11 ม.ค. 2019 เวลา 06:00 • ประวัติศาสตร์
งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตันและจดหมายเพียงฉบับเดียวที่อาจเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ไปได้ตลอดกาล
ทุกวันนี้ทุกคนทราบดีว่าสหรัฐอเมริกาคือมหาอำนาจของโลก หากแต่ย้อนกลับไปเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน สหรัฐอเมริกา ยังเป็นเพียงอาณานิคมนิวอิงแลนด์ของอังกฤษที่ประกอบด้วยรัฐสิบสามรัฐและกำลังต่อสู้เพื่อเสรีภาพ
ในเวลานั้น อังกฤษได้ผลักภาระค่าใช้จ่ายต่างๆมาให้ดินแดนอาณานิคม ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าต่างๆรวมถึงการกำหนดนโยบายที่ไม่เป็นธรรม ทำให้ชาวอาณานิคมเริ่มจะคิดได้ว่า พวกเขาควรมีสิทธิกำหนดนโยบายของดินแดนตนเองสิ ทำไมต้องคอยฟังอังกฤษด้วย ทำให้ชาวอาณานิคมเริ่มต่อต้านรัฐบาลอังกฤษ
1
งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน
เหตุการณ์ต่อต้านที่นำไปสู่ความรุนแรงในเวลาต่อมา คือเหตุการณ์งานเลี้ยงน้ำชาที่บอสตัน(Boston Tea Party) ในเดือนธันวาคม ค.ศ.1773(พ.ศ.2316) โดยมีชายฉกรรจ์นับสิบ แต่งกายด้วยชุดอินเดียนแดง บุกขึ้นเรือบรรทุกสินค้าของอังกฤษและเอาลังบรรจุใบชาจำนวนมากโยนทิ้งลงทะเล เพื่อประท้วงการที่รัฐบาลอังกฤษขึ้นภาษีใบชาอย่างไม่เป็นธรรม ต้องบอกก่อนว่า ในยุคนั้น ผู้คนนิยมดื่มชากันเป็นอย่างมาก การขึ้นภาษีใบชาจึงทำให้ชาวอาณานิคมไม่พอใจ ซึ่งผลจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้รัฐบาลอังกฤษออกกฎหมายควบคุมชาวอาณานิคมอย่างหนักจนนำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรงในเวลาต่อมา
สมรภูมิเล็กซิงตันและคองคอร์ด
สถานการณ์นั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนนำไปสู่การปะทะกันครั้งใหญ่ระหว่างฝ่ายอาณานิคมและทหารอังกฤษที่เล็กซิงตันและคองคอร์ดในเดือนเมษายน ค.ศ.1775(พ.ศ.2318)ซึ่งถือว่าเป็นการรบครั้งแรกในสงครามประกาศอิสรภาพของชาวอาณานิคมและรัฐบาลอังกฤษ
ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1775(พ.ศ.2318) สิบสามรัฐของอาณานิคม ได้ลงมติให้นายพลจอร์จ วอชิงตัน ขึ้นเป็นผู้นำทัพของอาณานิคมเพื่อทำสงครามประกาศอิสรภาพจากอังกฤษ โดยมีโทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็นผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพ
1
ทว่าเมื่อสงครามเริ่มขึ้น กองทัพอาณานิคมต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่มากครับ เนื่องจากด้อยกว่าทั้งกำลังพลและอาวุธ ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หลายครั้ง สูญเสียกำลังพลเป็นจำนวนมาก จนหลายรัฐปฏิเสธที่จะส่งกำลังพลและเสบียงรวมถึงอาวุธมาให้ เพราะดูท่าแล้วน่าจะแพ้แน่ๆ
