1 ก.พ. 2019 เวลา 19:16 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ปรากฏการณ์ “ลมหมุนวนจากขั้วโลก” ที่อเมริกา /
ปรากฏการณ์ “คลื่นความร้อน” ที่ออสเตรเลีย
มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้?
ภาพ: Flickr.com
เมื่อสองสามวันมานี้มีข่าวใหญ่ที่น่าวิตกเกี่ยวกับสภาวะอากาศแปรปรวนของโลกเกิดขึ้นถึงสองข่าวพร้อมๆกัน
เริ่มจากข่าวแรกคือ ปรากฏการณ์ “ลมหมุนวนจากขั้วโลก” หรือ “Polar Vortex” ที่เริ่มต้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้ฝั่งมิดเวสต์ของอเมริกาไปจนถึงฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาถูกแช่แข็งโดยมีอุณหภูมิติดลบต่ำสุดถึง50องศาเลยทีเดียว
ซึ่งถือเป็นการทำลายสถิติอุณหภูมิลดลงต่ำที่สุดในรอบ20ปีที่ผ่านมา
ตามปกติแล้ว ลมหมุนวนจากขั้วโลกจะหมุนวนอยู่บริเวณแถบขั้วโลกเหนือในลักษณะทวนเข็มนาฬิกาและเคลื่อนตัวลงมาที่จุดต่ำสุดที่ประเทศแคนาดา
แต่ปีนี้ค่อนข้างผิดปกติ เพราะลมหมุนวนจากขั้วโลกได้แผ่ปกคลุมลึกลงไปถึงพื้นที่ตอนกลางของอเมริกา และมีแนวโน้มว่าจะเคลื่อนไปยังชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ด้วย ซึ่งจะทำให้ประชากรทั้งหมด 110 ล้านคนได้รับผลกระทบ
1
ซึ่งตัวเลขล่าสุดของผู้เสียชีวิตจากปรากฏการณ์นี้มีมากกว่า20รายแล้ว
ในขณะที่ข่าวถัดมา เป็นข่าวเกี่ยวกับสภาวะอากาศแปรปรวนในประเทศออสเตรเลียซึ่งคล้ายกับข่าวแรก แต่อุณหภูมิของทั้งสองประเทศกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
ภาพ: Flickr.com
ข่าวนี้เป็นข่าวที่ประเทศออสเตรเลียถูกคลื่นความร้อนจนอุณหภูมิสูงสุดทะลุ50องศา โดยเดือนมกราคมที่ผ่านมา อุณหภูมิได้พุ่งทะยานจนทะลุ40องศาจนทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดตั้งแต่ปี1910 และในบางพื้นที่ของประเทศอย่าง “พอร์ตออกัสต้า” อุณหภูมิขึ้นไปสูงสุดถึง50องศาเลยทีเดียว
มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้?
สาเหตุหลักของสภาวะอากาศแปรปรวนของทั้งสองข่าวที่ผมเกริ่นมาคือ “ภาวะโลกร้อน” นั่นเอง
ชัดเจนว่าภาพรวมของทั้งโลกกำลังประสบปัญหาจากภาวะโลกร้อน รวมถึงประเทศไทยของเราที่กำลังเจอปัญหาฝุ่น PM2.5
ผมไม่แน่ใจว่ามนุษย์โลกจะมีชีวิตอยู่ในสภาวะอากาศแปรปรวนแบบนี้ไปได้อีกนานเท่าไหร่ จะอยู่ได้ถึงร้อยปีหรือเปล่า?
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี2006 เคยมีสารคดีเรื่องหนึ่งที่พูดเกี่ยวกับ “ภาวะโลกร้อน” สารคดีนี้มีชื่อว่า
“An inconvenient truth”
ภาพ: Flickr.com
น่าเสียดายที่แม้สารคดีนี้จะโด่งดังไปทั่วโลก และทำให้เกิดกระแสตื่นตัวเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนอยู่พักหนึ่ง จู่ๆกระแสนี้ก็หายไป และที่ผ่านมา มีบางประเทศเท่านั้นที่ออกนโยบายอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่อีกหลายประเทศยังทำตัวชิลๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอมาถึงปัจจุบัน โลกเริ่มได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากข่าวทั้งสองข่าวที่เกริ่นมา กว่าทุกคนทั่วโลกจะรู้ตัวก็เกือบจะสายเกินเยียวยาแล้ว
ก่อนจะจากกันไป ผมอยากจะรณรงค์ให้ทุกคนลดการใช้ถุงพลาสติก และวัสดุที่ทำจากพลาสติก เช่น เวลาไป7-11 ให้พกถุงผ้าติดตัวไปด้วยแล้วบอกพนักงานว่า “ไม่เอาถุงครับ/ค่ะ” หรือเวลาจะซื้อข้าวกลับบ้าน ให้พกกล่องข้าวของตัวเองติดมือไปด้วย และบอกแม่ค้าว่าไม่เอาถุงพลาสติกรวมถึงกล่องโฟม เท่านี้ก็ถือว่าช่วยโลกของเราได้ (บ้าง) แล้วครับ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมกด “Follow” กด “Like” หรือกด “Share” เพจนี้เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความดีๆ ต่อไปด้วยครับ
ติดตาม​ Netflix Addict จากช่องทางอื่นและแวะมาพูดคุยกันได้ที่​ Facebook: https://www.facebook.com/netflixaddict1
โฆษณา