8 ม.ค. 2019 เวลา 23:27 • ธุรกิจ
โลกดิจิตอล
ผมมีเพื่อนใน Facebook 554
คนแต่ผมยังรู้สึกเดียวดาย
ผมคุยกับพวกเขาทุกวัน แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้จักจริงปัญหาคือผมไม่อยากสบตาพวกเขาขณะสนทนา
ได้แต่มองชื่อบนหน้าจอ ผมจึงถอยออกมา
ผมเปิดตาดูอีกครั้งผมมองไปรอบๆ และตระหนักได้ว่า
สิ่งที่เราเรียกว่าโซเชียลนั่น คือ การเปิดหน้าจอคอม แต่ปิดประตูห้องของเรา
เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงภาพมายา
ของชุมชนหรือมิตรภาพหรือความรู้สึกร่วม
แต่หากคุณถอยห่างกับเครื่องมือสร้างความหลงนี้ได้
คุณจะตื่น และ เห็นโลกอลหม่าน
โลกที่เราตกเป็นทาสของสิ่งที่เราสร้างขึ้น
โลกที่ข้อมูลของเราถูกขายด้วยเราคนโลภ
โลกที่สนใจแต่ตัวเองภาพลักษณ์และโปรโมทตัวเอง และ โลกที่แชร์สิ่งสวยงาม แต่กับไร้ซึ่งอารมณ์
เราดู มีความสุขกับสิ่งที่เราแชร์ แต่จะเป็นอย่างนั้น
หรือเปล่าหากไม่มีใครอยู่ด้วยเลย
จงอยู่กับเพื่อนของคุณและเขาจะอยู่เช่นกัน
แต่จะไม่มีใครเลยหากการอยู่นั้นเป็นเพียงตัวอักษร
เราตกแต่งเสริมเติมเพิ่มถ้อยคำ
เราแสร้งทำเป็นไม่เห็น ความโดดเดี่ยวในสังคม
เราร้อยเรียงคำพูดเพื่อให้เราดูเจิดจรัสขึ้น
โดยแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครฟังอยู่ไหม
การอยู่คนเดียวไม่ใช่ปัญหา
การอ่านหนังสือวาดรูป หรือออกกำลังกายนั่น
คือการแสดงออกอย่างสร้างสรรค์
และ ไม่ใช่โดดเดี่ยวเดียวดาย
คุณกำลังตื่นรู้ ใส่ใจ และใช้เวลากับสิ่งดีๆ
ดังนั้นเมื่อคุณอยู่ในที่สาธารณะแล้วรู้สึกโดดเดี่ยว
เก็บมือของคุณให้พ้นจากมือถือซะ
คุณไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจอ มองหารายชื่อ
ลองหันไปคุยกับคนอื่นๆเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน
ผมไม่ชอบความเงียบในขบวนรถไฟที่พลุกพล่าน
ไม่มีใครกล้าพอที่จะ เริ่มคุย..
เพราะกลัวถูกมองว่า ประหลาด
เราเริ่มกลายเป็น สัตว์ไร้สังคม
เมื่อไม่ยินดี จะเชื่อมโยงกับผู้คน
หรือ แม้จะเธอสบตาผู้อื่น
เราถูกรายล้อมด้วยเด็กๆที่เกิด มาเห็นเราใช้ชีวิต
เหมือนหุ่นยนต์ เข้าใจว่านี่คือเรื่องธรรมดา
คุณจะเป็นสุดยอดคุณพ่อได้ยังไง
หากไม่รู้จักเล่นสนุกกับลูกโดยไม่ต้องพึ่งไอแพด
ตอนเด็กๆผมไม่ค่อยอยู่ติดบ้านเล่นซนปั่นจักรยานไปทั่วตามประสาเด็กๆ ล้มหัวเข่าถลอกประจำ
แต่ตอนนี้สวนสาธารณะกับเงียบเหงา
ไร้ซึ่งเด็กวิ่งเล่น ไม่มีใครเล่นกระโดดข้ามช่อง
เรา คือ คนรุ่นโง่งม
ใช้สมาร์ทโฟนแต่กลับโง่เขาลง
เงยหน้าจากมือถือปิดหน้าจอซะหัน
มองสิ่งรอบตัว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ลองสนทนาจริงๆดูสักครั้ง และ คุณจะเห็นความแตกต่าง ของการอยู่ตรงนั้น จงอยู่ในขณะที่เธอมองคุณด้วยสายตาหวานละมุน ในห้วงของความรักที่คุณจะไม่มีวันลืม
ครั้งแรกที่จูงมือ ครั้งแรกที่จุมพิต
ยามที่ทะเลาะและคืนดีกันครั้งแรก
ยามที่คุณไม่ต้องบอกใครว่าคุณกำลังทำอะไร
คุณอยากแบ่งปันเวลานี้กับแค่เธอเท่านั้น
ยามที่คุณขายสิ่งของที่คุณรัก เพื่อนำเงินไปซื้อแหวนให้กับผู้หญิงในฝันซึ้งกลายเป็นจริง
ยามเมื่อคุณอยากสร้างครอบครัว
ยามเมื่อคุณอุ้มเด็กสาวตัวน้อย และตกหลุมรักอีกครั้ง
ยามเมื่อเธองอแงจนคุณตื่นทั้งๆที่คุณอยากจะนอน
ยามเมื่อคุณเสียน้ำตา เมื่อเธอโผบินจากลัง
ยามเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับเจ้าตัวน้อยให้คุณอุ้ม
ยามที่ถูกเรียกว่าคุณตาทำให้รู้สึกว่าฉันแก่เสียจริง
ยามที่คุณใช้เวลากับสิ่งที่คุณสร้างมาด้วยชีวิต
และรู้สึกดีที่ไม่เสียไปกับการ จ้องมองสิ่งประดิษฐ์
์ยามที่คุณกลุ่มมือภรรยาอยู่เคียงข้างบนเตียงของเธอ
บอกเธอว่าคุณรักเธอจุมพิตเธอบนหน้าผาก ฟังเสียงกระซิบแผ่วเบาจวบจนเสียงเส้นสุดท้ายของหัวใจ
จนเธอว่าช่างโชคดีที่ได้เจอเด็กหนุ่มหลงทางบนถนนสายนั้น
แต่ ทั้งหมดนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นจะไม่มีโอกาสเรานี้เลย
หากคุณยังคงก้มหน้าไม่เห็นในสิ่งที่คุณพลาดไป
เงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วปิดหน้าจอซะ
ชีวิตของเรามีจำกัด วันเวลาของเรามีไม่มาก
อย่าเสียเวลาจดจ่อไปกับโลกอินเตอร์เน็ต
และเมื่อถึง คราวจะลาคุณอาจจะต้องพบกับความเสียใจ
ผมเองก็ผิดเช่นกันที่เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งเหล่านี้
โลกดิจิตอลที่ได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นตัวจริง
ที่ซึ่งเราพิมพ์แทนคำพูด
ที่ซึ่งเราใช้เวลาร่วมกันแต่ปราศจากการสบตา
อย่าให้ชีวิตของคุณไหลไปตามกระแสนี้
จงมองความรัก อย่าได้แค่กดไลค์
ยุติความอยากโอบประโคมตัวตน
ไปสู่โลกกว้างทิ้งสิ่งล่อลวงไว้ข้างหลัง
กลับไปใช้ชีวิตจริงๆสักที
โฆษณา