด (พวกจ่ายเงินซื้อของแล้วจะเก่งกว่าชาวบ้านน่ะครับ) โดยแนวทางที่ Riot วางไว้ก็คือเกมส์ของพวกเค้าจะเป็นเกมส์ฟรี แต่การซื้อของจะไม่ช่วยให้เก่งขึ้นแต่อย่างใด เป็นเพื่อความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตนเท่านั้น นั่นก็คือ Model การขาย Skin ที่ยังใช้ทุกวันนี้ไปถึง ROV นั่นละครับ
หลังจากซุ่มพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว ทาง Riot ก็มาทำการเปิดตัว League of Legends ในเดือนตุลาคม ปี 2009 ซึ่งมันได้แก้ไขจุดอ่อนหลายๆอย่างที่ DotA ทำไม่ได้เนื่องจากเป็นเพียงแผนที่ของ Warcraft เท่านั้น
สุดยอดเกมส์ที่ภายหลังมาเป็นรากฐานให้ ROV
ไล่ตั้งแต่ความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อและแมทผู้เล่นให้เจอกัน, ระบบการ Training สำหรับผู้เล่นใหม่, การเซทปุ่มให้ง่ายขึ้น ไม่ถูกข้อจำกัดของ Warcraft ที่จะต้องใช้ปุ่มกด Skill ตามตัวอักษรขึ้นต้นของท่า (ลองคิดดูนะครับว่าเด็กสมัยนั้นวางมือกันลำบากแค่ไหนกว่าจะกด Combo แต่ละที) และอื่นๆอีกมาก ซึ่งตัวเกมส์ก็ไม่ได้ขายแต่ความสนุก เพราะเนื่องจากเป็น Platform ของตนเองแล้ว ทาง Riot ก็เปิดร้านขายของตรงๆในตัวเกมส์ให้ผู้เล่นเลือกซื้อเลือกหาชุดใหม่ๆสำหรับตัวละครใส่เพื่อเพิ่มความเท่ห์ได้ (เอา E-Market Place มาใส่ไว้ตรงๆในเกมส์นั่นละครับ ไม่มีการส่งของใดๆ ตัดเงินปุ๊บ ผู้เล่นก็เอาของผ่านออนไลน์ไปเลย ดูแลสินค้าคงคลังสะดวกมากๆเพราะไม่ใช่เสื้อผ้าจริง)
ความฮิตของตัวเกมส์ก็บอกได้ว่าสุดๆครับ ขนาดที่ว่าในปี 2013 ถือเป็นเกมส์ PC ที่มีผู้เล่นมากที่สุดในโลกก็แล้วกันครับ (จำนวนผู้เล่นแตะระดับ 67 ล้านคน และเงินไปประมาณ 624 ล้านเหรียญ) โดยพอถึงปี 2016 นี่จำนวนผู้เล่นก็ทะลุ 100 ล้านคนเข้าไปแล้ว (ทำเงินไปประมาณ 1,700 ล้านเหรียญ) ไม่เพียงเท่านั้นตัวเกมส์ก็ยังส่งเสริม E-Sport สุดๆอีกด้วย โดยรางวัลในสมัยแรกเริ่มมีเงินรางวัลรวมถึง 5 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ซึ่งก่อให้เกิดแรงดึงดูดสร้างกระแสให้ MOBA และทำให้เกิดการจัดตั้งทีมต่างๆขึ้นมากมาย นับว่าการออกมาจากข้อจำกัดของแผนที่ใน Warcraft ของ Steve "Guinsoo" Feak นั้นคิดถูกต้องจริงๆ
ตอนนั้นกระแส E-Sport พีคมากครับ หลายๆที่เริ่มเชื่อแล้วว่ามันเป็นอาชีพได้จริงๆ มีการให้เงินเดือน เงินรางวัล และเกิดการแย่งชิงซื้อตัวผู้เล่นดังๆบ่อยครั้ง แม้กระทั่งสถาบันการศึกษาในจีนยังเปิดวิชา League of Legends ละครับ กระแสดีขนาดไหนคงไม่ต้องบอกแล้วครับ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Link ครับ
แล้วข้าง Icefrog ละ
