26 ม.ค. 2019 เวลา 05:02 • ประวัติศาสตร์
ซ่อนรัก กำแพงใจ
ตอนที่ 7
    แต่งงานแล้วก็ต้องต่อด้วยฮันนีมูน แม้ไม่ได้อยากไปแต่ก็ต้องไป เพราะเป็นคำสั่งจากเบื้องบนโดยคุณแม่ทั้งสอง น่านฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเข้าไปนั่งในรถได้ไม่นาน โดยมีสารถีสามีหมาดๆ เป็นคนขับรถ
"เป็นอะไร ถอนหายใจยังกับฉันจะพาเธอไปตาย"ติณณภพถามเสียงเรียบขณะมือบังคับพวงมาลัยให้รถแล่นไปเรื่อยๆ ก่อนน่านฟ้าจะหันมาตอบด้วยสีหน้าเซ็งจัด
"ก็ไม่ได้อยากไปฮันนีมูนนี่นา ไปทะเลน่าเบื่อจะตาย สู้ไปยิงนกตกปลาก็ไม่ได้"เอ่ยออกมาพลางนึกขึ้นได้ว่ากุลสตรีที่ไหนจะไปยิงนกตกปลากัน จึงรีบยกมือขึ้นปิดปากหันมองคนเป็นสามีด้วยสีหน้ามีพิรุธ ติณณภพขมวดคิ้วรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
"ยิงนกตกปลางั้นเหรอ"ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วมาชนกัน ขณะบังคับพวงมาลัยรถให้เลี้ยวตามจีพีเอส
"อ๋อ เปล่า เคยไปแค่ครั้งเดียวกับเพื่อนแถวบ้านน่ะ ก็แค่อยากตามไปดู ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะไปทำแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ"เอ่ยด้วยสายตาล่อกแล่กแล้วหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน ติณณภพมองคนข้างกายด้วยความสงสัย ที่จริงสรรพคุณของผู้หญิงคนนี้ที่แม่เขาบอกไว้ว่าดีนักดีหนา เขายังไม่เห็นว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย ผู้หญิงคนนี้ในบางครั้ง ดูห้าวกว่าผู้หญิงธรรมดาทั่วไปด้วยซ้ำ แต่ยอมรับว่ารสชาติหวานละมุนที่เขาได้ลิ้มลอง เรียกความติดใจได้ไม่น้อย ทว่าเขาก็ยังยืนยันว่ามันเป็นความพิสวาสที่ไม่ใช่ความรัก ติณณภพตั้งใจขับรถต่อลืมเรื่องเมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น มันเป็นธรรมดาที่พวกหิวเงินจะโฆษณาขายของเกินจริง เพราะเขาก็ไม่ได้หวังที่จะต้องให้ผู้หญิงที่มาแต่งด้วยต้องเพรียบพร้อมขนาดนั้นอยู่แล้ว อีกหน่อยก็คงไม่พ้นต้องหย่า ชายหนุ่มจึงไม่ค่อยติดใจอะไรมากนัก ไม่ว่าเธอจะเป็นผ้าพับไว้หรือผ้ายัดไว้เขาก็ไม่สนอยู่แล้ว
เมื่อถึงบ้านพักตากอากาศซึ่งต้องขับเรือข้ามมายังเกาะทางใต้ น่านฟ้าจึงรีบจัดแจงข้าวของและกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองมาถือไว้ในมือ แล้วกระโดดจ๋อมลงจากเรือซึ่งบริเวณนั้นเป็นหาดทรายน้ำตื้น ก่อนจะมีลุงคนหนึ่งวิ่งมารับข้าวของในมือของเธอไป น่านฟ้ามองลุงคนนั้นอย่างงงๆ ก่อนนึกได้ว่าน่าจะเป็นลุงกับป้าที่ติณณภพจ้างไว้ให้คอยดูแลบ้านพักหลังนี้ จึงคลี่ยิ้มเอ่ยขอบคุณแล้วเดินลุยน้ำขึ้นฝั่ง โดยอดไม่ได้ที่จะหันไปค้อนใส่สามีที่ไม่ยอมช่วยเธอถือของลงจากเรือ มัวแต่ยืนเก๊กหน้าขรึมมองวิวทะเลอยู่นั่น ดูท่าคงจะชอบที่นี่ไม่น้อย น่านฟ้าแอบเบ้ปากใส่คนขี้เก๊กแล้วเดินตามลุงซึ่งเธอยังไม่รู้ชื่อเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่สนใจสามีที่ยังยืนอยู่บนเรือ
