6 ม.ค. 2019 เวลา 01:15 • ธุรกิจ
วิกฤตเศรษฐกิจตอนจบ
7. วิกฤตการเงินในรัสเซีย
ช่วงเวลาโดยประมาณของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ: ค.ศ. 1998
วิกฤตเศรษฐกิจในรัสเซียครั้งนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าได้รับผลกระทบมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในประเทศไทยที่ลุกลามกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจของเอเชียกันเลยทีเดียว โดยที่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต รัสเซียก็พยายามปรับปรุงระบบเศรษฐกิจของตนเองให้ด้านต่างๆ มีสินค้าส่งออกหลักๆ คือ น้ำมัน, เหล็กและทองแดงไปยังประเทศในเอเชีย แต่เมื่อเกิดวิกฤตที่เอเชีย จึงทำให้กำลังซื้อหายไป และรัสเซียเองมีหนี้ต่างประเทศถึง 123.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีหนี้ภายในประเทศอีก 95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องหลายปี ส่งผลให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่าลดอย่างหนักและทุนสำรองระหว่างประเทศลดลงจาก 24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เหลือ 12.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเวลาแค่ 1 ปีเมื่อปี ค.ศ. 1998 ส่งผลทำให้รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศพักชำระหนี้ต่างประเทศและลดค่าเงินรูเบิลเมื่อวันที่17 สิงหาคม ค.ศ. 1998
8.วิกฤตเศรษฐกิจในอาเจนติน่า
ช่วงเวลาโดยประมาณของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ: ค.ศ. 1998-2002
วิกฤตการเงินในอาเจนติน่านับได้ว่าเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งที่รุนแรงครั้งหนึ่งของทวีปอเมริกาใต้ ผลของมันก็แน่นอนว่าทำให้เกิดความยากจน การว่างงานและสูญเสียเงินออมและรายได้...ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดนั้น ไปติดตามกันเลยครับ
- การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด กล่าวคือ การตรึงอัตราการแลกเปลี่ยนเฉพาะเงินเปโซอาร์เจนติน่าไว้ตายตัวกับเงินดอลลาร์สหรัฐเอาไว้ที่ 1:1 อัตราแลกเปลี่ยนนี้จะคงที่เฉพาะทางการเท่านั้น เพราะตามท้องตลาดอัตราจะไม่คงตัวและเมื่อเกิดวิกฤตที่บราซิล ค่าเงินบราซิลถูกลง สินค้าส่งออกของบราซิลถูกลง แต่ทำให้อาร์เจนติน่าส่งออกได้น้อยลดเพราะไปตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ ราคาสินค้าประมาณเท่าเดิมเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ส่งผลให้เกิดการขาดทุนบัญชีเดินสะพัด ทำให้ต้องกู้เงินมาใช้หนี้ต่างประเทศมากขึ้น และเงินทุนไหลออกไม่หยุด จนสุดท้ายค่าเงินเปโตรก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมหาศาล
- การคอร์รัปชั่นจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างมหาศาลตลอดจนการเอื้อผลประโยชน์บางอย่างให้กับนักลงทุนต่างชาติ
9.วิกฤตซับไพร์มอเมริกา
ช่วงเวลาโดยประมาณของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ: ค.ศ. 2007-2010
หลายคนคงยังจำวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ดี...ภาพในหัวของหลายคนคงมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้เริ่มต้น ณ วินาทีที่เลห์แมน บราเธอร์ส สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศล้มละลาย แต่อะไรทำให้เกิดภาพในวันนั้นล่ะ...มาหาสาเหตุกัน
- การใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา โดยการลดอัตรากดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุน ทำให้ประชาชนกู้เงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อการเก็งกำไร ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้นและในช่วงนั้นราคาน้ำมันก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้รัฐบาลตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น พอดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น คนที่กู้ซื้อบ้านก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นจึงทำให้ demand ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ลดลงภายในระยะเวลาอันสั้น และทำให้ผู้ที่กู้เงินมาเพื่อเก็งกำไรไม่สามารถหาเงินมาคืนสถาบันการเงินได้ส่งผลทำให้เกิดหนี้เสียเป็นจำนวนมากทำให้สถาบันการเงินขาดสภาพคล่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (subprime) นั้นเอง
- การบริหารจัดการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ (subprime) คือสินเชื่อที่ธนาคารปล่อยให้กับลูกค้าที่มีมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันต่ำกว่าเงินกู้หรือลูกค้าที่มีประวัติทางการเงินไม่ดีได้ โดยสามารถคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงกว่าทั่วไปได้ ผลจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ธนาคารปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้นและสินเชื่อส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อประเภทนี้ พอเกิดภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขึ้น คิดภาพตามน่ะครับ สินเชื่อประเภทนี้ลูกค้ามีประวัติไม่ค่อยดีหรือมีมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันต่ำกว่าเงินกู้อยู่แล้ว จึงทำ
