23 ม.ค. 2019 เวลา 10:29 • ปรัชญา
#เรือลำน้อย
ในชีวิตมีอะไรที่คงมั่น
ย่อมแปรผันเปลี่ยนไปไม่คงที่
เหมือนเรือน้อยลอยล่องในวารี
จะมีกี่ลำที่กลับถึงฝั่งดิน
1
บางลำก็จมดิ่งไปในวนน้ำ
บางลำลอยเฉื่อยตามกระแสสินธุ์
บางลำพลัดหลงไปไกลจากถิ่น
บางลำรู้ความจริงจึงกลับทัน
การพายเรือทวนกระแสนั้นแสนยาก
แต่ไม่มากเกินกว่าความเพียรฉันท์
หากมีศีลมีธรรมอยู่คู่ชีวัน
เรือน้อยพลันถึงฝั่งดังรอคอย....
จากบทกลอนข้างต้นที่ผู้เขียนได้แต่งขึ้น
ผู้เขียนเปรียบเปรยว่า....
"เรือ" เปรียบเสมือน ชีวิตคนเรา
"วารี" เปรียบเสมือน วัฏสงสาร
"ถิ่น หรือฝั่ง" เปรียบเสมือน พระนิพพาน
ชีวิตคนเราเกิดมาก็ด้วยอวิชชา หรือความไม่รู้ในขันธ์ 5 ว่าไม่ใช่ตัวเรา ของเรา แล้วก็หลงไปยึดมั่นถือมั่นว่าคือตัวคือตนของเรา
โดยหารู้ไม่ว่า...ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น
ด้วยความไม่รู้นี้ ทำให้เราต้องเวียนว่ายตายเกิด
ไม่รู้จักจบสิ้น จะกี่ภพ กี่ชาติ ก็เกิดมาอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
บางชาติเกิดมาเป็นสัตว์เดรัจฉาน
บางชาติเกิดมาเป็นเปรต
หรือบางชาติดีหน่อยได้เกิดมาเป็นมนุษย์
cr.pixabay.com
การที่เราต้องมาเวียนว่ายตายเกิดนั้น เปรียบเสมือน "เรือลำน้อยที่ลอยอยู่ในวารี" ลอยวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เหตุด้วยเพราะยังมองไม่เห็นฝั่งที่จะขึ้น มองไม่เห็นถิ่นที่จะไปให้ถึง ยังหาทางกลับบ้านไม่เจอ
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุหลายอย่างด้วยกัน...
บ้างก็หลงมัวเมาอยู่ในกิเลส ตัณหา เสมือน "เรือที่จมดิ่งไปในวนน้ำ"
บ้างก็ประมาทมัวแต่หลงโลก มีความสุขอยู่กับโลก เพราะยังมองไม่เห็นภัยของวัฏสงสาร จึงไม่รู้ว่าทำไมต้องเพียรก้าวออกจากวัฏสงสารด้วย ในเมื่อมันให้ความสุขเหลือคณานับ จึงประมาทมัวเมาไม่สนใจวิธีที่จะก้าวข้ามออกมา เสมือน "เรือที่ลอยเฉื่อยตามกระแสสินธุ์" อย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง
บ้างก็ปฏิบัติผิด หรือเห็นผิดไปจากคลองธรรม (มิจฉาทิฏฐิ) เช่น เห็นว่าทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี เป็นต้น เสมือน "เรือที่พลัดหลงไปไกลจากถิ่น" ยังหาทางกลับไม่เจอ
หรือ ผู้ที่เห็นความจริงของชีวิต เห็นภัยในวัฏสงสาร จึงเพียรปฏิบัติเพื่อก้าวข้ามวัฏสงสารนั้นออกมา ก็เสมือนกับ "เรือที่รู้ความจริง" จึงหันหัวเรือกลับไปยังทิศที่เป็นที่ตั้งของฝั่งทัน
cr.pixabay.com
การพายเรือทวนกระแสโลกนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่ายากนัก เพราะจะต้องใช้ทั้งแรงกาย แรงใจ สติ สมาธิ และปัญญาหนุนนำส่งเสริมกัน เพื่อให้สามารถบังคับเรือให้ลอยทวนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวไปได้อย่างสมบูรณ์
แต่สิ่งเหล่านี้...ไม่ยากเกินไปกว่าความพยายามของผู้ที่มีความเพียรเป็นที่ตั้งอย่างแน่นอน เพราะผู้มีความเพียรที่จะพายเรือทวนกระแสน้ำนั้น จะต้องเป็นผู้ที่เห็นความจริงแล้วว่า หากพายเรือตามกระแสน้ำ หรือไหลไปตามกระแสโลกต่อไป มันสบายกว่าก็จริง แต่มันมีทุกข์มหันต์
ยิ่งไหลไปตามกระแสโลกมากเท่าไหร่ เรือย่อมพลัดไปไกลจากฝั่งมากเท่านั้น จึงไม่ละความเพียรที่จะพายเรือทวนกระแสน้ำ เพื่อไปให้ถึงฝั่งที่เป็นที่แห่งบรมสุขอย่างแท้จริง
ที่พ่อของเรา(ในที่นี้เปรียบกับพระพุทธเจ้า)คอยพร่ำสอนให้ลูกๆทั้งหลายเห็นภัยในวัฏสงสาร และให้เพียรก้าวข้ามออกมา...ก็เพื่อสิ่งนี้แล
แต่งกลอนและเขียนโดย เพจ"ชอบธรรม..คำสอน"
cr.pixabay.com
โฆษณา