จากวันที่ได้มรดกตกทอดมาจากตำนานนักม็อดหลายๆคน ก็มี Icefrog นี่ละครับที่ดูแล DotA ให้อยู่ในกระแสและได้รับการยอมรับจากผู้เล่นมาตลอด แต่อย่างว่าครับ คนมันดัง จะไม่มีคนมาจีบเลยได้ไง พอถึงปี 2009 ปีเดียวกับที่ League of Legends เปิดตัวนั่นละครับ ทาง Valve เจ้าของตลาดเกมส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกผ่าน Platform Steam ก็มาจีบ Icefrog ให้ไปร่วมงาน เพื่อทำ Dota 2 และออกมาให้บริการใน Platform Steam ของตนเองได้ในปี 2013 ต้องบอกเลยครับว่าระบบ ภาพ เสียง Gameplay ต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่อแมทผู้เล่นนี่ของถนัด Valve อยู่แล้วทำได้ดีมากๆ
สุดยอด MOBA อีกเกมส์ที่เกิดช้าไปหน่อย
แต่ก็ต้องบอกเหมือนกันครับว่าเข้าตลาดช้าไปมาก เพราะปีที่เปิดตัวก็เป็นปีที่ League of Legends ไต่ระดับทำยอดผู้เล่นได้สูงสุดเข้าไปแล้ว ดูผลลัพธ์ทางตัวเลขรายได้จะเข้าใจง่ายกว่าครับ โดยในปี 2016 ตอน League of Legend ทำยอดผู้เล่นทะลุ 100 ล้านคน ทำรายได้ไปประมาณ 1700 ล้านเหรียญ ส่วน Dota 2 ทำรายได้ไปที่ 260 ล้านเหรียญ
จุดนี้วิเคราะห์ได้อย่างเดียวเลยครับว่าการออกตัวไปก่อนประมาณสี่ปีนี่เป็นช่องว่างใหญ่จริงๆสำหรับตลาดเทคโนโลยี ในมุมผู้เล่นผมว่าทุกอย่างใกล้เคียงกันมาก แถมถ้าเป็นเรื่องการทำ Network นี่ Valve ชนะเลยครับ จับตลาด Online การเชื่อมต่อผู้เล่นมาอย่างยาวนานมาก เสียอย่างเดียวตรงออกตัวทีหลังจริงๆครับ แต่ทั้งนี้การเพิ่ม Dota 2 ก็ออกมาจุดกระแสความร้อนแรงให้เกมส์ประเภท MOBA มากยิ่งขึ้นครับ
เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับชื่อ DotA
เนื่องจาก Valve เอาชื่อ Dota นี่ละครับไปใช้และดันไปจดลิขสิทธิ์อีก มันก็เลยเดือดร้อนไปถึง Blizzard ที่ออกปากว่าอยากให้ชื่อนี้เป็นสมบัติของมวลชน จนในที่สุดมาตกลงกันภายใต้ข้อตกลง 3 อย่าง
1) Blizzard ต้องเปลี่ยนชื่อเกมส์ที่จะออกในช่วงนั้นจาก Blizzard DOTA เป็น Blizzard All-Stars
2) ส่วนแผนที่เสริมที่ผู้เล่นสร้างกันเองใน Starscraft หรือ Warcraft สามารถใช้ชื่อ DOTA ได้
3) Valve สามารถใช้ชื่อ DOTA 2 และ DOTA ในอนาคตได้
สามข้อนี้ผมว่าที่ Valve ได้เปรียบขึ้นมาเพราะชิงไปจดลิขสิทธิ์ก่อน ประกอบกับดึงตัว IceFrog ที่ถือว่าเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานคนปัจจุบันมาเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานครับ
ไปไกลมากจน ผมหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจและเห็นทิศทางการเติบโตของ MOBA กันแล้วนะครับว่าอยู่ๆมันก็มีเกมส์แนวนี้ออกมาให้เล่นมากมายได้อย่างไร
