18 ม.ค. 2019 เวลา 13:53 • สุขภาพ
”แกงเลียง”
เมนูที่อุดมไปด้วย วิตามิน และ กากใย แถมยังให้พลังงานต่ำอีกด้วย กินมาตั้งแต่เด็ก ย่าแกงเสร็จใหม่ๆข้าวสวยร้อนๆเป็นหวัดอยู่เจอเมนูนี้คล่องคอ โล่งไปเลยครับ
แกงเลียง(แต่เดิม) เป็นแกงไทยที่มีมานานมากแล้วครับ สังเกตจากเครื่องแกงยังไม่มีการใช้พริก (พริกเราไม่ได้มีเป็นของเราเอง เพิ่งเข้ามาตอนบ้านเราติดต่อค้าขายกับต่างชาติสมัยพระนาราย เอาเข้ามาโดยโปรตุเกส) ความเผ็ดที่ได้จะเป็นความเผ็ดร้อนจากพริกไทย ไม่ใช่พริกเทศ
สำหรับเครื่องแกงเลียงนั้นแต่เดิม จะมีเพียง พริกไทย หอมแดง กะปิ และรากผักชี(รากผักชีจะใส่หรือไม่ใส่อันนี้ไม่ว่ากัน) เอาเป็นว่ามีเท่านี้เราได้แกงเลียงแล้วครับ :)
สำหรับความน่าสนุกของกับข้าวไทยๆเมื่อผ่านกาลเวลา แต่ละบ้านจะมีความยูนีคคือมีการเพิ่มสมุนไพรกลิ่นหอมเข้ามาเพื่อแต่งกลิ่นแกงให้หอมอย่างมี วันนี้แกงเลียงที่ผมทำใช้ทั้งพริกขี้หนูเพิ่มทั้งกระเทียม(ไทย) ด้วย เพื่อความเผ็ดและสีสันครับ
มาดูกันดีกว่าครับ ว่าแกงเลียงต้องใช้อะไรบ้าง >.,<
สำหรับเครื่องแกงวันนี้ผมใช้
- พริกไทย
- หอมแดงซอยหยาบ
- กระเทียมไทย
- กระชาย
- พริกจินดาแดง
- กะปิ
- กุ้งแห้งโขลกละเอียด
วัตถุดิบ
- ฟักทอง
- น้ำเต้าอ่อน
- ข้าวโพดข้าวเหนียว
- เห็ดฟางตูม
- ยอดตำลึง
- บวบ
- กุ้งสด
- ใบแมงลัก
วิธีทำครับ
1. โขลกเครื่องแกง โดยเราจะโขลกเครื่องแกงที่แห้งก่อนคือพริกไทยเกลือ พอละเอียดตามด้วยเครื่องแกงที่มีน้ำมากอย่าง กระเทียม หอมแดงซอย กระชาย เมื่อละเอียดตามด้วยกะปิ กุ้งแห้งโขลกให้เป็นเนื้อเดียวกันพร้อมใช้แกงแล้วครับ
2. การเตรียมน้ำสต๊อกสำหรับไว้ใช้แกง โดยการนำเปลือกกุ้ง และฟักทอง และเกลือเล็กน้อย ต้มรวมกันจนเดือด แยกเปลือกกุ้งและฟักทองออก เท่านี้เราจะได้น้ำสต๊อกสำหรับแกงเลียงของเราแล้วครับ
3. นำเครื่องแกง(ข้อ1.) มาใส่ลงในน้ำสต๊อก(ข้อ2.) ที่เตรียมไว้ตั้งไฟให้เดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา(ไม่ใส่น้ำตาลนะครับความหวานจะได้จากผักและน้ำสต๊อกของเราอยู่แล้ว) เมื่อเดือดใส่ผักที่สุกยากก่อนอย่างฟักทอง เมื่อฟักทองเริ่มสุกให้ใส่บวบ น้ำเต้าอ่อน กุ้งสด ปรับรสอีกครั้ง(ตามใจชอบนะครับ) ผักใบอย่างตำลึง และแมงลักใส่สุดท้ายพร้อมเสิร์ฟได้เลยครับ
แกงเลียงห๊อมมมมหอมพร้อมรับประทานแล้วครับ เอาไปลองทำตามกันได้นะครับ อากาศเย็นบ้างร้อนบ้างอาจเป็นหวัดซดน้ำแกงร้อนๆคล่องคอดีครับ 😋🍲❤️🌽
โฆษณา