ทำไมนักวิเคราะห์, นักบริหารเศรษฐกิจ ไม่สามารถทำนายตลาดหุ้นได้ถูกทุกครั้ง
เศรษฐศาสตร์พฤติกรรมในตลาดหุ้น มีคำตอบ!
แนวคิด ความรู้ดีๆ ในยุคปัจจุบันย่อมนำมาปรับใช้ได้ดีกว่า แนวคิดความรู้ในอดีตเสมอ เพราะเกิดจากการต่อยอดมาจากอดีต
ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ ก็หนีไม่พ้นเงื่อนไขดังกล่าว
แนวคิดเศรษฐศาสตร์ยุคดั้งเดิม อย่าง อดัม สมิธ, จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ต่างสร้างทฤษฎีที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ
แต่เนื่องจากทฤษฎีดังกล่าวอยู่บนข้อสมมุติฐานที่ว่า มนุษย์ตัดสินใจด้วยเหตุและผลเสมอ (Rational)
จึงเกิดแนวคิดเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ซึ่งเป็นแนวคิด ความรู้สมัยใหม่ บนข้อสมมุติฐานที่ มนุษย์ไม่ได้ตัดสินใจแบบเป็นเหตุเป็นผลตลอดเวลา
และเข้ามาเติมเต็มเศรษฐศาสตร์แนวคิดเดิม โดยสามารถอธิบายหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วไม่เป็นไปตามทฤษฎีเดิม ได้อย่างชัดเจนขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น นำมาประยุกต์อธิบายเหตุการณ์ วิกฤติปี40
รัฐบาลไทยมีมาตรการควบคุมค่าเงินบาท และจะไม่มีประกาศลอยตัว
คนส่วนใหญ่ คิดแค่มิติที่ 1(Rational) จะคิดว่า ค่าเงินจะอยู่แถว 24 บาทต่อดอลล่าร์ตลอดไป เพราะรัฐบาลมีมาตรการควบคุมค่าเงิน
แต่จอร์จ โซรอส กลับคิดมิติที่ 2 ถ้าคนเชื่อว่าค่าเงินจะอยู่ที่ 24 บาท ตลอดไป
จึงไม่ความเสี่ยงเรื่องค่าเงิน และแห่ไปกู้เงินต่างประเทศที่ดอกเบี้ยถูกกว่า
หากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อไร คนส่วนใหญ่มีแนวคิดมิติที่ 1 จะสูญเสียเงินมหาศาล
แล้วคนที่จะได้เงินในส่วนนั้น คือคนที่เข้าไปเก็งกำไรค่าเงินบาท
และจอร์จโซรอส ก็ได้เงินในส่วนตรงนั้นไป จากการไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่คิดแบบมิติที่ 1
ตัวอย่างของตลาดหุ้น
ในสถาวะที่ตลาดปลายขาขึ้น
สมมุติถ้าคนที่คิดแบบมิติที่1 คือ คนที่มีความคิดที่ว่าหุ้นที่มีผลกำไรดี หรือให้ปันผลสูง คือหุ้นที่น่าซื้อ
คนคิดที่มิติที่ 2 จะมองว่าถ้าคนที่คิดมิติที่ 1 เข้าไปซื้อหุ้นดังกล่าวไล่ราคากันเยอะ คนที่คิดแบบมิติที่ 2 จะรอหาจังขายทำกำไร หลังจากที่หุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว หรือรอ หาจังหวะ Short หุ้น
ดังนั้น จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวหลายๆครั้งในตลาดหุ้น โดยที่คนส่วนมากไม่ตั้งข้อสังเกตุ และปล่อยให้ผ่านไป เพราะคนส่วนมากยังคงคิดแบบมิติที่ 1
บ่อยครั้งที่ หุ้นที่มีข่าวดีๆ หลายตัว จึงเป็นโอกาสทำกำไรของคนคิดแบบมิติที่ 2 และเป็นโอกาสขาดทุนของคนที่คิดแบบมิติที่ 1
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