ในขณะเดียวกัน กองทัพอังกฤษก็ยิ่งเข้มแข็ง มีกำลังพลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากรัฐบาลได้ส่งทหารมาสนับสนุน รวมถึงยังได้ทหารรับจ้างเฮสเชียน(ทหารเยอรมันจากแคว้นเฮส)มาเสริมทัพอีกหลายหมื่นนาย เรียกว่าสถานการณ์ของอาณานิคมตอนนี้ ดูเหมือนจะเลวร้ายขั้นหนัก ถ้าเปรียบเป็นหุ้นก็คือหุ้นที่มีแต่ตก ไม่มีขึ้นเลยครับ
2
ในปีค.ศ.1776(พ.ศ.2319)กองทัพอาณานิคม เหลือทหารที่พร้อมรบไม่ถึงหมื่นนาย และทหารส่วนใหญ่ก็ขาดแคลนทั้งเสบียง อาวุธ แม้แต่เครื่องแบบ และความซวยของกองทัพอาณานิคมยังไม่หมดครับ เมื่อฤดูหนาวมาถึง ทหารหลายพันนายก็ล้มป่วยและเสียชีวิต ส่งผลให้ขวัญกำลังใจของกองทัพยิ่งตกต่ำเข้าไปอีก
1
จอร์จ วอชิงตันในฐานะผู้นำทัพตัดสินใจเข้าโจมตีเมืองเทรนตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งมีกองทหารเฮสเชียนคุมอยู่1,500นาย โดยกองทัพอาณานิคมมีทหาร2,400 นาย ถึงแม้จะมีทหารเยอะกว่า แต่ทหารส่วนใหญ่ก็อ่อนแอและหิวโหย ไม่มีแรงจะรบ กระสุนดินดำก็มีอยู่เพียงนิดเดียว
วอชิงตัน ได้วางแผนเข้าโจมตีโดยไม่ให้ข้าศึกได้ตั้งตัว โดยในคืนวันคริสต์มาส 25 ธันวาคม ค.ศ.1776(พ.ศ.2319) เขาได้นำกำลังพลทั้งหมด พร้อมปืนใหญ่ 18 กระบอก ลงเรือเหล็กท้องแบนสำหรับขุดแร่ ข้ามแม่น้ำเดลาแวร์เพื่อเข้าตีค่ายเฮสเชียนในตอนเช้า
แต่เรื่องมันไม่ง่ายนักครับ แผนการครั้งนี้ได้รั่วไหลออกไป มีชาวนาที่ฝักใฝ่ฝ่ายอังกฤษเกิดมาเห็นเข้า ชาวนาคนนั้นจึงรีบตรงไปยังค่ายที่เทรนตันและขอพบพันเอกโยฮัน รอล หแต่ทหารที่เฝ้าหน้าค่ายไม่ยินยอมให้เขาเข้าไป ชาวนาคนนั้นจึงทำได้เพียงฝากจดหมายแจ้งข่าวการเคลื่อนทัพของวอชิงตัน
แต่ทว่า เหมือนฟ้าจะเริ่มเข้าข้างชาวอาณานิคม คืนนั้นทั้งค่ายของกองทัพเฮสเชียนกำลังฉลองคริสมาสต์กันอยู่ครับ ทั้งผู้บังคับบัญชา ทั้งทหาร ต่างดื่มกิน ร้องเพลง เมามายกันอย่างสนุกสนาน เมื่อมีทหารนำจดหมายแจ้งข่าวการโจมตีของกองทัพวอชิงตันมาให้ท่านผู้พันโยฮัน ผู้พันก็เพียงแต่เก็บไว้ในเสื้อนอกโดยไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน เนื่องจากท่านผู้พันยังยุ่งอยู่กับการเล่นไพ่และดื่มกิน เลยไม่ได้สนใจจดหมายที่ทหารนำมาให้
1
สิบโมงเช้าวันรุ่งขึ้น หิมะที่ตกหนักมาตลอดคืนได้หยุดลง กองทหารของวอชิงตันได้เคลื่อนกำลังมาถึงหน้าค่ายเฮสเชียนและเปิดฉากโจมตีทันที หิมะที่ตกตลอดคืนทำให้ดินปืนเปียกชื้น ทหารอาณานิคมส่วนใหญ่ต้องบุกด้วยดาบปลายปืนหรือใช้ปืนแทนกระบอง ขณะที่บรรดาทหารเฮสเชียน ซึ่งเพิ่งสร่างเมาจากงานฉลองเมื่อคืน ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมาก การรบดำเนินไปอย่างรุนแรงและจบลงในเวลาอันสั้น โดยฝ่ายอาณานิคมเสียกำลังพลไปสองนาย ส่วนทหารเฮสเชียนตายในที่รบยี่สิบสองนาย บาดเจ็บแปดสิบสามนาย และถูกจับเป็นเชลยกว่าเก้าร้อยนาย ส่วนที่เหลือได้แตกพ่ายหนีไป
