4 ม.ค. 2019 เวลา 23:42 • การศึกษา
การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษมีกี่แบบ?
แต่ละแบบต่างกันอย่างไร? เราควรจะสอบอะไรดี?
ครูพี่เป้จะเล่าให้ฟัง
อันดับแรกก่อนที่คิดจะสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าจะสอบไปทำไม?
โดยทั่วไปคนเราสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษด้วย 2 เหตุผลหลัก
หนึ่ง เอาผลสอบไปยื่นมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
สอง เอาผลสอบไปยื่นสมัครงาน
เอาเรื่องเรียนต่อกันก่อน
ถ้าไปเรียนต่อต่างประเทศ มหาวิทยาลัยในต่างแดนส่วนมากจะรับพิจารณาผล TOEFL
TOEFL ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language แปลว่าการทดสอบภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ
ออกข้อสอบโดย Educational Testing Service (ETS) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงผลกำไร ตั้งอยู่ที่ Princeton, New Jersey, USA โดยเริ่มมีการจัดสอบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1964
ปัจจุบันผลคะแนน TOEFL ที่เป็นที่ยอมรับทั่วไปคือผลสอบ TOEFL-iBT ซึ่งเป็นการสอบผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ค่าสอบอยู่ที่ 185 USD (ประมาณ 5,950 บาท)
อย่างไรก็ตามบางมหาวิทยาลัยในเครือจักรภพและประเทศอาณานิคมอังกฤษเก่า เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา มาเลเซีย รวมถึงประเทศในกลุ่มยุโรป จะนิยมรับผลคะแนน IELTS มากกว่า
IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System แปลว่า ระบบการทดสอบภาษาอังกฤษนานาชาติ
การจัดสอบ IELTS ดูแลโดย 3 หน่วยงาน ได้แก่ British Council, IDP Australia และ Cambridge Assessment English
เริ่มมีการจัดสอบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1980 โดยในปีแรกมีคนสมัครสอบทั่วโลกเพียง 4,000 คน
ปี ค.ศ. 1995 มึคนสอบ IELTS ทั่วโลก 43,000 คน
ปี ค.ศ. 2013 มีคนสอบ IELTS ทั่วโลก 2 ล้านคน
ปี ค.ศ. 2017 มีคนสอบ IELTS ทั่วโลก 3 ล้านคน
การที่ความนิยมของ IELTS เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากลักษณะข้อสอบที่วัดทักษะภาษาอังกฤษครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ฟัง พูด อ่าน เขียน ในขณะที่ TOEFL ยุคแรก ๆ วัดเพียงทักษะการฟังและการอ่านเท่านั้น ทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งเปิดรับผล IELTS กันมากขึ้น
ค่าสอบ IELTS อยู่ที่ 6,900 บาท
ถ้าเรียนต่อในประเทศไทย
มหาวิทยาลัยไทยส่วนมากยินดีรับทั้งผล TOEFL และ IELTS ครับ
แต่ถ้าไม่มีผลสอบระดับนานาชาติ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในไทยก็ยังยอมรับผลการสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงจากสองมหาวิทยาลัยเก่าแก่คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีข้อสอบที่ชื่อ CUTEP
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีข้อสอบชื่อ TU-GET
สมัยวัยรุ่นไฟแรง ครูพี่เป้ไปสอบมาแล้วทั้งสองตัว แปลงคะแนนออกมาแล้วได้เท่ากันเป๊ะ คือเทียบเท่า TOEFL ที่ 550 คะแนน
แล้วพอครูพี่เป้ไปสอบ TOEFL ก็ได้ 550 คะแนนจริง ๆ !
นี่ก็แสดงถึงความมีมาตรฐานของทั้ง CUTEP และ TU-GET
ว่าง ๆ ครูพี่เป้จะมาอธิบายความเหมือนความต่างของสองตัวนี้ให้ฟังกันโดยละเอียด
กลับมาที่เหตุผลในการสอบ ถ้าสอบเพื่อเอาไปยื่นสมัครงาน ตอนนี้มีแค่โทอิกนะครับ
ยกเว้น ใครอยากทำงานเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือรับราชการครู (ครูคืนถิ่น) อันนั้นใช้พวก TOEFL, IELTS, CUTEP, TU-GET ได้
เพราะฉะนั้น สำหรับคนทำงาน จริง ๆ เรามีทางเลือกเดียวแหละครับคือพยายามสอบโทอิคให้ผ่าน
ส่วนคนที่มีหลายทางเลือก ครูพี่เป้ก็แนะนำให้ตัดสินใจมุ่งสู่การเตรียมตัวสอบในการสอบอย่างใดอย่างหนึ่ง
อย่าไปคิดว่าแพ้ทาง สอบอันนี้ไม่ได้ สอบอันนี้ไม่ดี สอบอันนั้นดีกว่า
สอบไปเรื่อย ๆ ก็ไม่ผ่านอยู่เรื่อย ๆ นะครับ
มุ่งมั่น ตั้งใจ เลือกแล้วลุยไปเลย เตรียมสอบด้วยลักษณะและธรรมชาติข้อสอบแบบเดียวแบบเดิมไปเลย ง่ายกว่า มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
แต่ถ้าอยากรู้เรื่องการสอบโทอิก โทเฟิล และภาษาอื่น ๆ มากกว่านี้
กด like กด share กด follow เพจครูพี่เป้ได้เลย
สาระความรู้และความบันเทิงส่งตรงถึงมือกันแบบฟรี ๆ ทุกวัน
#ครูพี่เป้ #TOEIC #TOEFL #CUTEP #TUGET
โฆษณา