7 ม.ค. 2019 เวลา 01:30 • กีฬา
ปมที่หลายคนสงสัย ไมเคิล จอร์แดน เก่งที่สุดในโลก แต่ทำไม ไม่ถูกดราฟต์ตัวเป็นคนแรก ในสมัยเรียน มีคนเก่งกว่า MJ อีกหรือ? วิเคราะห์บอลจริงจัง จะเล่าให้ฟัง
ไมเคิล จอร์แดน คือนักบาสอันดับ 1 ตลอดกาลของโลกใบนี้ เรื่องนี้ คงไม่มีใครสงสัย
แชมป์ NBA 6 สมัย อัจฉริยะทั้งเกมรุก และเกมรับ ได้ MVP ของลีก 5 สมัย และติดทีมออลสตาร์ 14 ครั้ง แถมเคยเป็นแชมป์แสลมดั๊งค์ อีกต่างหาก
แม้ปัจจุบันจะเลิกเล่นไปแล้ว แต่แฟนๆยังคงยอมรับเสมอว่า จอร์แดนคือ "ที่สุด" ในกีฬาบาสเกตบอล
อย่างไรก็ตาม มีคำถามที่น่าสนใจก็คือ ทำไมจอร์แดนเก่งขนาดนี้ แต่กลับไม่ถูกดราฟต์เป็นผู้เล่นเบอร์ 1
ในดราฟต์คลาส ปี 1984 ไมเคิล จอร์แดน ถูกเลือกเข้ามาเป็นคนที่ 3
หืม ... ในสายตาของทีมบาส มีคนเก่งกว่า จอร์แดน ถึง 2 คนเลยหรอ?
มันเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานั้น แล้วดราฟต์เบอร์ 1 กับ 2 คือใคร เราจะย้อนอดีตกลับไปในปี 1984 หรือเมื่อ 35 ปีที่แล้วไปพร้อมกัน
การดราฟต์ตัวผู้เล่นเข้าสู่ NBA ในปี 1984 ฤดูกาลนั้น มีผู้เล่นชั้นยอดระดับโลกมากมาย ทั้ง ฮาคีม โอลาจูวอน เซ็นเตอร์ร่างยักษ์ชาวไนจีเรีย, ชาร์ล บาร์คลีย์ ฟอร์เวิร์ดอัจฉริยะจากมหาวิทยาลัยออเบิร์น , จอห์น สต๊อกตัน การ์ดจากมหาวิทยาลัยกอนซาก้า รวมถึง ไมเคิล จอร์แดน สตาร์จากมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลน่า
ขณะที่อันดับในการดราฟต์ มีดังนี้
1-ฮุสตัน ร็อคเกตส์
2- พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์
3- ชิคาโก้ บูลส์
ท้ายที่สุดแล้ว การดราฟต์ตัว ฮุสตัน เลือกโอลาจูวอน , พอร์ทแลนด์ เลือก แซม โบวี่ นั่นทำให้ไมเคิล จอร์แดน ตกมาถึงอันดับ 3 ชิคาโก้ บูลส์
ในเวลานี้ มองย้อนกลับไป ก็อาจจะทำให้สงสัยว่า พอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ คิดอะไรอยู่ ทำไมไม่เลือกจอร์แดน
แซม โบวี่ ตัวที่พอร์ทแลนด์เลือก ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นอะไร ก่อนที่จะรีไทร์ไปแบบเงียบๆ ไม่เคยติดทีมออลสตาร์แม้แต่หนเดียว
ในยุคหลังสื่อมวลชน แซวว่า แซม โบวี่ คือการดราฟต์ตัวที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA ซึ่งมันก็ชวนให้คิดแบบนั้น เพราะลองคิดดู ถ้าพอร์ทแลนด์ เลือกจอร์แดนเข้ามาแทน บางที ทีมที่ยิ่งใหญ่ อาจเป็นพอร์ทแลนด์ ไม่ใช่ชิคาโก้ บูลส์ ก็เป็นได้
แต่อย่างที่หัวเรื่องของเราบอก คือ ไม่มีใครรู้อนาคต ใครจะไปรู้ว่า การเลือกแซม โบวี่ จะล้มเหลว และ จอร์แดน จะกลายเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ตลอดกาลแบบนี้ล่ะ?
