สวัสดีพี่น้องชาว CRF โพสนี้เป็นโพสแรกที่ตั้งใจ "พิมพ์" ใน blogdit เลยนะ มันดันไม่มีแอฟ ใน pc นะ เลยต้องพิมพ์จากมือถือ ยากเอาเรื่อง
ประเด็นวันนี้คือการอัพเกรดเครื่องยนต์ครับ เรื่องของเรื่องคือ ขี่ชิลๆ อยู่ประมาณ 120 km/hr (gps speed) แล้วก็มีเด็กน้อยหัวเกรียน (ไม่ได้ประชด เกรียนจริงๆ น่าจะ ม.ต้น) หมอบซุปเปอร์คัพตามมาจี้ตูด... วินาทีแรก บิดคันเร่งเต็มข้อกะโชว์หน่อย แต่... รถหมดแรงครับ ไปได้แค่นั้น 555
คือด้วยความที่ rally มันหนัก ต้านลม แล้วก็ยังจะใส่กระเป๋าไปอีก จากทุกทีเคยวิ่งได้ 140 ก็เลยเหลือแค่ 120 ซะงั้น ไม่ได้ละ อยู่ไม่ได้ ได้เวลาอัพสเต็ปกันแล้ว
เอ้า เข้าเรื่องดีกว่า พอดีอยากเพิ่มพละกำลังให้เจ้าแรลลี่ซะหน่อย ก็เลยเริ่มพิจารณาทางเลือกที่มีในท้องตลาด ออ บอกก่อนว่า รถผมมีกล่องจูนอยู่แล้วนะ ที่ทำงานมีไดโนและก็มัจูนเนอร์ด้วย
ทำไมถึงต้องเพิ่ม มาดูรูปกราฟไดโนของเจ้า crf ก่อนจากรูปข้างบน จะเห็นว่าที่ความเร็ว 120 km/hr กราฟมันหัวทิ่มลงอย่างชัดเจน นั่นแปลว่า เครื่องยนต์ตัวนี้ เค้าออกแบบมาให้ใช้งานได้ถึงช่วงประมาณนี้ สังเกตุเวลาขี่ที่ความเร็วประมาณ 110-120 จะต้องใช้คันเร่งเยอะมาก เสียงเครื่องยนต์ก็บ่งบอกชัดเจนว่าหมดกำลังแล้ว
ทางเลือกที่ 1 เพิ่มกำลังอัดเดิมๆ crf มีกำลังอัด 10.7:1 ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับ big bike รุ่นอื่นๆ แสดงว่าเราเพิ่มได้ ตรวจสอบราคาลูกสูบกำลังอัดสูงแล้ว มีตั้งแต่ พันกว่าบาทถึงสี่ห้าพันบาท แล้วแต่ยี่ห้อ ทีนี้ ได้ที่เราจะได้จากการเพิ่มกำลังอัด ตามที่สอบถามเพื่อนๆ พี่ๆ ในวงการ เค้าบอกว่าได้เรื่องการตอบสนอง รอบจะมาเร็วบิดติดมือขึ้น แล้วค่าใช้จ่ายไม่สูง ความทนทานเยี่ยม เพราะไม่ได้โมดิฟายชิ้นส่วนอื่นๆ เปลี่ยนลูกสูบอย่างเดียว
ทางเลือกที่ 2 แคมซิ่ง รุ่นพี่มากประสบการณ์คนนึง (แก่ 55) บอกว่า เครื่องยนต์จะกี่หมื่นซีซีก็แล้วแต่ จะเรียกว่าเครื่องซิ่งต้องมีอะไร... แน่นอน ต้องมีแคมซิ่ง เครื่องเล็กเครื่องใหญ่ ถ้าไม่มีแคมซิ่ง เค้าไม่เรียกเครื่องซิ่ง... เออ จริงของแกเนอะ ความสำคัญของแคมชาปท์ ก็คือกำหนดการเปิด ปิด วาล์วไอดีและเสีย ทั้งระยะเวลา ระยะทางที่กดแคม และ overlab ระหว่างการเปิดของวาล์วไอดีไอเสีย (เรื่องนี้ยาว ถ้าว่างจะมาเล่าให้ฟังแบบ งูๆ ปลาๆ) สรุปง่ายๆ คือ เครื่องยนต์เดิมๆ ของ crf แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่แถวๆ 6000 -7000 รอบ ถ้าใส่อคมแต่งไป จะย้ายช่วงพละกำลังสูงสุดไปที่ช่วงรอบสูงขึ้น ทำให้รอบเดินได้ลึกขึ้น ไปไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ profile ของแคมนั้นๆ