- Collateralized Debt Obligations,CDOCredit Default Swaps,CDSStandard and Poor’s ทำหน้าที่จัดอันดับตราสารอนุพันธ์ CDS เหล่านี้ ที่นี้พอสินเชื่อ subprime กลายเป็นหนี้สูญก็จึงลามไปหากลุ่มลูกค้าที่เก็งกำไรในตราสารอนุพันธ์ CDS เหล่านี้ด้วย
10.วิกฤตเศรษฐกิจกรีซ
ช่วงเวลาโดยประมาณของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ: ค.ศ. 2009- 2016
ดินแดนแห่งเทพนิยายที่สวยงาม เป็นหนึ่งในดินแดนที่เริ่มต้นปกครองในระบอบประชาธิปไตยและครั้งหนึ่งดินแดนประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้สร้างเรื่องราวสุดแสนมหัศจรรย์ในศึกฟุตบอลยูโร 2004 แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี ทำไหมดินแดนแห่งนี้จึงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจแล้วเกือบจะทำให้ทั้งยุโรปต้องพังทลาย...ไปติดตามกันได้เลยครับ
- การขาดดุลของภาครัฐ ในปี ค.ศ. 2009 นั้นตัวเลขการขาดดุลการคลังของกรีซอยู่ที่ 12.9% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าเพดานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ถึง 4 เท่า (3% ของ GDP) ทำให้หนี้ภาครัฐเพิ่มสูงขึ้นถึง 112.6% ของ GDP สูงกว่าเพดานที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้เกือบ 2 เท่า (60% ของ GDP) และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ 14% ของ GDP
- การใช้เงินยูโร คือ ดาบสองคม รัฐบาลกรีซใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายมากเพราะสามารถที่จะกู้ยืมได้ง่ายเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร แต่ขณะเดียวกันพอเงินยูโรแข็งค่าขึ้น กรีซก็ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งส่งออกลดลง เศรษฐกิจแย่ลง ปกติจะทำให้ค่าเงินอ่อนลง แต่กรณีของกรีซผูกสกุลเงินเอาไว้กับยูโรจึงไม่ได้เกี่ยวกัน แล้วยิ่งค่าเงินแข็งค่ามากขึ้น รัฐบาลก็นำเข้าสินค้าแพงขึ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลก็ต้องจ่ายหนี้มากขึ้น และรายได้หลักของกรีซมาจากการท่องเที่ยว เมื่อเศรษฐกิจโลกทรุดตัว นักท่องเที่ยวก็หาย รายได้ก็ลด
- พันธบัตรของรัฐบาลกรีซถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือ ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหดหาย และการถูกลดอันดับเครดิตจนต่ำกว่าระดับ A จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถออกพันธบัตรรัฐบาลเป็นการค้ำประกันเงินกู้ได้อีกต่อไป (ตามกฎของ EU) ทำให้กรีซมีความเสี่ยงสูงมากที่จะผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้น ประเทศในกลุ่ม EU จึงต้องมีมาตรการช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน ก็ที่จะลุกลามไปมากกว่านี้
เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ ถ้าหากเรายังมีความโลภอยู่ภายในจิตใจ เราจะสังเกตได้ว่าเกือบทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้น สาเหตุล้วนแล้วมาแต่การใช้เงินเกินตัวหรือการไม่รักษาวินัยทางการเงินแทบจะทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกครั้งถัดไปจะเกิดขึ้น ณ ที่แห่งใดหรือรูปแบบใดก็ตาม ถ้าเรารักษาวินัยทางการเงิน, วางแผนการใช้จ่ายเงินของตนเองก็จะสามารถที่จะเอาตัวรอดและบรรเทาผลกระทบต่างๆที่เกิดขึ้นกับเราในชีวิตประจำวันได้...แต่ถ้าไม่ ณ ตอนนี้ วิกฤตทางการเงินส่วนบุคคลก็กำลังจะเคาะประตูบานคุณอยู่ ?
ปล. ใครอยากให้เขียนเรื่องไหน ลอง comment กันเข้ามาได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเศรษฐกิจการลงทุนก็ได้ครับ ^^
ปล2. ถ้าใครมีข้อมูลตรงไหนเพิ่มเติมหรือข้อมูลของตรงไหนผิดพลาดแจ้งมาได้เลยครับ...จะได้ช่วยกันสร้างองค์ความรู้ตรงนี้ขึ้นมาใช้ประโยชน์ร่วมกันครับ
…ในความคิดส่วนตัวอยากให้โพสนี้เป็นที่รวบรวมรายละเอียด financial crisis ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในโลกนี้ครั้ง โดยมีสามารถบอกรายละเอียดได้ดังนี้ คือ
- ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นและสิ้นสุด
- สาเหตุของการเกิด อยากได้ข้อมูลที่เป็นในลักษณะจับต้องได้หรือเป็นตัวเลขครับ เช่น ค่านี้เพิ่มสูงขึ้น 10 % ประมาณนี้ครับ
- ผลกระทบที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าอยากสรุปเป็นตัวเลขที่จับต้องได้ เช่น ตลาดหุ้นตก 40 % ใน 1 เดือน, อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 30% ประมาณนี้ครับ
ใครมีข้อมูลตรงไหนเข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้เลยครับ จะได้ช่วยกันสร้างและเก็บรวบรวมองค์ความรู้ตรงนี้เอาไว้
โฆษณา