"โอ้โห ขึ้นมาบนนี้วิวสวยจริงๆ เลย"น่านฟ้ายื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ ก่อนเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง ที่เต็มไปด้วยข้าวของมีราคา ไม่ต่างจากบ้านที่กรุงเทพของสามี
ขนาดนานทีมาครั้งนะ ดูท่าเขาคงลงทุนกับที่นี่ไม่ใช่น้อย น่าเสียดายที่ไม่ได้มาพักอยู่ตลอดได้เหมือนบ้าน อย่างว่า คนรวยก็งี้ อยากทำอะไรซื้ออะไรที่มันเป็นการสิ้นเปลืองแค่ไหนก็ได้
ยืนชมวิวได้สักพัก น่านฟ้าก็จัดแจงจัดเสื้อผ้าทั้งของตัวเองและเขา ซึ่งลุงคนที่เฝ้าบ้านหลังนี้ยกขึ้นตามมาอีกที
ขณะที่รื้อนั่นรื้อนี่ เธอก็พบซองพลาสติกแข็งๆ ซองเล็กๆ ซองหนึ่ง แล้วก็มีรูปผู้ชายกล้ามเป็นมัดๆ สกรีนอยู่บนซองในกระเป๋าเดินทางของสามี เธอหยิบพลิกไปพลิกมาก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตกใจ แล้วทิ้งซองนั้นลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
"มีอะไร ทำหน้าตกใจยังกับเห็นผี"
เสียงที่ดังมาจากทางประตูคือเสียงของติณณภพ ที่ยืนทำหน้ากรุ้มกริ่มมองภรรยาทางนิตินัยด้วยสายตามีเลศนัย น่านฟ้าตวัดสายตาไปทางประตูลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ นี่มันยังไม่ถึงสิบสองวันเลย เขาต้องมีแผนแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่พกถุงยางมาหรอก ติณณภพรู้ทันความคิดจึงเอ่ยขึ้น
"ทำไม คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ"
"เปล่า ไม่ได้คิดสักหน่อย แต่ถ้าคุณไม่คิดจะทำอะไรฉัน แล้วพกไอ้นี่มาทำไมล่ะ"น่านฟ้าชี้มือไปยังไอ้นี่ที่เธอว่าแล้วมองเขาอย่างรอฟังคำตอบ
"แล้วไม่คิดว่าฉันจะเอาไว้ใช้กับใครบ้างหรือไง"ติณณภพเอ่ย ยกมือขึ้นกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ายิ้มๆ
"คุณจะเอาไปใช้กับใคร"น่านฟ้าถามพลัน เผลอมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดโทษด้วยถือสิทธิ์ในฐานะภรรยา ติณณภพเลิกคิ้วขึ้น
"เธอไม่รู้หรือไง ว่าที่นี่มีทุกอย่างที่เป็นความบันเทิง แค่ขับรถไปนิดหน่อย อยากได้อะไร หรืออยากเอาไอ้นี่ที่เธอว่าไปใช้กับใคร ก็ได้ทั้งนั้น"ติณณภพเอ่ยด้วยสีหน้าสบายๆ ก้มเก็บซองสีน้ำตาลที่ล่วงอยู่บนพื้นมาชูให้คนเป็นภรรยาดู
"พูดแบบนี้หมายความว่า คุณจะไปซื้อบริการผู้หญิง แล้วใช้ไอ้นี่กับพวกเธองั้นเหรอ อี๋ นี่คุณแต่งงานแล้วนะ"น่านฟ้ามองอย่างรังเกียจก่อนทำท่าทางขนรุกขนพอง ติณณภพก้าวเข้าหาคนทำสีหน้ารับไม่ได้แล้วโน้มตัวลงกระซิบเสียงแผ่วข้างใบหูเล็กของเธอ
"ทำยังไงได้ ก็เธอไม่ยอม"
จบคำของเขาน่านฟ้าถึงกับขนลุกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที
"ก็ ก็แล้วไงล่ะ ยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปนอนกับคนอื่น"บอกก่อนทำสีหน้าเหลอหลา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องห้ามไม่ให้เขาไปทำแบบนั้นกับคนอื่น ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาอยู่แล้ว หึงเหรอ ก็ไม่ใช่ ไม่ได้รักแล้วจะหึงได้ยังไง สงสัยกลัวติดโรค ใช่ เธอกลัวติดโรค
"เธอก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉันเหมือนกัน"ติณณภพเอ่ย"เพราะฉันไม่ได้รักเธอ ถึงเราจะแต่งงานกันแล้ว แต่นั่น ฉันก็แค่ตัดรำคาญ เบื่อคำรบเร้าของคุณแม่ แต่งให้มันจบๆ ก็แค่นั้น"เขาเอ่ยออกมาตามตรง เพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตของเขา คนที่มีสิทธิ์คือแม่ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
คำพูดนั้นทำให้น่านฟ้าถึงกับหน้าชาขึ้นมาทันใด เธอไม่มีสิทธิ์จริงๆ นั่นแหละ เมื่อครู่เธอก็แค่เผลอตัว น่านฟ้าปรับสีหน้าใหม่แล้วเชิดหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
"งั้นก็ตามใจคุณสิ จะไปเสพสุขกับใครที่ไหนก็เชิญตามสบาย"เอ่ยพลางยกมือขึ้นกอดอกยืนประจันหน้ากับคนร่างสูงอย่างถือดี"แต่ฉันก็ขอใช้สิทธิ์ในส่วนของฉันเหมือนกัน เพราะฉันก็ไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับคุณ ที่แต่ง ก็แค่อยากให้มันผ่านๆไป ให้มันจบๆ โอเคป้ะ"
"หมายความว่ายังไง"ติณณภพถามแม้รู้ความหมายดีอยู่แล้ว พลางก้าวเข้าหาอีกฝ่าย น่านฟ้าถอยหนีเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่างความปลอดภัยให้ตนเองก่อนตอบ
"ฉันคิดว่าคุณก็ไม่ได้โง่นะ"
คำตอบนั้นทำให้ติณณภพส่งเสียงหึในลำคอ แล้วยกยิ้มมุมปาก"ก็รู้นี่ว่าฉันไม่ได้โง่ แล้วคนโง่ที่ไหนจะยอมให้เธอใช้สิทธิ์แบบนั้นกัน เป็นภรรยา ก็ต้องปรนิบัติสามีสิ ถึงจะถูก"
"ฉันนี่ไงจะใช้ ฉันทนไม่ได้ที่ต้องมีสามีร่วมกับใคร ถ้าทำตัวเป็นสามีที่ดีไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าฉันจะเป็นภรรยาที่ดี"น่านฟ้าเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจ้องเธอจ้อง ทั้งคู่ประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนเรียวแขนแข็งแรงของคนตัวโตจะตวัดเอาร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดได้อย่างรวดเร็ว น่านฟ้าเบิกตาขึ้นตกใจกับการกระทำที่ไม่คาดคิดนั้น
"ทำบ้าอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ"
"ที่จริงฉันแก่กว่าเธอตั้งห้าปี เธอควรเรียกฉันว่าพี่ ไหนลองเรียกซิ พี่ติ"ติณณภพเอ่ย แววตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์หยอกเย้า
"ไม่มีทาง ฉันกับคุณไม่ได้สนิทกัน"น่านฟ้าบอกอย่างดื้อดึง พยายามขืนตัวเพื่อให้หน้าเธอกับเจ้าของใบหน้าคมเข้มนั้นเว้นระยะห่างจากกันมากที่สุด
"อ้อ ลืมไป ว่าเรายังไม่ได้สนิทกันจริงๆ งั้นฉันไม่รอให้ถึงสิบสองวันก็แล้วกัน เราจะได้สนิทกันเร็วขึ้น คงจะเข้าท่ากว่านี้"เอ่ยพลางกระชับอ้อมกอดไว้แน่น พร้อมกับดันร่างเล็กไปยังเตียงกว้าง แล้วออกแรงผลักเบาๆ ก็ทำให้คนแรงน้อยกว่าล้มลงบนเตียงได้ไม่ยาก น่านฟ้าถึงกับใบหน้าถอดสี และก่อนจะหนีได้ทัน ร่างสูงของติณณภพก็โถมทับลงมา พันธนาการร่างนุ่มนิ่มนั้นด้วยน้ำหนักตัว และหยุดมือที่ปัดป่ายทุบตีอกเขาไม่หยุดด้วยการกดไว้กับเตียงนุ่ม ก่อนทุกอย่างจะหยุดนิ่ง เมื่อน่านฟ้าไม่สามารถขยับมือได้อีกต่อไป ทำได้แค่ร้องให้ปล่อยและส่งเสียงฮึดฮัดภายในลำคอ
"ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันจะร้องให้คนช่วย"
"อย่าพยายามเลยเด็กน้อย ร้องให้ตาย ก็ไม่มีใครมาช่วยหรอก"ติณณภพเอ่ย สายตากวาดมองใบหน้าจิ้มลิ้มกระวนกระวายของคนตรงหน้าอย่างใจเย็น ก่อนจะเคลื่อนสายตาลงต่ำกว่านั้นคล้ายเย้าแหย่ น่านฟ้าเห็นดังนั้นก็ชักทนไม่ได้ มองใบหน้าคมที่มีรอยยิ้มสาแก่ใจประดับอยู่นั้นด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ
"ปล่อยนะ ไอ้โรคจิต ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้"
"เรื่องอะไรต้องปล่อย น้อยไปด้วยซ้ำ กับเงินยี่สิบเก้าล้านที่ฉันต้องเสีย"เอ่ยจบ ใบหน้าคมก็โน้มต่ำลงมาซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง คนถูกสัมผัสถึงกับขนรุกเกรียวขึ้นทันใด พยายามขัดขืนหาทางเอาตัวรอด แต่ก็ไม่อาจสู้แรงคนตัวโตกว่าได้เลย หรือวันนี้จะเป็นวันที่เธอจะต้องตกเป็นภรรยาของเขาโดยสมบูรณ์ ไม่นะ เธอไม่ได้ต้องการแบบนี้ ขอแค่เวลา เวลาเพื่อรอการหย่า เธอยอมทนนอนกับคนที่ไม่ได้รักไม่ได้
"หยุดนะ หยุด หยุดได้แล้ว"เสียงนั้นเปล่งออกมาไม่ชัดเจนนัก ในขณะที่ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดซอกคอพร้อมริมฝีปากได้รูปที่หยอกเย้าอยู่กับเนื้อเนียนขาวผ่องด้วยความปราถนา เสียงร้องห้ามอย่างคนกำลังขวัญกระเจิงไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของเขานั้นคลายลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าคำร้องห้ามไม่เป็นผล น่านฟ้าจึงค่อยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น
"ฉันจะยอมคุณทุกอย่าง แต่ช่วยหยุดแล้วตกลงกับฉันก่อนจะได้มั้ย"
น้ำเสียงที่ดูมีสติมากขึ้นเอ่ยขอร้อง ทำให้คนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับความต้องการของตนเองชะงักไปเล็กน้อย ก่อนยอมเงยหน้าขึ้นแล้วมองคนใต้ร่างเพื่อรอฟัง ว่าเธอจะพูดอะไรกันแน่ หรือมีแผนอะไรคิดหลีกเลี่ยงเขาอีก
น่านฟ้าจ้องคนที่ทาบทับอยู่โดยไม่หลบ มองเขาด้วยสายแน่วแน่ ในขณะที่ติณณภพจ้องตอบโดยไม่พูดอะไร เขาอยากรู้ว่าเธอจะมีข้อตกลงอะไรกันแน่
"โน้มหน้าลงมาใกล้ๆ สิ ฉันมีอะไรจะบอก ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นของคุณ"
คำพูดที่อ่อนโยนอย่างน่าพอใจนั้น ทำให้ติณณภพขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย เมื่อครู่ยังขัดขืนเขาแทบตาย แต่ตอนนี้ทำไมถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปได้ แต่ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มก็โน้มลงไปใกล้ตามคำขอของเธอ
ติดตามชมตอนต่อไปค่า ฝากเพจนิยายรัก อมยิ้มรสขมด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่า ที่เข้ามาอ่าน
โฆษณา