ทางเลือกที่ 3 ขยายความจุ ด้วยชุดแต่งยอดนิยมทาเกกาว่าขยายเป็น 305 cc
ชุดขยายความจุขอทาเกกาว่าเพิ่มขนาดเครื่องยนต์จาก 249 เป็น 305 ซีซีได้ความเครื่องที่โตขึ้นประมาณ 22.5% กับแรงม้าจากประมาณ20 เป็น 28 แรงม้า ก็ประมาณ 40% ในงบประมาณ 4 หมื่นกว่าบาทปลายๆ ก็เฉลี่ยประมาณ 5 พันกว่าบาทต่อ 1 แรงม้าก็น่าสนใจแต่ราคานี้เป็นราคาชุดคิท เอามาทำเองนะยังไม่รวมค่าแรงช่าง
ทางเลือกที่ 4 ยกชุดข้อเหวี่ยงจากพี่น้องร่วมค่าย CBR300 จากการสอบถามข้อมมูลและพยายามค้นหาข้อมูลอยู่นานก็พบว่า เครื่อง crf250 และ cbr300 มันใช้อะไหล่แทบจะชิ้นเดียวกันทั้งหมด ต่างกันแค่ ข้อเหวี่ยง! นั่นละครับท่านผู้ชม
ลูกสูบ ขนาด 76 mm part number เดียวกัน ช่วงชัก 63 mm อันนี้ต่าง ของ crf ช่วงชัก 55 mm ได้เพิ่มมาอีก 8 mm ได้ความจุเพิ่มเป็น 286 cc แรงม้าในโบรชัวร์ เพิ่มจาก 24 เป็น 30 hp ได้เพิ่มมา 6 ตัว ในงบประมาณสองหมื่นกว่าบาท อันนี้ก็น่าสนใจ.. แต่บอกไว้ก่อน ผมไม่เคยขึ้นไดโนวัดเทียบรถที่ขยายความจุแบบนี้เทียบกันก่อนและหลังทำนะ เพราะว่า พอทำแล้วก็เปลี่ยนล้อ เปลี่ยนสเตอร์ จนไม่สามารถเทียบกับรถเดิมได้เลย ที่เคยๆ วัดแรงม้ามา (rally เดิทๆ วัดได้ประมาณ 17 แรงม้านะ) ทำเครื่องแบบนี้ก็จะได้แรงม้าตั้งแต่ 22-30 แรงม้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ อีกเยอะนะ ก็นับว่าเยอะมากนะ
ทางเลือกที่ 5 301.04 cc จากหลายๆ ทางเลือกที่ผ่านเข้ามา ก็ยังไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไหร่ 305 cc ยี่ห้อดัง ราคาก็เจ็บปวดเหลือเกิน เปลี่ยนข้อเหวี่ยง ก็ได้ cc ไม่หนำใจ หลังจากแอบสอบถามผู้รู้หลายๆ คนในวงการ ก็ได้ข้อสรุปมาว่า บ้านเราไม่ค่อยเล่นลูกโต เพราะว่าโตมากๆ ต้องตีปลอกสูบใหม่ ซึ่งความทนทานต่ำ นอกจากจะซื้อปลอกสูบคุณภาพสูงมา ซึ่งราคาไม่เบา ทำให้บ้านเรานิยมทำช่วงชักกันมากกว่า ก็เลยหาข้อมูลต่อว่า ปลอกเดิมโรงงาน ซึ่งความทนทานสูง และราคาไม่แรงมาก สามารถขยายได้แค่ไหน คำตอบคือ 2 mm คือจากเดิม ลูกสูบขนาด 76 mm สมารถคว้านใส่ลูกสูบ 78 mm ได้เลย โอ้ ว๊าว นี่ละ ที่มาของ 301 cc ลูก 78 ชัก 63