19 มิถุนายน 1984 ที่นิวยอร์ก งานดราฟต์ตัวนักกีฬา NBA ประจำปีกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
การดราฟต์ตัวคนแรกมาถึง ฮุสตัน ร็อคเกตส์ ไม่เสียเวลาอะไรทั้งสิ้น พวกเขาเลือก "ฮาคีม โอลาจูวอน" เซ็นเตอร์ชาวไนจีเรีย เจ้าของส่วนสูง 213 เซ็นติเมตร
โอลาจูวอน พายูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮุสตัน ได้รองแชมป์ NCAA หรือบาสมหาวิทยาลัย 2 สมัยติดต่อกัน เขาเป็นขวัญใจชาวเมืองฮุสตัน ดังนั้น ก็สมเหตุสมผลที่ร็อคเกตส์ จะเลือกดราฟต์เขาเป็นคนแรก
ในเอ็นบีเอยุคนั้น จะตัดสินแพ้ชนะกันที่การต่อสู้วงใน มันเป็นยุคของ Big Man ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์ จึงมีความสำคัญมาก
ผลงานในระดับมหาวิทยาลัย โอลาจูวอน คือตัวรีบาวด์เบอร์ 1 ของประเทศ เขาตัวใหญ่ยักษ์ แต่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วคล่องแคล่ว ถ้ามีเขาอยู่ คงยากจะมีใครต้านทานเกมวงในได้
ปกติการดราฟต์ตัว จะให้แต่ละทีมมีเวลาตัดสินใจ 5 นาที แต่กับโอลาจูวอน ทีมฮุสตัน ร็อคเกตส์ ใช้เวลาแค่ 39 วินาที ในการส่งชื่อ คือพวกเขาตัดสินใจมาแล้ว ตั้งแต่แรก
แล้วไมเคิล จอร์แดนล่ะ?
จอร์แดน เล่นอยู่กับมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลน่า เขาเป็นผู้เล่นมีพรสวรรค์ ลีลาดั๊งค์สวยงาม และทำแต้มได้ทุกระยะ แต่ทว่า ในปี 1984 จอร์แดน ไม่ใช่นักบาสเบอร์ 1 ของระดับมหาวิทยาลัย
จอร์แดน เคยได้แชมป์ NCAA ปี 1982 แต่เขาก็ไม่ใช่ สตาร์เบอร์ 1 ของทีม เพราะทีมชุดนั้น มีแต่ตัวเก่งๆ อย่างแซม เพอร์กิ้นส์ หรือ เจมส์ เวิร์ทธี่ อยู่ด้วย
คือทุกๆคนในทีมช่วยกัน ถึงคว้าแชมป์ NCAA ได้สำเร็จ จอร์แดนไม่ได้เด่นคนเดียว
ตรงข้ามกับ ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ ฮุสตัน ที่มีโอลาจูวอนเป็นวันแมนทีม เขามีค่าบล็อกเฉลี่ย 4 ครั้งต่อเกม และทำทริปเปิ้ลดับเบิ้ลได้แทบทุกเกม คือมันโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ใครๆก็ฟันธงว่า โอลาจูวอน จะได้ดราฟต์เบอร์ 1 แน่นอน
นั่นแปลว่า ฮุสตัน ร็อคเกตส์ เลือกตามตำรา คือเลือกผู้เล่นที่ควรเลือก
เมื่อมีคนที่เด่นขนาดนั้น ในยุคที่เซ็นเตอร์ครองโลก มันคงบ้ามากแน่ๆ ถ้าพวกเขาเมินโอลาจูวอน แล้วไปดราฟต์ไมเคิล จอร์แดนแทน
ถามว่า ฮุสตัน พลาดมั้ยที่เลือกโอลาจูวอน ณ ตอนนั้น
คำตอบคือ ไม่ได้พลาด เพราะโอลาจูวอน มาทำให้เกมวงในของทีมแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ
สุดท้ายฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ ได้แชมป์เอ็นบีเอ 2 สมัย ในปี 1994 และ 1995 โดย โอลาจูวอนเป็น MVP Finals 2 สมัยซ้อน
ดังนั้น จะเห็นว่า อาจไม่ได้ 6 แชมป์แบบจอร์แดน แต่จำนวน 2 แชมป์ที่โอลาจูวอน ช่วยร็อคเก็ตส์ ก็ถือว่าน่าประทับใจแล้ว
ดราฟต์เบอร์ 1 ผ่านไป มาสู่ เบอร์ 2 เป็นคิวของพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์
ตั้งแต่พอร์ทแลนด์ เสีย บิลล์ วอลตัน เซ็นเตอร์มือ 1 ของทีมไปให้ซานดิเอโก้ คลิปเปอร์ส ในปี 1978 ทีมก็ไม่เคยเข้าชิงเอ็นบีเอได้อีกเลย ดังนั้นพวกเขา จึงต้องการเซ็นเตอร์ ฝีมือดีสักคนเข้ามาเป็นแกนหลักให้ทีม
จริงๆพวกเขาต้องการโอลาจูวอน แต่โดนฮุสตัน ตัดหน้าไปแล้ว จึงต้องมองมาที่ชอยส์อื่นๆ
ในที่สุด พอร์ทแลนด์ เลือกแซม โบวี่ เซ็นเตอร์จากมหาวิทยาลัยเคนตักกี้ ที่สูง 216 เซ็นติเมตรเข้ามาในโควต้าดราฟต์เบอร์ 2
แม้จะมีคนแนะนำเยอะว่าคิดให้ดี แต่ สตู อิมมาน GM ของพอร์ทแลนด์ ก็ตัดสินใจเด็ดขาด เขาไม่ยอมเลือกไมเคิล จอร์แดนมาเข้าทีม เพราะในเวลานั้น พวกเขามี อัจฉริยะในตำแหน่งชูตติ้งการ์ด ที่ชื่อ ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์อยู่แล้ว
เดร็กซ์เลอร์ เพิ่งถูกดราฟต์มาในปี 1983 เขามีลีลาการเล่นที่คล้ายกับจอร์แดนมาก คือมีพลังทะลุทะลวงวงในได้ดี จ่ายบอลคม ขณะที่ส่วนสูง ก็ไล่เลี่ยกัน (เดร็กซ์เลอร์ 201 ซม. จอร์แดน 198 ซม.)
สื่อมวลชน หลายแขนงยกย่องว่าเดร็กซ์เลอร์ คือ ชู้ตติ้งการ์ดเบอร์ลำดับต้นๆของลีก มันหมายความว่า พอร์ทแลนด์ ไม่รู้จะเอาจอร์แดนมาทำไม เพราะมันคือผู้เล่น 2 คน ที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน สู้ใช้สิทธิการดราฟต์ไปเสริมในตำแหน่งที่ตัวเองขาดไปยังจะดีกว่า
ณ ตอนนั้น จอร์แดน ก็เก่ง แต่ไม่มีใครคิดว่าจะเก่งไปถึงขั้นระดับโลก ดังนั้น การเมินจอร์แดนของพอร์ทแลนด์ ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้
ท้ายที่สุด จอร์แดน จึงตกมาถึงทีมที่ 3 ซึ่งก็ได้แค่ ชิคาโก้ บูลส์
"ชิคาโก้ บูลส์ ขอเลือก ไมเคิล จอร์แดน" เสียงของเดวิด สเติร์น ผู้บริหารของเอ็นบีเอ ประกาศบนเวที
จอร์แดน ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของชิคาโก้ นับตั้งแต่วินาทีนั้น
"ตอนที่ผมดราฟต์เขา ผมบอกว่า 'โอเค เราน่าจะได้ตัวผู้เล่นฝีมือดีมาคนหนึ่งแล้วล่ะ'" ร็อด ธอร์น GM ของชิคาโก้ ณ เวลานั้นกล่าว