คราวนี้เราย้อนกลับมาที่ ROV กันดีกว่าว่ามันมาจุติตอนไหน
ด้วยความร้อนแรงของ League of Legends ซึ่งดังสุดๆครับ ก็เลยเป็นเหตุให้ค่ายเกมส์ยักษ์ใหญ่ในจีนที่ขยันซื้อบริษัท หรือ Tencent อยากได้สมบัติชิ้นนี้ไว้ในคอลเล็คชั่นของตนเอง โดยแรกเริ่ม Tencent ก็ขอเป็นแค่ตัวแทนในการบริหารจัดจำหน่ายต่างๆก่อนในจีน ข้างฝ่าย Riot ซึ่งเอาจริงๆไม่ได้รวยมากนะครับ ถ้าเทียบกับทุนจีนตอนนั้น และบอกเลยว่าตลาดจีนมันตลาดปราบเซียนของบริษัทอเมริกาอยู่แล้ว มีหรือใครจะมาเข้าใจคนจีนมากกว่าคนจีนด้วยกัน คิดได้ดังนั้น Riot ก็เซย์เยสอย่างเดียวละครับ
ทุนจีนมีไม่อั้นครับ :-)
ทั้งนี้ตามสูตร Startup ละครับ Tencent ไม่ได้มาขอไปจัดจำหน่ายอย่างเดียว แต่ดันมาขอซื้อหุ้นด้วยอีกต่างหากโดยเสนอเงิน 400 ล้านเหรียญ แลกกับหุ้น 93% ในปี 2011 ถ้าดูจากปีนี่บอกเลยครับว่า Tencent มองตลาดขาดก่อนที่ DOTA 2 จะได้ปล่อยตัวด้วยซ้ำ และพอถึงปี 2015 ก็กลับมาเก็บหุ้น 7% ที่เหลือ เป็นอันจบงานย้ายเข้าสถาบันจีนเต็มรูปแบบครับ
คราวนี้มาถึง ROV จริงๆละครับ ด้วยความที่เกมส์ในตลาดมือถือนับวันมีแต่เติบโตขึ้นเรื่อย เพราะมือถือเริ่มเป็นอวัยวะที่ 33 ไปแล้ว จะไปไหนมาไหนก็ต้องพกมันไปด้วย ขนาดจะเข้าห้องน้ำ หรือจะนอนยังมีมือถืออยู่ข้างๆละครับ คอมพิวเตอร์ PC, Notebook ทำไม่ได้ขนาดนี้แน่นอน
ในปี 2015 Tencent ในฐานะเจ้าของ Riot เต็มตัวแล้ว ก็เสนอให้ Riot พัฒนา League of Legends ลงมือถือนั่นละครับ ซึ่งครั้งแรกที่ผมจับ ROV นี่ผมก็คิดว่า Riot เป็นคนสร้างแน่นอน เปล่าเลยครับความคิดเมื่อซักครู่มันผิดถนัด เพราะ Riot เซย์โนไม่เหมือนคราวก่อนอีกแล้ว โดยให้เหตุผลว่า มือถือไม่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์เกมส์ของเราได้ (อันนี้เป็นผม ผมก็คิดนะว่าเกมส์ PC มันใช้หลายปุ่มนะ แถมยังเมาส์อีก กราฟฟิคก็ไม่ธรรมดา เอาไปลงมือถือนี่โอกาสกร่อยสูงมาก) แต่ Tencent ก็ไม่ยอมแพ้ครับ ไม่ให้เหรอ งั้นทำเองก็ได้ ไม่ง้อแล้ว
ในที่สุดเดือน พ.ย. ปี 2015 ทาง Tencent ก็เข็น Beta ของเกมส์ Wangzhe Rongyao ซึ่งแปลเป็นอังกฤษว่า Honor of Kings ออกมาจนได้ เหตุที่ทำได้เร็วเพราะว่าตัวเกมส์ Gameplay แทบจะถอดออกจาก League of Legends ตามไอเดียตอนต้น แต่ก็ต้องขอชื่นชมการปรับหลายๆอย่างให้สามารถใช้มือถือเล่นได้โดยสะดวก และเอาจริงๆผมว่ายิ่งง่ายกว่าสมัย PC ซะด้วยซ้ำเพราะลดปุ่มบางส่วนออกไปอีก พอลงมือถือได้ไม่เสียอรรถรสดั้งเดิม ยอดขายก็มา โดยแค่หลังจากนั้นหนึ่งปี ในปี 2016 มียอดผู้ลงทะเบียนถึง 200 ล้านคน (เยอะแท้ๆ) แถมท้ายด้วยการทำรายได้ปิดปีนั้นไปอีก 1,610 ล้านเหรีญ นับว่าเป็นยอดที่โตไวมากๆ และกลายมาเป็นเสาหลักรายได้ด้านเกมส์ให้ Tencent อีกด้วย
