3 มี.ค. 2019 เวลา 14:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
มีเรื่องอยากเล่าให้อ่าน แต่อยากอ่านกันป่าวไม่สน 😜😜😜
รถที่จูนกล่อง แต่กล่องไม่ว่าจะพิกกี้แบ็ค แสตนอโล​น ราคาหลักพันยันหลักแสน รู้ป่าวว่าทำไมใส่แล้วมันแรง แล้วมันแรงได้ขนาดไหน...
ในฐานะคนชอบซน แล้วได้โอกาสคลุกคลีกับการจูนรถ หลายๆ ครั้งเห็นคนพูดคุยกันเรื่องการจูนกล่อง แต่งกล่อง แล้วยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกันหลายประเด็น
อีกอย่างนึง ผมก็ร่วมทดสอบกล่องที่กำลังจะออกมาขาย ก็มีเพื่อนๆ สนใจ ถึงขนาดจะนี่รถมาใส่ถึงเชียงใหม่เลย 555 เอาเป็นว่า อ่านแล้วอย่าเปลี่ยนนะ
เดี๋ยวจะค่อยๆ เล่าไปเรื่อยๆ คิดอะไรออก ก็จะพิมพ์ไปเรื่อยๆ นะครับ
เอ้า เรื่องแรกเลย ใส่กล่อง เปลี่ยนกล่องแล้วได้ม้าเท่าไหร่ เอา crf เราเป็นหลักละกัน สเป็คโรงงานบอกว่ามี 24 แรงม้าวัดที่เครื่องนะ แต่ขึ้นไดโน วัดที่ล่อ แล้วมีประมาณ 17 ตัว ทีนี้ เอาเงื่อนไข รถเดิม กรอง ท่อ น้ำมัน หีดฉีด เดิมทุกอย่าง เปลี่ยนกล่องแล้วควรจะได้กี่ม้า?
2
บางคนก็บอก 1 ม้า บ้างคนก็ 3 ม้า 5 ม้า
ก่อนตอบ เรามาคิดเลขกันหน่อย 17 แรงม้า 10% ก็คือ 1.7 แรงม้า 20% ก็ 3.4 แรงม้า 30% 5.4 แรงม้า...
คิดว่า วิศวกรฮอนด้าเค้ามีกี่คน เค้าจะทำรถให้แรงม้าน้อยๆ ออกมามั๊ย?
เค้าก็ต้องเค้นเอาประสิทธิภาพสูงสุดออกมาใช่มั๊ย?
สมมติเราเป็นผู้บริหารฮอนด้า วิศกรสร้างรถ crf มา 1คัน แล้วเค้าเอาไปเปลี่ยนกล่อง ได้ม้าเพิามขึ้น 30% คุณจะชื่นชมวิศวกรทีมนั้นมั๊ย
ทีนี้ วิศวกร มันก็ต้องเผื่อไว้หน่อย กันพัง ปกติ รถทุกยี่ห้อเค้าก็เผื่อไว้ทั้งนั้น มีตั้งแต่ 5-20% ฮอนด้า เผื่อน้อยสุดเลยเท่าที่เจอมา 😂😂😂
มอไซค์ฮอนด้าเผื่อไว้ประมาณ 5-7% เองนะ รถยนต์ 10-15% นั่นแปลว่า ถ้าเราเอารถฮอนด้ามาจูน มันก็จะแรงขึ้นแค่ที่วิศกรเค้าเผื่อมานั่นละ
จบ 1 ประเด็น พิมพ์ในมือถือนิ เมื่อยใช้ได้เลย 😁😁😁😁
โอเค รถเดิมๆ เค้าเผื่อกันพังเอาไว้ เผื่อเติมน้ำมัน 91 95 e20 น้ำมันเครื่องลิตรละร้อยถึงลิตรละพันมันก็ต้องใช้ได้
เวลาเราเอารถไปจูน เค้าก็จะบอกว่า จูนน้ำมัน e20 นะ จูน e85 นะ มันคืออะไร มันคือก่อนจูนเติมอะไรก็ได้ แต่จูนแล้วต้องใช้น้ำมันให้ถูกประเภทเท่านั้น!!!!