5
การรบที่เทรนตัน
พันเอกโยฮัน รอล ได้รับบาดเจ็บสาหัสและก่อนเสียชีวิต จดหมายฉบับนั้นได้ร่วงลงมาจากกระเป๋าเสื้อ ซึ่งเนื้อความของมันแจ้งถึงข่าวการเคลื่อนทัพของนายพลวอชิงตัน ที่จะเข้ามาโจมตีเทรนตัน โดยถ้าผู้พันโยฮันได้อ่านจดหมายนั้น เขาก็จะรู้ตัวล่วงหน้าและมีเวลาเตรียมตัวทั้งคืน กองทัพของวอชิงตันก็คงแทบจะไม่มีโอกาสชนะได้เลย
1
หลังชัยชนะในเทรนตัน วอชิงตันได้รวบรวมกำลังพลขึ้นมาใหม่ ขณะที่อังกฤษได้ส่งนายพลคอนวอลลิส แม่ทัพที่มีฝีมืออันดับต้นๆมาเป็นผู้บัญชาการกองทัพภาคสนามในอาณานิคมและสามารถโจมตีกองทัพอาณานิคมแตกพ่ายได้หลายครั้ง แต่สถานการณ์การรบของสองฝ่ายนั้นผลัดกันแพ้ชนะ แต่เวลานี้ ความคิดที่จะสู้เพื่ออิสรภาพได้แพร่ไปทั่วในสิบสามรัฐของอเมริกาแล้ว อีกทั้งยังมีทหารอาสาจากยุโรปมากมายเดินทางมาร่วมทัพด้วย ทำให้ฝ่ายอาณานิคมยังคงยืนหยัดสู้ได้ จนกระทั่งเมื่อฝรั่งเศส ศัตรูเก่าของอังกฤษ ได้เข้ามาสนับสนุนด้านอาวุธและเสบียง ทำให้กองทัพอาณานิคมสามารถระดมพลทั้งทหารและอาสาสมัครได้เกือบสองแสน รวมกับกำลังเสริมจากฝรั่งเศสกว่าหกหมื่นนาย กองทัพจึงยิ่งเข้มแข็ง ขณะที่ฝ่ายอังกฤษแม้จะมีกำลังทหารรวมกว่าสามแสนแต่ก็บาดเจ็บล้มตายและเริ่มอ่อนแอจากการรบที่ยาวนาน จนทำให้ฝ่ายอาณานิคมเริ่มเป็นต่อและรุกคืบได้เรื่อยๆ
2
เดือนกันยายน ปีค.ศ.1781(พ.ศ.2324) กองทัพอาณานิคม ภายใต้การนำของนายพลจอร์จ วอชิงตัน ร่วมกับกองทัพเรือฝรั่งเศสได้เข้าปิดล้อมกองทัพของนายพล คอร์นวอลลิสที่ยอร์คทาวน์ จนสุดท้ายในวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ.1781(พ.ศ.2324) นายพลคอร์นวอลลิสและกองทัพอังกฤษได้ยอมแพ้ โดยหลังสงครามสงบ ทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินการเจรจาต่อกัน จนวันที่ 3 กันยายน ปีค.ศ.1783(พ.ศ.2324) สหรัฐอเมริกาก็ได้รับเอกราชอย่างเป็นทางการโดยสมบูรณ์ จากนั้นในปี ค.ศ.1789(พ.ศ.2332) สหรัฐอเมริกาจึงได้มีการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกและจอร์จ วอชิงตันก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคนแรก
3
ลองคิดดูนะครับ ถ้าในคืนวันคริสต์มาสคืนนั้น พันเอกโยฮัน รอลได้เปิดอ่านจดหมายจะเป็นยังไง กองทัพของวอชิงตันก็คงจะพ่ายแพ้ อเมริกาก็คงจบสิ้น เพราะในเวลานั้นทัพของวอชิงตันที่โจมตีเมืองเทรนตัน แทบจะเป็นกำลังรบหน่วยสุดท้ายที่ยังยืนหยัดต่อสู้ อเมริกาก็คงจะอีกนานกว่าจะได้รับอิสรภาพ และก็อาจจะไม่ได้ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจดังเช่นทุกวันนี้ เรียกได้ว่าจดหมายเล็กๆฉบับเดียว แต่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลยครับ
โฆษณา