ร้อนแรงเข้าปี 2017 ครับ
ด้วยความดังของเกมส์นี้ในปี 2017 ก็ไปดึงดูดให้ค่ายญี่ปุ่นอย่าง Nintendo ต้องขอเชิญไปร่วมด้วยช่วยกันใน Nintendo Switch ภายใต้ชื่อ Arena of Valor ชื่ออย่างเป็นทางการของภาคอินเตอร์ โดยมีกำหนดจะออกปี 2019
เกร็ดน่ารู้
ROV นั้นกลายเป็นเกมส์หลายชื่อไปโดยบ้านเกิดชื่อว่า Honor of Kings และต้องการใช้ Version International ว่า Arena of Valor แต่แถบบ้านเราที่จัดจำหน่ายโดย Garena ยังคงใช้ Realm of Valor (ROV) ที่ยังเป็นชื่อเดิมอยู่
ข้างฝ่าย Riot ก็อาจต้องยอมรับสภาพเกมส์ทางธุรกิจ เพราะหลังจากความสำเร็จของ ROV (ขอเรียกชื่อตามบ้านเรานะครับ) ทาง Tencent ก็ให้ความสำคัญเกมส์อื่นลดลง จนทำให้ยอดผู้เล่นของ League of Legends เริ่มตกลงเมื่อเทียบกับจุดสูงสุด ส่วนเรื่องราวของ ROV จะเป็นอย่างไรต่อก็คงต้องอยู่ในมือผู้เล่นว่ายังรักษาปริมาณระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่ และจะมีเกมส์ใหม่ๆอะไรมาล้ม ROV ออกจากตลาดไปได้หรือไม่ในอนาคต
และก่อนจากกันไปเรามาวิเคราะห์กันดีกว่าครับว่าองค์ประกอบของตลาดเกมส์ที่จะประสบความสำเร็จในวงกว้างเป็นยังไงบ้าง
1.มีการเชื่อมต่อกับผู้เล่นจำนวนมาก
2.รูปแบบการเล่นต้องไม่ยากจนเกินไป เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นได้ง่ายและจำนวนมาก
3.มี Platform ดูแลการเชื่อมต่อ แก้ไข Bug รวมถึง Update และแบนผู้เล่นที่โกงได้
4.มีสื่อสังคมออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
5.มีการแสดงผลทางสถิติเพื่อให้ผู้เล่นพัฒนาตนเอง หรือเปรียบเทียบกับโปรได้
6.มีการจัดการแข่งขัน E-Sport เพื่อสร้างการแข่งขันและเป็นช่องทางให้ผู้เล่นโด่งดังและมีรายได้
7.การสร้างหรือ Port เกมส์ลงมือถือจะก่อให้เกิดความได้เปรียบ โดยจะเป็นการเพิ่มขนาดทางตลาดทันที
8.รายได้ควรมาจาก In App Purchase เพราะสร้างรายได้ ได้มากกว่าการขายเกมส์ครั้งเดียว
9.การขายของไม่ควรเป็นลักษณะ Pay to win เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นมากเกินไป
10.กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดีก็สำคัญ เช่น การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อทำ Promotion ลดแลกแจก จะทำให้คนเข้าถึงเกมส์ได้มากขึ้น
จบแล้วสิบข้อพอดีครับ หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับการอ่านประวัติของ MOBA จนก่อกำเนิด ROV ในมือทุกท่านครับ แล้วอย่าเล่นเกมส์เพลินจนลืมพักผ่อนนะครับ ไว้พบกันใหม่บทความถัดๆไปครับ
เล่นเกมส์มากก็พักผ่อนด้วยนะครับ
โฆษณา