20 ม.ค. 2019 เวลา 19:30 • ประวัติศาสตร์
เรื่องของที่มาของเดือนต่างๆ และความหมายของชื่อเดือนในภาษาอังกฤษ
ในช่วงแรกเริ่มเดิมทีนั้น ทางฝั่งยุโรปช่วง2700ปีก่อนคริสตศักราช กษัตริย์แห่งโรมได้กำหนดปฏิทินแบบจันทรคติขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปีมี 10 เดือน หรือ 304 วัน โดยนับวันแรกของปีเป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ และวันสุดท้ายของปีคือวันสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง(ไม่มีการนับฤดูหนาวเข้าไปในปฏิทิน) นั่นก็คือนับเดือนแรกเป็นเดือนมีนาคมและเดือนสุดท้ายคือเดือนธันวาคม
โดยชื่อเดือนเริ่มแรกจะมี
เดือนแรก Martius ตั้งชื่อตามเทพมาร์ส(Mars)เทพแห่งสงคราม
เดือนที่สอง Aprilis มาจากรากศัพท์ภาษาละตินคำว่าAperireแปลว่าผลิดอกออกผล และสันนิษฐานกันว่าอาจมาจากเทพอโฟไดท์(ในโรมันบางกลุ่มเรียกAphros)เทพีแห่งความงาม เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เดือนที่สาม Maius ตั้งชื่อตามเทพธิดาเมอา(Maia) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญเติบโตและความอุดมสมบูรณ์
เดือนที่สี่ Junius ตั้งชื่อตามเทพีเฮร่า(Hera) รึที่ชาวโรมันเรียกว่าจูโน(Juno) ซึ่งเป็นเทพีแห่งการแต่งงานและครอบครัว
เดือนที่ห้า Quintilis มาจากคำว่า Quintus ภาษาละตินแปลว่าเลขห้า
เดือนที่หก Sextilis มาจากคำว่า Sextus ภาษาละตินแปลว่าเลขหก
เดือนที่เจ็ด September มาจากคำว่า Septem ภาษาละตินแปลว่าเลขเจ็ด
เดือนที่แปด October มาจากคำว่า Octo ภาษาละตินแปลว่าเลขแปด
เดือนที่เก้า November มาจากคำว่า Novem ภาษาละตินแปลว่าเลขเก้า
เดือนที่สิบ December มาจากคำว่า Decem ภาษาละตินแปลว่าเลขสิบ
ปฏิทินแบบนี้เป็นที่รู้จักและใช้ต่อกันเรื่อยมาจนถึงช่วง 738 ปีก่อนคริสตศักราช กษัตริย์แห่งโรมนามว่านูมา ปอมปิเลียส(Numa Pompilius) ได้เปลี่ยนปฏิทินเป็น 12 เดือนโดยเพิ่มเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เข้าไปด้วย ทำให้เดือน Quintilisที่แปลว่าเดือนห้ากลายเป็นเดือนเจ็ดไปโดยปริยาย โดยปฏิทินแบบใหม่นี้ในเวลาต่อมาได้กำหนดให้เดือนที่หนึ่งมี 31 วัน และเดือนที่สองมี 30 วันสลับกันไปถึงเดือนสุดท้าย ทำให้เดือนกุมภาพันธ์มี 30 วันไม่เหมือนในปัจุบัน
ภายหลังจูเลียส ซีซาร์(Julius Caesar)จักรพรรดิแห่งโรมคิดว่าตนนั้นเป็นสมมุติเทพ เลยเอาชื่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อเดือนซะเลย ทำให้เดือนที่ชื่อเดือนที่ห้า(ที่ปัจจุบันกลายเป็นเดือนเจ็ดไปแล้ว) เดือนQuintilisถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเดือน Lulius (Julius) เดือนจูเลียสซึ่งภายหลังได้กลายเป็นJulyในเวลาต่อมา และได้ปรับให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน แต่ถ้าปีไหนเป็นปีอธิกสุรทิน ซึ่งมี 366 วัน ให้เดือนกุมภาพันธ์ มี 30 วัน การนับแบบนี้เป็นที่รู้จักในนามปฏิทินจูเลี่ยน ซึ่งเป็นการนับแบบสุริยคติเหมือนในปัจจุบัน
แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พอปฏิทินจูเลี่ยนถูกปรับอีกครั้ง ในเวลาต่อมาออกัสตัส ซีซาร์(Augustus Caesar)ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของจูเลียส ซีซาร์ อยากเอาชื่อตัวเองมาตั้งเป็นเดือนด้วย ทำให้เดือนที่ชื่อว่าเดือนที่หก(ที่ปัจจุบันกลายเป็นเดือนแปดไปแล้ว) เดือน Sextilisถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเดือน Augustus เดือนออกัสตัสซึ่งภายหลังได้กลายเป็นAugustในเวลาต่อมา
