Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
PASSION LAW
•
ติดตาม
8 ม.ค. 2019 เวลา 16:49 • การศึกษา
คดีมีทุนทรัพย์ vs คดีไม่มีทุนทรัพย์
# หลักกฎหมายและคำพิพากษาของศาลฎีกาที่น่าสนใจ
กรณีที่คดีไม่มีทุนทรัพย์กลายเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ ตรงจุดนี้จะพิจารณาตรงจุดไหนซึ่งเราเข้าใจมาโดยตลอดว่ากรณีที่จำเลยให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ ต้องถือว่าคดีนั้นเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์ แต่การให้การต่อสู้อย่างไร จึงจะถือว่าเป็นกรณีที่จำเลยให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ ซึ่งในเรื่องนี้เราจะต้องศึกษาจากคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะฉะนั้นเรามาดูตัวอย่างคำพิพากษาของศาลฎีกา ซึ่งฎีกาเหล่านี้
เป็นกรณีที่ถือว่าจำเลยให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์
*คำพิพากษาฎีกาที่ 6265/2557 คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าที่ดินเป็นทางสาธารณะ ขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดิน จำเลยให้การว่าที่ดินเป็นของจำเลยไม่ใช่ทางสาธารณะ ประเด็นข้อพิพาทในคดีนี้จึงมีว่า ที่ดินเป็นทางสาธารณะหรือไม่ อีกทั้งคดีนี้เป็นคดีที่ราษฎรพิพาทกันเอง มิใช่กรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจดูแลที่ดินตามกฎหมาย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์อันอยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 18
*คำพิพากษาฎีกาที่ 7207/2560 คดีฟ้องขับไล่ ไม่ว่าโจทก์จะเรียกค่าเสียหายเป็นค่าเช่าในจำนวนเท่าใด ก็ถือว่าเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือคดีไม่มีทุนทรัพย์ ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวและอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 25 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 17 ส่วนจำนวนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องมาเป็นเพียงข้อพิจารณาที่นำไปสู่ข้อจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง หาใช่เป็นข้อพิจารณาเรื่องเขตอำนาจศาลไม่ โจทก์ฟ้องต่อศาลจังหวัดเป็นการถูกต้องชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 18
คำพิพากษาฎีกาที่ 260/2560 โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารพร้อมทั้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทและที่หัวไร่ปลายนาของโจทก์ทั้งสอง หากโจทก์ทั้งสองนำที่พิพาทออกให้บุคคลอื่นเช่าจะได้ค่าเช่าเดือนละไม่น้อยกว่า 1,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การในตอนแรกว่าจำเลยทั้งสองปลูกบ้านอยู่นอกโฉนดที่ดินของโจทก์ทั้งสอง แต่ที่นอกโฉนดที่ดินเป็นที่หัวไร่ปลายนาของโจทก์ทั้งสอง จำเลยทั้งสองเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินโดยสงบและเปิดเผยจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์แล้ว ตอนหลังจำเลยทั้งสองกลับให้การว่าหากที่หัวไร่ปลายนาไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ทั้งสองแต่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยทั้งสองเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์อยู่ก่อนย่อมมีสิทธิในการครอบครองดีกว่าโจทก์ทั้งสอง ดังนี้คำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นคำให้การที่ขัดแย้งกันเองไม่ชัดแจ้งว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง คดีจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ จึงไม่ใช่คดีมีทุนทรัพย์แต่เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลใดๆออกจากอสังหาริมทรัพย์ ที่พิพาทอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละ 4,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามมาตรา 224 วรรคสอง
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย