17 ม.ค. 2019 เวลา 04:35 • ธุรกิจ
เรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) หรือที่คุ้นเคยในชื่อ กระทิง เล่าถึงการตัดสินใจเข้ามานั่งเป็นประธาน KBTG บริษัทเทคโนโลยีใต้ร่มของ ธนาคารกสิกรไทยให้ "การเงินธนาคาร" ได้ฟัง ว่า ชีวิตการทำงานมักจะได้เริ่มทำอะไรเป็นครั้งแรกเสมอ เช่น ได้ร่วมงานกับบริษัท P&G เป็นครั้งแรก ได้ทำงานบริษัทอินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา กลับมาสร้าง Accelerater ครั้งแรกในประเทศไทย ตั้งกองทุนสำหรับ Startup เป็นครั้งแรก และการได้เข้ามาใน KBTG เต็มตัวก็เป็นครั้งแรกที่ทำงานในวงการธนาคาร
แต่นี่อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับธนาคารกสิกรไทย เพราะเรืองโรจน์ ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอิสระด้านเทคโนโลยีของ “บัณฑูร ล่ำซำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ตั้งแต่ปี 2558 แล้วก่อนจะเข้ารับตำแหน่งนี้
“คุณบัณฑูรชวนมาเป็นวิทยากรเวิร์คช้อปด้าน Digital Disruption ให้ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยในปี 2557 ซึ่งมีครั้งหนึ่งคุณบัณฑูร ได้เข้ามาฟังด้วย หลังจากนั้นได้รับการติดต่อโดยตรงจากคุณบัณฑูร ให้มาเป็นที่ปรึกษาอิสระเรื่องเทคโนโลยี ซึ่งคุณบัณฑูรเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์มาก ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าทำ K transformation เพื่อรับกับกระแสเทคโนโลยีตั้งแต่ปี 2557 ทำให้เป็นองค์กรที่มีการเตรียมรับกับเทคโนโลยีล่วงหน้ามาพักใหญ่แล้ว”
เรืองโรจน์ เล่าอีกว่า ในการเข้ามารับงานในครั้งนี้ มีความตั้งใจอยากให้ KBTG ก้าวสู่การเป็น The Best Technology organization in Southeast Asia ในปี 2564 หรือ 3 ปีข้างหน้า โดยต้องการใช้ KBTG เป็นแพลตฟอร์มที่จะดึงแกนโลกทางด้านเทคโนโลยีให้หันมาโฟกัสที่ประเทศไทย ปัจจุบันหลายประเทศในภูมิภาคมีความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพเป็นอย่างมาก เช่น ประเทศอินโดนีเซียที่มีขนาดของประชากรที่ใหญ่ และที่กำลังมาแรงคือประเทศเวียดนามที่เป็นตลาดใหม่ ยังไม่นับรวมประเทศสิงคโปร์หรือมาเลเซียที่ก้าวไปก่อนหน้านี้แล้ว
“มองว่าประเทศไทยมีความสามารถไม่แพ้ประเทศอื่น เพียงแต่ต้องพยายามทำให้ KGTB เป็นสถานที่ที่จะสามารถดึงศักยภาพของ คนเก่ง (Talent) ออกมาให้มากที่สุดและเปลี่ยนแกนโลกเทคโนโลยีให้มาที่ประเทศไทย ดึงเงินลงทุนเข้ามาในประเทศไทย ไม่ใช่อินโดนีเชียหรือเวียดนาม”