ทีนี้ก็มาสำรวจความต้องการของตัวเองก่อน ผมไม่ชอบลากรอบสูง ปกติขี่ทางดำเส้นซุปเปอร์เป็นประจำ ที่ความเร็วประมาณ 100-110 กม/ชม ก็ถือว่าเพียงพอ ในเส้นทางที่ใช้ประจำจะมีรถตู้ท่องเที่ยว ขับกัน 110+ เลนขวา รถบัส ความเร็วประมาณ 90 รถพ่วง 18 ล้อ วันไหนเจอพี่เค้าวิ่งตัวเปล่า เค้าก็ขับที่ 100-110 ประเด็นอยู่ที่เวลาแซงพี่ๆ คันใหญ่ๆ ยาว ผมใจไม่ถึงพอที่จะแซงพี่ๆ เค้าด้วยการขี่ด้านซ้าย ในเลนมอเตอร์ไซค์ (ปกติผมขี่เลนมอเตอร์ไซค์ตลอด ยกเว้นตอนแซง) ก็เลยต้องออกมาแซง ทีนี้การเร่งเครื่องจาก 100 ไป 120 มันใช้เวลามาก กว่าจะแซงได้ใช้เวลานาน อันตราย ก็เลยสรุปประเด็นที่ต้องการจากการโมดิฟายในครั้งนี้คือ
1. ความสามารถในการเร่งแซง
2. ลดสเตอร์ให้ได้รอบเครื่องเดินทางที่ต่ำลง ตอนนี้สเตอร์หน้า 15 ฟัน รถแทบไม่มีแรง ทำเสร็จแล้วจะลดสเตอร์หลังลงเป็น 38 ฟันด้วย
จากความต้องการของผม ก็ตัดลูกสูบกำลังอัดสูง กับแคมซิ่งไปได้เลย ที่ผมต้องการคือ กำลังเครื่องที่มาดขึ้นในย่านรอบต่ำลง การขยายความจุเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการผมมากกว่า
สรุปตัวเลขกันดีกว่า ดูตามนี้นะ เส้นผ่านศูนย์กลางลูกสูบ x ช่วงชัก = cc => แรงม้าที่คาดหวังได้ เทียบไดโนจองผมนะ
crf เดิมๆ 76x55 =249.51 => 17 hp
takekawa hyper bore kit 84x55=307.8 => 25 hp
crf + cbr300 stroker 76x63=285=>23
crf + cnr300 stroker + 78mm piston : 78x63=301cc =>??? เดี๋ยวทำเสร็จแล้วจะมาเฉลยแรงม้านะ
หลังจากผ่านมหากาพย์อันแสนยาวนาน เริ่มจาก ช่างช่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ นอนโรงพยาบาล ออกมาลูกช่างก็ป่วยเข้าโรงพยาบาล ออกมาก็รอลูกสูบ ลูกสูบมาก็ตรุษจีน โรงกลึงหยุดอีกอาทิตย์นึง โรงกลึงเปิด เจ้าของรถก็ไข้หวัดใหญ่นอนโรงพยาบาลต่อ และแล้วก็เสร็จจนได้กับสเต็ป 301 cc หลังจากปรับจูนเรียบร้อย เลขที่ออก...
28.3 แรงม้า.. เหนือความคาดหมายนิดหน่อย แต่ก็คุ้มครับ แรงบิดแรงม้าที่รอบต่ำกว่า 6000 เยอะขึ้นแบบชัดเจน ตรงตามเป้าหมายที่ออกแบบไว้เปะๆ
ค่าเสียหายโดยประมาณนะครับ
1. ข้อเหวี่ยง พร้อมเพลาบาล๊านซ์ ของ cbr300 ประมาณ 16000 บาท (ผมได้ชุดมือสองเจ้าของขายรถ สับกับชุดข้อเหวี่ยงเดิมของผม เลยไม่รู้ราคาจริงๆ)
2. ลูกสูบ 78 มม พร้อมแหวน 2500 บาท
3. กล่อง stand alone ECU SHOP ใบละ 3990
4. ค่าแรงประกอบแล้วแต่อู่ครับ
ก็ขอจบบทความนี้ไว้เท่านร้ รอบหน้าจะทำอะไรต่อ ตามลุ้นกันนะครับ
เจอกันใหม่เมื่อมีเงินโมเพิ่ม 😁😁😁
ทดลองขี่วันแรกไปเรื่อยๆ ไหลๆ ยังบิดไม่สุด ความเร็วไปถึง 130 ง่ายๆ แบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว จากก่อนหน้านี้บิดสุดลากยาวๆ ได้อยู่ประมาณ 125 กม/ชม
- 12
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