คือความแรงที่ได้มาก็ต้องแลกกับความสะดวกสบายบ้าง กล่องทุกวันนี้ก็เลยมีหลายแมพ เช่น map1 จูน e20 map2 จูน e85 ปิดกล่องก็เป็น 91 ต้องเลือกให้ถูกตามน้ำมันที่เติม
น้ำมันเครื่องก็ต้องถ่ายให้ตรงเวลา เพราะว่าคงไม่มีใครจูนรถแล้วจะขี่สี่สิบไปจ่ายตลาดใช่มั๊ย ถ้าเราซัดเต็มจัดหนัก ต่อให้ไม่ใส่กล่อง แต่ไม่สนใจน้ำม​ันเครื่อง ยังไงก็พัง จิงป่าว
ทีนี้ ไอ้ความเชื่อฝังหัวมาแต่สมัยพระเจ้าเหายังไม่สร้างกำแพงเมืองจีน ว่าไฟแก่จะแรง... (ใครมันคิดฟะ แล้วก็เชื่อกันจัง... ขออภัยช่วงนี้หงุดหงิดกับพวกปล่อยข่าวมั่ว..)
ไอ้ไฟแก่นั่นนะตัวพังเลย ในโลกความจริงแล้ว องศาจุดระเบิดที่เหมาะสม จะให้พลังงานสูงสุด แล้วก็ไม่พังด้วย ไม่ใช่มาถึงยัดไฟแก่ๆ แล้วมโนว่าแรง พังแน่นอน
ปริมาณการจ่ายน้ำมันก็สำคัญ ต้องจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละช่วง
เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวจะยาว
มีนี้ สมมติ เจ้า crf เดิมๆ ของเรา จับเปิดรอบไปซัก 15000 รอบจะเกิดอะไรขึ้น...
เครื่องเดิมๆ นะ มันปั่นไปไม่ถึงหรอก เพราะว่าเครื่องเดิมๆ โรงงานเค้าออกแบบมาให้มันพลังงานที่ช่วงรอบ 6-7000 พอเกินนั้นไป กำลังก็จะตกลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถปั่นรอบเครื่แงให้สูงขึ้นไปได้ แล้วมันจะเกิดเหตุการณ์ที่เนียกว่าวาล์วลอย ทำให้เครื่องเสียกำลังอัด ทำให้รอบไปต่อไม่ได้
ถ้าจะให้รอบไปต่อได้อีก ก็ต้องเปลี่ยนแคม ใส่สปริงวาล์วซิ่ง ทำพอร์ท ขยายวาล์ว ขยายลิ้น ให้อากาศเข้าเครื่องได้เยอะขึ้น
ทีนี้กลับมาที่ crf เรา ไม่ใช่ว่า สุ่มสี่สุ่มห้าเปิดรอบไปเยอะๆ แล้วมันจะแรง มันขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องปั่นไม่ถึง กล่องเทพแค่ไหนก็ไม่ช่วย ลองขี่ เกียร์หกดูซิ กำลังเครื่องมันพอจะลากไปได้ประมาณ 7 พันกว่าๆ เกือบ 8 พันรอบก็ไม่มีแรงแล้ว ใส่กบ่องไป มันก็ดีขึ้นมานิดนึง เพราะมันสุดที่เครื่อง ไม่ใช่สุดที่กล่อง...
สรึป ความแรงเกิดจากเครื่อง กล่องเป็นคนปรุงน้ำมัน จุดระเิดให้เหมาะสมกับที่เครื่องยนต์ต้องการ
สรุปอีกที เครื่องยนต์เครื่อง_เดียวกัน ใส่กล่องใบละพัน หรือใบละแสนก็แรงเท่ากัน ถ้ากล่องมันจ่ายน้ำมันได้แม่ยำ และจุดระเบิดได้ถูกต้อง ตามจูนเนอร์สั่ง
กล่องดีไม่ดี วัดที่ความแม่นยำ
ใส่กล่องแรงไม่แรงขึ้นกับคนปรุง ก็คือจูนเนอร์ จูนเนอร์ ก็ต้องจูนตามสภาพเครื่อง...