เรืองโรจน์ เล่าวว่า เพื่อให้เดินไปสู่เป้าหมายจะสร้างนิเวศน์ของเทคโนโลยีขึ้นมา โดยใช้บริการทางการเงิน (Financial service)เป็นแพลตฟอร์มที่จะเปิดโอกาสให้คนเก่งเข้ามาร่วมงานกัน โดยจะทำให้ KBTG เป็นสถานที่ปล่อยความสามารถของคนเก่ง ที่ไม่ใช่แค่คนเก่งที่เป็นคนไทยที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะต้องดึงดูดคนไทยเก่งๆที่อยู่ในต่างประเทศให้กลับมาร่วมงานและดึงดูดคนต่างชาติเก่งๆให้มาอยู่กับ KBTG เพื่อให้เป็นองค์กรเทคโนโลยีระดับภูมิภาคตามที่วางแผนเอาไว้ด้วย
“ผมพูดเสมอว่าสตาร์ทอัพและบิ๊กคอร์ปเปอร์เรทต้องไปด้วยกัน ตั้งแต่ปี 2555 พยายามสร้างนิเวศน์ของสตาร์ทอัพจนมาถึงจุดที่ค่อนข้างดีแล้ว และครั้งนี้เป็นแพชชั่นของผมที่จะทำให้ KBTG เป็นแพลตฟอร์มของเทคโนโลยี ดันให้องค์มุ่งไปเป้าหมายระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นภารกิจที่หนักหน่วง ที่ผมตั้งใจจะต้องทำให้ได้ภายในเวลา 1,080 วัน และจะทำเต็มที่ที่จะหันให้แกนโลกเทคโนโลยีมาในประเทศไทย”
เรืองโรจน์ เล่าอีกว่า ธนาคารกสิกรไทย เป็นหนึ่งในธนาคารที่มีการเริ่มปรับตัวล่วงหน้ารับกับเทคโนโลยีมาค่อนข้างเยอะและมีความพร้อมที่ก้าวผ่านกระแสดิจิทัล ซึ่งเชื่อว่าธนาคารกสิกรไทยสามารถผ่านกระแส Digital Disruption ได้อยู่แล้วเพราะเตรียมพร้อมรับกับเรื่องนี้มานาน แต่สิ่งที่เป็นโจทย์ต่อไป คือทำอย่างไรให้เทคโนโลยีด้าน Financial service ไปถึงจุดที่จะเดินหน้าในระดับภูมิภาคได้
อย่างไรก็ดีในธุรกิจธนาคารนั้น ธนาคารกสิกรไทยนับว่าเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในเรื่องความสามารถ แต่ยังต้องการบุคคลากรเก่งๆอีกจำนวนมาก ซึ่ง KBTG ต้องทำให้ตัวเองเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เพื่อดึงคนเก่งให้มาทำงาน เพราะคนเก่งไม่ได้ต้องการทำงานกับธนาคารแต่ต้องการทำงานกับองค์กรเทคโนโลยีที่จะทำให้แสดงความสามารถได้เต็มที่ สร้างสิ่งที่มีผลต่อคนจำนวนมาก ซึ่งสิ่งที่ธนาคารกสิกรไทยมีพื้นที่จะเป็นสนามที่จะทำให้คนเก่งเข้ามาปล่อยของ สร้างเทคโนโลยีในบริการทางการเงินที่จะมีผลต่อคนจำนวนมากได้อย่างแน่นอน ซึ่ง KBTG จะทำตัวเองเป็น องค์กรแบบ High Impact Big Startup
“Financial Serviceมีมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มีตลาดไหนใหญ่เท่ากับโลกของบริการทางการเงินอีกแล้ว และยังมีอะไรรอให้ทำเยอะมาก เป็นเหมือนทะเลสาปขนาดใหญ่ แต่ตักน้ำขึ้นมาใช้แค่ช้อนชาเดียว ยังมีน้ำในทะเลสาปที่เหลืออีกมหาศาลให้ไปได้ต่อ ภายในอีก 3 ปีมีอะไรให้คนเก่งๆมาร่วมสร้างอะไรกับ KBTG ได้อีกเยอะ”
ประสบการณ์การทำงาน ที่ผ่านมาของเขา เคยทำงานด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด รวมถึง Quantitative Analytics ที่ Google สำนักงานใหญ่ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และ Telenor
นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ร่วมบริหารกองทุน 500 TukTuks ซึ่งเป็นกองทุนย่อยในเครือ 500 Startups ของสหรัฐอเมริกา
โฆษณา