6 ม.ค. 2019 เวลา 17:13 • ธุรกิจ
เค้าเรียกผมว่า "ความโชคร้าย"
พอดีผมขึ้นรถ และเห็นผู้หญิงคนนึงขึ้นรถมาพร้อมคุยโทรศัพท์ และมีบทสนทนาว่า "โคตรโชคร้ายเลยว่ะ วันนี้ฝนตก" ทำให้ผมนั่งคิดท่ามกลางรถติดๆ แอร์เย็นๆ ว่า
"ความโชคร้าย ความโชคร้าย มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
และในหัวก็บรรเจิดจินตนาการเรื่องนึงว่า
สมมติว่า มีคนเลี้ยงวัวคนหนึ่ง เลี้ยงวัว1ตัวเพื่อก่อร่างสร้างตัว ปรากฎว่าวัวตัวนั้น ได้หนีออกจากคอกไป....เพื่อนข้างบ้านบอกว่า "โคตรโชคร้ายเลยว่ะ แก วัวตัวเดียรของแกหลุดหนีออกไปแล้ว"
ชายคนนั้นตอบกลับไปว่า "มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
สมมติว่า พ่อแม่มีลูกชายคนหนึ่ง รักมาก เฝ้าเลี้ยงดูแลลูกอย่างดี ปรากฎว่าวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทำให้ลูกชายพิการขาขาด....เพื่อนข้างบ้านบอกว่า "โคตรโชคร้ายเลยว่ะ ลูกแกดันมาเกิดอุบัติเหตุทำให้พิการขาขาด"
พ่อแม่คู่นั้นตอบกลับไปว่า..."มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
สมมติ มีคนๆนึงนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์แล้วมีคนขับรถมาชนท้าย ทำให้คนๆนั้นมีเลือดออกในสมองและเกือบตาย...เพื่อนข้างบ้านบอกว่า "โคตรโชคร้ายเลยว่ะ มรืงเกือบตายหรือเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว"
คนๆนั้นคิดในใจว่า..."มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
ผมไม่รู้จะแต่งพล็อตเรื่องต่อยังไงดี เอาเป็นว่า...
เรื่องแรก...วัวตัวนั้นที่หนีไป และกลับมายังคอกเดิมเพราะมันรู้ว่าคอกนี้มันอยู่แล้วไม่อดตาย แถมพาสมาชิกมาเพิ่มอีกหลายตัว
เรื่องที่สอง...ปรากฎว่า ช่วงนั้นเกิดมีสงครามและต้องเกณฑ์ลูกๆของบ้านอื่นไปรบ และปรากฏว่าแพ้สงคราม ตายกันหมด มีลูกชายคนที่พิการไม่ตายเพราะไม่ได้ไปรบ
เรื่องที่สาม...คนๆนั้น ได้รู้จักรสชาติของการใช้ชีวิตว่าอย่าประมาท รู้จักกระบวนการทำงานของโรงพยาบาล รู้จักหมอ รู้จักพยาบาล รู้จักการทำงานของสมอง รู้จักการใช้ชีวิตลำพังในขณะที่ร่างกายต้องนอนพักฟื้น รู้จักมิตรภาพเพื่อนๆที่มาเยี่ยมเยียน
สรุปแล้วทั้งสามเรื่องที่ผมพล็อตเรื่อง "มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
ส่วนเรื่องสุดท้าย ผมอิงจากเหตุการณ์จริงของคนๆนึงมาเล่าสู่กันฟังครับ
ดังนั้น...ก่อนจะเอ่ยว่า "โคตรโชคร้าย" ให้ถามตัวเองว่า "มันคือความโชคร้ายจริงๆเหรอ"
โฆษณา