เมื่อยละ จบไปอีกประเด็น
ใครสงสัยโพสเลยนะครับ จะจับเป็นประเด็นมาโม้ต่อ 😛😛😛
เอ้า งี้ใส่กล่องไป มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเหรอ
แน่ละมันก็มีข้อดีนะ ดูจากรูป ช่วงรอบ 6-8 พัน ได้พละกำลังเพิ่มมาเยอะเลย ส่วนนึงที่เพิ่มก็ได้มาท่อด้วย เดิม​ท่อมันก็จะอั้นๆ ตันๆ หน่อย พอเปลี่ยนท่อไม่มีกล่อง รอบหกพันกว่ามันก็จะโล่งๆ หน่อย โล่งแบบไม่ค่อยมีแรง 5555
พอใส่กล่องไป ช่วงรอบ 6-8 พัน พละกำลังก็มาเต็มไม้เต็มมือขึ้นมา แต่พอเลน 8พันไป มันก็ตกหัวทิ่มไป เพราะว่ามันสุดเครื่องนั่นละ
อันนี้แค่ท่อ กับกรองอากาศโมนะ ได้พาวเวอร์แบนกว้างเพิ่มขึ้นอีก มีกำลังต่อเนื่องตั้งแต่รอบ 4พันกว่าๆ ถึง 7พันกว่าสบายๆ
หรือว่าอย่างคันนี้ก็แรงจัดแบบสเต็ป 300 cc ถ้าเราอัพไซส์เครื่องแล้วไม่จูนกล่องก็บรรลัยครับ อากาศเข้าเยอะ น้ำมันก็ต้องเพิ่ม อากาศเข้าเยอะ น้ำมันเหมาะสม องศาจุดระเบิดต้องอ่อนลงด้วยนะ เพราะอะไรไว้ตอนหน้าถ้าขยันจะเล่าให้ฟัง ทีนี้ถ้าอัพไซส์ แล้วไม่จูนองศาจุดระเบิดให้เหมาะสม มันก็ได้กำลังไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่คุ้มกับเงินที่ลงไปด้วย เผลอๆ จะพาลพัง ลูกทะลุ ละลายกันไปเลยก็ได้
รู้มั๊ยว่าอะไรเป็นตัวกำหนดความแรงของเครื่องยนต์ ระหว่าง​อากาศ ปริมาณน้ำมัน หรือองศาจุดระเบิด 😜😜😜
พูดถึงแต่งเครื่อง สิ่งแรกที่คิดถึงเลยก็คือ ท่อ กับกรอง ใช่ปะ เพราะว่ามันง่าย ไม่แพง พอจะเพิ่มสเต็ปก็ ลิ้น แคม วาล์ว สเต็ปต่อไปก็ขยายไส้เพิ่ม cc
ไอ้ที่ว่ามาทั้งหมดนะ มันเพิ่มความสามารถในการประจุอากาศให้เครื่องเรานั่นละ
ทีนี้พออากาศเข้าได้ดีขึ้น แต่กล่องมันไม่รู้ด้วยนิว่าเราเปลี่ยนใช่ป่าว เราก็ต้องหากล่องมาปรับการจ่ายเชื้อเพลิงและการจุดระเบิดให้มันเหมาะสมกับที่เราโมไปไง
ถ้าเราไม่ปรับการจ่ายน้ำมัน อากาศเข้าเยอะ ส่วนผสมก็จะบาง ความร้อนสะสมก็จะเยอะ เครื่ิงก็จะพัง...
เวลาผมสอนจูน ก็จะอธิบายง่ายๆ ว่าที่มันบางแล้วพังก็ลองดูเครื่องเขื่อมแก๊สดู เราเปิดแก๊สจุดไฟ แบ้วก็เพิ่มลมไปเรื่อยๆ จนไฟเปลี่ยนเป็นสีฟ้าแล้วก็ตัดเหล็กได้
ก็เหมือนกับเราโมเครื่องนั่นละ โมให้ลมมันเข้าได้เยอะขึ้นแต่แก๊สเท่าเดิม ไฟที่ลมเยอะก็จะร้อนขึ้นๆๆๆๆๆๆ ตามนั้นละครับ
เคยๆด้ยินมั๊ย เปลี่ยนท่อแล้วแหวนลูกสูบละลาย แหวนหัก ท่อกินแหวน สาวก 2t เค้ารู้กัน นี่ละสาเหตุ เปบี่ยนท่อแล้วลมเข้าเยอะ แต่ไม่ปรับน้ำมันตาม
ลืมบอกไป ว่าตัวที่ลิมิตความแรงของเครื่องยนต์ก็คืออากาศ อากาศเข้าได้เยอะก็แรงเยอะ อากาศเข้าน้อยก็แรงน้อย อย่างพวกรถแข่ง GT3 เค้าก็จะมี restrictor (เขียนถูกป่าวหว่า) เป็นตัวจำกัดประมาณอากาศที่จะเข้าเครื่อง เป็นการจำกัดแรงม้าเอาไว้
