20 ม.ค. 2019 เวลา 00:04 • สุขภาพ
เล่มที่ 5 ใน Blockdit
“Personal Transformation through Reiki”
“เรกิ พลังธรรมชาติ”
จำนวน 316 หน้า
 
.
ผู้เขียน: ธอม ราดเซียนดะ
สนพ: ธอม ราดเซียนดะ
หมวด: จิตวิญญาณ / ความเชื่อ
แท็กไลน์: “พลังเพื่อการเติบโตจากภายใน”
ผมเป็นคนชอบเรียนรู้หลายๆ อย่าง หลายๆ ศาสตร์ผ่านการอ่านครับ
 
พยายามปล่อยวางอคติ หรือ การตัดสินไปก่อนที่จะศึกษา แล้วจึง “เลือกหยิบ” ส่วนที่รู้สึกว่าดีของแต่ละศาสตร์เพื่อนำมาปรับใช้กับตัวเอง ก่อนที่จะแบ่งปันสิ่งที่มีประโยชน์ แก่ใครก็ตามที่เห็นคุณค่า
 
วันนี้ จักรวาลก็จัดสรรให้ผมได้รู้จักกับศาสตร์ๆ นึง ที่ตอนนี้ก็สนใจมากกกกก
 
นั่นคือ “เรกิ” ที่ผมจะกำลังจะเล่าให้คุณฟังนี่ละครับ
1.เรกิ คืออะไร?
.
ศาสตร์ “เรกิ” ว่าด้วยเรื่องการนำ “พลังจักรวาล” หรือ “พลังที่มีอยู่ในธรรมชาติ” มาช่วยใน “การบำบัด” ความเจ็บป่วยทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ หรือจิตวิญญาณ โดยใช้ฝ่ามือเป็นหลัก
 
ไม่มีการใช้ยาเคมี แต่อาจมีการใช้อุปกรณ์บางอย่างเช่น หิน คริสตัล ลูกตุ้ม หรืออื่นๆ ตามเทคนิคของแต่ละคน
 
เราสามารถเรียกผู้ให้การบำบัดว่าเป็นอาจารย์ก็ได้ แต่ผมขอเรียกว่า “เรกิมาสเตอร์” ตามสากลนะครับ
2. ใครเป็นผู้ค้นพบ เรกิ?
.
ประมาณช่วงปี ค.ศ. 1900 ดร.มิคาโอะ อูซูอิ ชาวญี่ปุ่น ได้เดินทางไปหลายประเทศเพื่อค้นหาเทคนิคการเยียวยารักษาผู้คน ทั้งร่างกาย และจิตวิญญาณ
 
ท้ายสุด เขาเดินทางไปนั่งปฏิบัติสมาธิแบบอดอาหาร (คุชู ชินเรน) บนภูเขาคุรามะเป็นเวลา 21 วัน จนเกิดนิมิตเห็นเทคนิค และสัญลักษณ์ เพื่อการเยียวยา ด้วยพลังที่เรียกว่า “เรกิ”
 
หลังจากลงเขา ดร.อูซูอิ จึงออกเดินทางรักษาผู้คนไปทั่วญี่ปุ่น พร้อมสอนให้แก่ลูกศิษย์จำนวนมาก และ ลูกศิษย์ที่ชื่อว่า “ดร.จุชิโระ ฮายาชิ” ก็พัฒนาเทคนิคการใช้ท่าทางวางมือต่างๆ เพิ่มขึ้น
 
ต่อมาคำสอนเรื่องเรกิ ได้กระจายไปที่ตะวันตก ผ่านฮาวาย โดย เรกิมาสเตอร์หญิงคนแรกชื่อว่า “ฮาวาโย ทากาตะ”
 
ปัจจุบัน มีเรกิมาสเตอร์อยู่ทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วยเช่นเดียวกัน
3. ใครคือ “อ.ธอม ราดเซียนดะ” ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้?
.
.
อ.ธอม เป็นคนอังกฤษ จบปริญญาโทจาก ม.ซัสเซกซ์ ที่อังกฤษ และได้รับตำแหน่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรจน์
 
ช่วงแรกที่ท่านรู้จักเรกิ เป็นเพราะต้องการเยียวยารักษาตนเองจากอาการซึมเศร้า โมโหร้าย ติดอัลกอฮอล์ ปวดหลัง เครียดเรื้อรัง
 
เมื่อศึกษา และฝึกฝนไปเรื่อยๆ ท่านจึงรักษา ทั้งสร้างหลักสูตรเพื่ออบรมลูกศิษย์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องในไทยมาหลายปีแล้ว
 