แต่แค่นี้มันยังไม่ทำให้จักรพรรดิออกัสตัสพอใจ เพราะเดือน Augustusมันมีแค่ 30 วัน เลยคิดว่าจูเลียส ซีซาร์ที่เป็นจักรพรรดิเหมือนนั้น เดือนของพ่อมีตั้ง 31 วันทำไมเดือนของเรามีแค่ 30 วันเอง ออกัสตัสเลยแก้ปัญหาโดยการเอาวัน 1 วันจากเดือนกุมภาพันธ์ที่มีน้อยอยู่แล้ว ให้เหลือ 28 วันแบบในปัจจุบัน ทำให้เดือนกรกฎาคมและสิงหาคมมี 31 วัน ทั้งที่เป็นเดือนติดกันจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังกำหนดให้เดือนกันยายนที่เคยมี 31 วัน เหลือ 30 วันแล้วนำหนึ่งวันดังกล่าวไปให้เดือนตุลาคม เดือนตุลาคมจึงมี 31 วันแทน และกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนที่เคยมี 31 วันเหลือ 30 วันแล้วนำวันดังกล่าวไปให้เดือนธันวาคม เดือนธันวาคมจึงมี 31 วันแทน
โดยในเวลาต่อมาปีคริสตศักราชที่ 1582 ปฏิทินจูเลี่ยนซึ่งถูกใช้มาอย่างยาวนานได้ถูกปรับเปลี่ยน ให้วันที่ตรงกับความเป็นจริงอีกครั้ง โดยโดยสมเด็จพระสันตะปาปาเกรโกรีที่ 13 และถูกเรียกว่าปฏิทินเกรโกเรียนใช้จนถึงปัจจุบัน
สรุปที่มาชื่อเดือนภาษาอังกฤษทั้ง12
เดือนมกราคม (January) ตั้งชื่อตามเทพแจนัส(Janus)เทพผู้รักษาประตูสวรรค์ เป็นผู้เปิดและผู้ปิดสรรพสิ่ง รวมทั้งประตูสวรรค์ ประตูรั้ว กระทั่งประตูบ้านคน เป็นเทพแห่งการเริ่มต้นและการเปลี่ยนผ่านของชีวิต จากเก่าไปใหม่ จากอดีตสู่อนาคต จากสิ่งที่ผ่านไปแล้วกับสิ่งที่กำลังจะเกิด โดยในวันขึ้นปีใหม่ชาวโรมันจะเป็นประตูบ้านเพื่อรับพรจากเทพแจนัส
เดือนกุมภาพันธ์ (February) ตั้งชื่อตามเทพเฟบรูอัส(Februus)เทพแห่งความบริสุทธิ์
เดือนมีนาคม (March) เคยมีชื่อเดือนว่า Martius ตั้งชื่อตามเทพมาร์ส(Mars)เทพแห่งสงคราม เพราะชาวโรมันเป็นพวกบ้าการสู้รบ ทำให้เดือนที่เคยเป็นเดือนแรกนี้ เป็นเดือนที่เหมาะที่จะเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ เลยกลายเป็นเดือนที่มีฤกษ์ดีในการเริ่มทำสงครามไปโดยปริยาย
เดือนเมษายน (April) เคยมีชื่อเดือนว่า Aprilis มาจากรากศัพท์ภาษาละตินคำว่าAperireแปลว่าผลิดอกออกผล และสันนิษฐานกันว่าอาจมาจากเทพอโฟไดท์(ในโรมันบางกลุ่มเรียกAphros)เทพีแห่งความงาม เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ
เดือนพฤษภาคม (May) เคยมีชื่อเดือนว่า Maius ตั้งชื่อตามเทพธิดาเมอา(Maia) ซึ่งเป็นเทพธิดาแห่งการเจริญเติบโตและความอุดมสมบูรณ์
เดือนมิถุนายน (June) เคยมีชื่อเดือนว่า Junius ตั้งชื่อตามเทพีเฮร่า(Hera) รึที่ชาวโรมันเรียกว่าจูโน(Juno) ซึ่งเป็นเทพีแห่งการแต่งงานและครอบครัว
เดือนกรกฎาคม (July) เคยมีชื่อเดือนว่า Quintilis แต่ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อIulius (Julius) เดือนจูเลียสตามความต้องการของจูเลียส ซีซาร์ และกลายเป็นJulyในเวลาต่อมา
เดือนสิงหาคม (August) เคยมีชื่อเดือนว่า Sextilis แต่ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อ Augustus เดือนออกัสตัสตามความต้องการของออกัสตัส ซีซาร์ และกลายเป็นAugustในเวลาต่อมา
เดือนกันยายน (September) มาจากคำว่าSeptemภาษาละตินแปลว่าเลขเจ็ด แต่เพราะการมาของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ทำให้กลายเป็นเดือนที่เก้า
เดือนตุลาคม (October) มาจากคำว่าOctoภาษาละตินแปลว่าเลขแปด แต่เพราะการมาของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ทำให้กลายเป็นเดือนที่สิบ
เดือนพฤศจิกายน (November) มาจากคำว่าNovemภาษาละตินแปลว่าเลขเก้า แต่เพราะการมาของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ทำให้กลายเป็นเดือนที่สิบเอ็ด
เดือนธันวาคม (December) มาจากคำว่าDecemภาษาละตินแปลว่าเลขสิบ แต่เพราะการมาของเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ทำให้กลายเป็นเดือนที่สิบสอง
โฆษณา