รถกระบะแข่งก็จะมีจำกัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางปากเทอร์โบ คือกำหนดปริมาณอากาศที่เข้าเครื่อง
เพราะฉนั้น อยากให้เครื่องแรง ทำไงก็ได้ ให้อากาศเข้าเครื่องได้เยอะไว้ก่อนเลย
อันนี่เป็นคำถามจากเพื่อนๆ ครับ
เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าอากาศเข้าเยอะ หรือ เข้า น้อย ถ้าเปลี่ยนกรองอากาศมาแล้ว แบบนี้จะให้เเรงก็ไม่ต้องใส่เลย ใส่ปากแตรแทน ได้ไหม หรือ จำเป็นต้องมี air box ถึงจะดีกว่าครับ
ตอบ:ถามดีครับ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เอาไว้ตรวจสอบการปรับแต่งรถนะครับ วิธีการเช็คก็ไม่ยาก แต่ต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า AFR มีเตอร์นี่ละครับ ถ้าเราปรับแต่งเครื่องยนต์มา แล้วมันมีแนวโน้มว่าจะแรง มันก็จะอ่านค่า afr ได้บางลง เราก็ต้องปรับจูนเพิ่มน้ำมันให้เหมาะสมอีกที ถ้าปรับแต่งนั่นนู้นนี่แล้วน้ำมันหนาขึ้น ก็แสดงว่าที่เราทำๆ ไป มันทำให้อากาศเข้าน้อยลง ความแรงก็น้อยลง
ถาม: แต่ลงกล่องแล้วเเรงม้าเพิ่มน้อยจัง แต่ความรู้สึกว่า มันบิดรอบ ต้นติดไม้ติดมือ รอบมาไวขึ้น หรือคิดไปเอง555
ตอบ: ไม่คิดไปเองครับ ดูเป็นแรงม้ามันน้อยนะ ลองคำนวนเป็น % ดูซิ แรงขึ้น 5% นี่ก็วิ่งคนละเรื่องแล้ว เพิ่มมาซัก 10% นี่มันอารมณ์รถคนละคันแล้วครับ
เอ้า อีกเรื่อง ทำไมใส่กล่องแล้วม้าเพิ่มน้อยจัง แต่ทำมัยตอนขี่ มันติดไม้ติดมือดีจัง
มาๆ ยินดีต้อนรับสู่วิชาวิเคราะห์กราฟไดโนกัน 😛😛😛
ดูรูปประกอบนะครับ รูปนี้เป็นกราฟ crf rally มีท่อ กรอง เส้นบางกล่องเดิม เส้นเข้มใส่กล่อง full stand alone ของผม วัที่เกียร์ 5 แต่ในรูปเป็นความเร็ว ลองดูตามนี้นะ ไอ้แรงม้าสูงสุดที่วัดได้ จะอยู่ที่ความเร็วประมาณ 82 กม/ชม จะเห็นว่าแรงม้าสูงสุดแทบจะไม่หนีกัน ต่างกันประมาณ 1 แรงม้าเอง น้อยเนอะ 😢😢😢
แต่ดูที่เส้นแนวตั้งชี้อยู่ที่ความเร็วประมาณ 120 แรงม้าตอนไม่มีกล่อง มันมี 16.6 แรงม้า หลังจากใส่กล่องไปแล้ว มีแรงม้า 19.6 แรงม้า เพิ่มมา 4 แรงม้า!!! หรือคิดเป็น 20%!!!! เยอะมั๊ย นี่เค้าเรียกว่า power band
สังเกตตรงช่วงความเร็วประมาณ 90 แรงม้าสีแแดงเส้นเล็ก หัวมันทิ่มลง คือแรงม้าลดลงเร็วมาก แต่พอใส่กล่องแล้ว เส้นสีแดงมันนอน แล้วมันเริ่มไปทิ่มลงที่ความเร็วประมาณ 120 เนี๊ยะ ที่เค้าเรียกว่า power band มันกว้างขึ้น
อ้าวเฮ้ย ไหนตอนแรกบอกว่า ถ้าเปลี่ยนกล่องแล้วเพิ่มมา 20% จะโดดเตะวิศวกรฮอนด้าไง 5555
ก็บอกแล้วว่าคันนี้ มีท่อ กับโมกรอง ไม่เดิม 5555
แก้ไขตัวเลข ครับ จำผิด
โฆษณา