ปัจจุบันพำนักอยู่ที่เชียงใหม่ พร้อมภรรยาที่เป็นคนไทย อ้อ! ท่านพูดไทยได้นะครับ ลองหาในยูทูปก็มีอยู่
4. เรกิ ทำงานอย่างไร?
.
คนที่เป็น “เรกิมาสเตอร์” จะทำหน้าที่เป็น “สื่อกลาง” (channel) เพื่อส่งต่อพลังจักรวาลให้แก่ผู้รับการบำบัด โดยการใช้ “ฝ่ามือ” สัมผัส หรือ ลอยอยู่ในระยะที่เหมาะสม เหนือ “จักระ” ที่ต้องการรักษาตามตำแหน่งในร่างกายของเรา
 
สำหรับเรกิมาสเตอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสูง สามารถส่งพลังให้แก่ผู้รับการบำบัด “โดยไม่จำกัดระยะทาง” ไม่ว่าคุณจะอยู่ห่างไปแค่ไหน ข้ามประเทศ พลังก็สามารถส่งไปถึงได้
 
บางท่านสามารถส่งพลังไปเยียวยา “อดีตชาติ” ของผู้บำบัดได้อีกด้วย
 
แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ก็ยังสามารถถูกบำบัดด้วยเรกิได้เช่นกัน
5. จักระทั้ง 7
.
จักระ คือจุดรวมพลัง 7 จุดของร่างกายที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน และเป็นที่ที่เรกิมาสเตอร์จะวางมือเพื่อทำการบำบัด
 
จักระ อยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของร่างกาย ตั้งแต่จุดล่างสุด ขึ้นไปสู่บนสุด แต่ละจักระมีความสัมพันธ์ต่อร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณของเรา
 
ผมจะนำแต่ละส่วนมาเล่าให้ฟังแบบคร่าวๆ เริ่มตั้งแต่จักระที่อยู่จุดล่างสุดเลยนะครับ
จักระที่ 1: จักระราก (Root Chakra)
.
ตำแหน่ง: บริเวณฐานกระดูกสันหลัง
สี: แดง
ธาตุ: ดิน
เกี่ยวข้องกับ: อวัยวะขับถ่าย ลำไส้ใหญ่ ขา เท้า
.
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: จะมีความหนักแน่น ปลอดภัย ไว้ใจ มั่นคง
1
-หากมีน้อยไป: จะมีความกลัว กระวนกระวาย อยู่ไม่นิ่ง ไร้วินัย
-หากมีมากไป: จะเกิดความอ้วน กลัวความเปลี่ยนแปลง ยึดติดวัตถุ
-สาเหตุบางส่วน: ถูกทอดทิ้ง ละเลย ปัญหาครอบครัว
จักระที่ 2: จักระสะดือ (Navel or Sacral Chakra)
.
ตำแหน่ง: บริเวณท้องน้อย อยู่ใต้สะดือประมาณ 2 ซม.
สี: ส้ม
ธาตุ: น้ำ
เกี่ยวข้องกับ: อวัยวะสืบพันธุ์ ระบบปัสสาวะ แผ่นหลังตอนล่าง
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: จะมีความสง่างาม สมดุลทางอารมณ์ สัมผัสความสุข พอใจต่างๆ ได้
-หากมีน้อยไป: จะมีทักษะทางสังคมต่ำ เพิกเฉยต่อความสุข
-หากมีมากไป: จะมีความรู้สึกรุนแรง พึ่งพา หรือขึ้นอยู่กับอารมณ์เสมอ
-สาเหตุบางส่วน: ถูกละเลย ปฏิเสธ ทำร้ายทางเพศ เพิกเฉยต่ออารมณ์ต่างๆ
จักระที่ 3: จักระท้อง (Solar Plexus Chakra)
.
ตำแหน่ง: บริเวณท้อง
สี: เหลือง
ธาตุ: ไฟ
เกี่ยวข้องกับ: ระบบย่อยอาหาร กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ถุงน้ำดี ตับ
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: จะมีความรับผิดชอบ พึ่งพาได้ กำลังใจดี เชื่อมั่น
-หากมีน้อยไป: จะขาดพลัง อ่อนแอ ขาดความมุ่งมั่น ไม่เคารพตนเอง
-หากมีมากไป: จะก้าวร้าว ชอบควบคุม ดื้อดึง อยู่นิ่งไม่เป็น
-สาเหตุบางส่วน: ละอายใจ ชอบละเมิดผู้อื่น มุ่งมั่นทำตามสิ่งที่ปรารถนามากเกินไป
จักระที่ 4: จักระหัวใจ (Heart Chakra)
.
ตำแหน่ง: หน้าอก หัวใจ
สี: เขียว (และชมพู)
ธาตุ:ลม
เกี่ยวข้องกับ: หัวใจ ปอด ต่อมไธมัส หน้าอก แขน
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: จะมีความกรุณา เห็นอกเห็นใจ สงบ ภูมิต้านทานสูง
-หากมีน้อยไป: จะต่อต้านสังคม เย็นชา ตัดสินคน ซึมเศร้า ไม่อดทน
-หากมีมากไป: จะเรียกร้อง ยึดติด ขี้อิจฉา
-สาเหตุบางส่วน: การถูกทอดทิ้ง สูญเสีย วิพากษ์วิจารณ์ รักแบบมีเงื่อนไข
จักระที่ 5: จักระคอ (Throat Chakra)
.
ตำแหน่ง: คอ
สี: น้ำเงิน
ธาตุ: เสียง
เกี่ยวข้องกับ: ต่อมไทรอยด์ กระดูกข้อต่อ อวัยวะในปาก ผิวหนัง
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: เป็นผู้ฟังที่ดี ติดต่อสื่อสารชัดเจน มีความคิดสร้างสรรค์
-หากมีน้อยไป: กลัวที่จะพูด เสียงเบา สนใจแต่ตนเอง
-หากมีมากไป: พูดมาก ชอบซุบซิบนินทา ฟังไม่เป็น พูดแทรก
-สาเหตุบางส่วน: ถูกหลอก ถูกละเมิดด้วยวาจา ถูกวิพากษ์วิจารณ์
จักระที่ 6: จักระหน้าผาก (Brow Chakra)
.
ตำแหน่ง: หน้าผาก ตรงกลางระหว่างคิ้ว (ตาที่สาม)
สี: คราม
ธาตุ: แสง
เกี่ยวข้องกับ: สมอง ตา ต่อมพิทูอิทารี
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: มีญาณทัศนะ จินตนาการ ความจำดี
-หากมีน้อยไป: ใจแคบ ใช้จินตนาการไม่เป็น ความจำไม่ดี
-หากมีมากไป: หลงผิด คิดซ้ำซาก งมงาย ไม่โฟกัส ฝันร้าย
-สาเหตุบางส่วน: ไม่มองตามความเป็นจริง แวดล้อมด้วยความรุนแรง ขี้อาย
จักระที่ 7: จักระสูงสุด (Crown Chakra)
.
ตำแหน่ง: สมอง กะโหลกด้านบน
สี: ม่วง
ธาตุ: ปัญญา
เกี่ยวข้องกับ: สมอง ต่อมไพเนียล
 