"คือผมคิดว่าเขาน่าจะช่วยเราได้ แต่ถามว่า เขาจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของโลก แบบนี้หรือไม่ โอ้ว ไม่หรอก ผมไม่มีทางคิดไปไกลขนาดนั้น"
หลังจากการดราฟต์ตัว กราฟชีวิตของ เบอร์ 2 แซม โบวี่ กับ เบอร์ 3 ไมเคิล จอร์แดน ก็พุ่งไปคนละทาง
1
โบวี่ มีอาการบาดเจ็บรุมเร้า และไม่สามารถเรียกฟอร์มสมัยมหาวิทยาลัยได้เลย ก่อนจะอำลาทีมไปอย่างเงียบๆ ขณะที่ จอร์แดนยิ่งเล่นยิ่งดี หลังจากผ่านไป 7 ปี จอร์แดน ก็คว้าแชมป์เอ็นบีเอ สมัยแรกได้สำเร็จ และก้าวขึ้นเป็นนักบาสเบอร์ 1 ของโลกในเวลาต่อมา
ยิ่งจอร์แดน โด่งดังเท่าไหร่ การ "ไม่ยอมเลือก" ของพอร์ทแลนด์ ก็ยิ่งโดนเอามาแซวเป็นโจ๊กมากขึ้นเรื่อยๆ
สปอร์ต อิลลัสเทรต สื่อชื่อดังระบุว่า การเลือกตัว แซม โบวี่ ของ พอร์ทแลนด์ คือการเลือกตัวที่พลาดที่สุดตลอดกาล เพราะถ้าวันนั้น พอร์ทแลนด์เลือกไมเคิล จอร์แดน บางทีทีมที่ยิ่งใหญ่ในเอ็นบีเอ อาจเป็นพอร์ทแลนด์ ไม่ใช่ชิคาโก้ บูลส์
บทสรุปของเรื่องนี้ ก็เข้าใจอยู่ ที่พอร์ทแลนด์ โดนแซวมาตลอด เรื่องการไม่ยอมดราฟต์จอร์แดน
มันก็น่าเสียดายจริงๆนั่นแหละ เพราะถ้ามีจอร์แดนล่ะก็ ในรอบ 35 ปีที่ผ่านมา พอร์ทแลนด์น่าจะไปถึงแชมป์เอ็นบีเอได้สักหนสองหนแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เขียนมองว่า น่าเสียดายน่ะใช่ แต่พอร์ทแลนด์ "ผิด" หรือไม่ ขอตอบว่า ไม่
เพราะ ณ วินาทีนั้น พอร์ทแลนด์ คำนวณดูแล้วว่า ทีมยังขาดผู้เล่นเซ็นเตอร์ ก็ต้องหาเซ็นเตอร์เข้ามา พวกเขาคิดทบทวนอย่างดีแล้ว จึงตัดสินใจแบบนั้น
เพียงแต่ ใครมันจะไปรู้ ว่าผู้เล่นที่ตัวเองไม่ได้เลือก จะกลายเป็นนักบาสเบอร์ 1 ตลอดกาล
คือมันช่วยไม่ได้จริงๆ ...
ผมเชื่อว่า ในชีวิตของคนเรา หลายๆครั้ง ถ้ามองย้อนกลับไป เราก็จะรู้สึกเสียดายเสมอ ถ้าเลือกแบบนั้น ชีวิตคงมีความสุขกว่านี้ ถ้าเลือกคนนั้นคงไม่ต้องมาเสียใจอย่างนี้
แต่อย่าลืมว่า ไม่มีใครรู้อนาคต
ทุกคนเวลาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือก ก็จะหักลบเหตุผล และเลือกชอยส์ที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด
เราก็ได้แต่หวังว่า ชอยส์ที่เราเลือก มันจะเป็นคำตอบที่ถูก
เพียงแต่ถ้าสิ่งที่เราเลือก มันดันเป็นคำตอบที่ผิด
ก็ยอมรับความจริง ยิ้มสู้ไป และไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง
#Jordan
โฆษณา