-หากอยู่ในสภาวะสมดุล: รู้จักวิเคราะห์ ฉลาดปราดเปรื่อง ช่างคิด รอบรู้
-หากมีน้อยไป: เย้ยหยันเรื่องจิตวิญญาณ ความเชื่อไม่ยืดหยุ่น วัตถุนิยม
-หากมีมากไป: ยึดมั่นในหลักวิชาการอย่างเหนียวแน่น งมงายเรื่องจิตวิญญาณ สับสน
-สาเหตุบางส่วน: ถูกบังคับให้เคร่งครัดในศาสนา เชื่อฟังไม่ลืมหูลืมตา
6. ใครสามารถเป็นเรกิมาสเตอร์ได้บ้าง?
.
อันที่จริง ไม่ว่าใครก็สามารถเรียนเรกิ และเป็นเรกิมาสเตอร์ (ระดับที่ 1) ได้
 
โดยผ่านการเรียนคอร์สสั้นๆ เพียง 2 วัน แต่ว่า “พลังงานที่แต่ละคนสามารถเป็นสื่อ” จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่า คนผู้นั้นทำการฝึกฝนตนเองเพื่อให้เป็นช่องทางที่สะอาดได้มากเพียงใด
 
.
หลักๆ คือ ต้องทำสมาธิเป็นประจำทุกวัน และปฏิบัติตนดังนี้
 
6.1 เรียนรู้ที่จะขอบคุณสิ่งดีๆ ทั้งหลายในชีวิต
6.2 ละทิ้งความวิตกกังวล
6.3 ละทิ้งความโกรธ
6.4 ทำงานอย่างซื่อสัตย์
6.5 เมตตาต่อมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
7. กระบวนการเจิม (Attunement)
.
ขั้นแรก ลูกศิษย์ผู้ที่ต้องการเป็นเรกิมาสเตอร์ จะได้รับการปรับเจิมพลัง จากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านการอธิษฐาน อัญเชิญจิตวิญญาณประจำตัว (Spiritual Guide) และพลังมาสู่ลูกศิษย์
 
โดยใช้เวลาเพียงครั้งละ 10 นาที โดยจะต้องทำทั้งหมด 4 ครั้ง
8. การดีท็อกของเสีย
.
สำหรับผู้รับการบำบัดเรกิในช่วงแรก อาการไม่ดีทั้งหลาย เช่น ผื่นคัน ท้องเสีย ปวดหัว หรืออาการอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้
 
ทั้งนี้ คือการที่พิษ และของไม่ดีที่ถูกเก็บกักเอาไว้ปะทุขึ้นมา เป็นการดีท๊อก ของร่างกายผู้ได้รับการบำบัด
 
อาการทั้งหมดจะหายไป กลายเป็นความโล่ง โปร่งสบายหลังจากนั้น
1
9. เรกิ มีกี่ระดับ และต่างกันอย่างไร
.
ในหนังสือ อ.ธอม ระบุไว้ว่า เรกิมีอยู่ 2 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ผู้ที่สามารถบำบัดตนเอง และคนใกล้ชิดได้
ระดับที่ 2 เป็นผู้มีพลังในขั้นสูง มีญาณทัศนะที่ชัดเจน เป็นอิสระจากอารมณ์ทั้งหลาย
10. บทสรุป และความคิดของผม
.
เอาล่ะครับ หวังว่าทุกๆ ท่านคงได้รู้จักเรกิไปอย่างคร่าวๆ แล้ว
 
หลังจากอ่านหนังสืจบ ผมก็อยากเรียนรู้เพิ่มเติม เลยไป “พูดคุย” กับ “น้องคนหนึ่ง” (ที่ผมชื่นชมเป็นการส่วนตัว) ซึ่งเรียนเรกิ ผ่านระดับ 2 ไปแล้ว ทั้งตั้งใจจะเรียนศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มเติมอีก หลังจากคุยเสร็จ ก็เปิดหูเปิดตามากขึ้น และขอบอกตรงๆ ว่า น่าสนใจมากกกกกก…
 
ก่อนจบ ขอย้ำอีกครั้ง ด้วยภาษาบ้านๆ…
 
“เรกิ” คือ การที่ “เรกิมาสเตอร์” เปลี่ยน หรือปลดปล่อยตนเอง ให้มีสภาพเป็นสื่อกลาง (channel) ผ่านการช่วยเหลือจาก “วิญญาณขั้นสูง” (Spiritual Guide) ในการนำ “พลังจักรวาล” มาบำบัดตนเอง และผู้อื่น โดยใช้พลังจากฝ่ามือ ในแต่ “จักระ” ที่จำเป็นต้องให้ความสนใจ
ผมคิดเห็นยังไงน่ะเหรอครับ…
 
บอกตรงๆ ว่า ผมรู้มานานแล้วว่า ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมาก
ไหนจะเป็นการได้อ่านเรื่องน่าอัศจรรย์ ของการรักษาทางเลือกของหลายๆ ศาสตร์มาก็เยอะแล้ว
 
มีอยู่หลายครั้งที่เรา เจ็บป่วยทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์โดยหาสาเหตุไม่ได้ และการรับประทานยาจากแพทย์ปัจจุบันไม่สามารถรักษาได้
.
หากคุณมีโอกาสได้เรียนเรกิ แทนที่จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต คุณอาจบำบัดตนเอง รวมทั้งคนใกล้ชิดให้หายขาด หรือบรรเทาเบาบาง ทั้งยังได้กลับมาปรับสมดุลของชีวิตให้เป็นกลางมากขึ้นด้วย
 
อ้อ! การแพทย์แผนปัจจุบันก็จำเป็นสำหรับการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุอยู่นะครับ
 
.
ในทางกลับกัน ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใดๆ ในโลกนี้ก็ตาม ผมก็เชื่อว่า ความศรัทธา กับ ความงมงาย นั้น มีเส้นแบ่งที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก จึงควรลองศึกษาเพิ่มเติม และพิจารณาด้วยตนเองดูนะครับ
.
.
ท้ายนี้ “เรกิ” เป็นศาสตร์สากล ไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือขัดแย้งกับคำสอนของศาสนาใดๆ จึงได้รับการแพร่หลายไปทั่วโลก เพียงแต่ คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รับรู้ เพราะไม่ได้ทำการตลาดเท่าไหร่
 
หวังว่าบทความนี้ คงเป็นประโยชน์นะครับ
แล้วเจอกันใหม่ เล่มต่อไปครับผม
.
.
ซิม
18 ม.ค. 61
ปล.1 จบรีวิวเล่มที่ 4 ประจำปี 2562
ปล. 2 หนังสือผมสั่งซื้อจากเพจ “เรกิ พลังธรรมชาติ Reiki Chiang Mai” ของ อ.ธอม ครับผม
โฆษณา