.... 8 ธันวามคม 2538 (ตรงกับวันที่ญี่ปุ่นยกทัพขึ้นบกยึดประเทศไทยในครั้งนั้น พอดี) นักแสวงโชคได้ขุดพบทองคำแท่งเป็นมูลค่าทหาศาลที่ภูเขาลูกหนึ่ง และจากการสอบถามจากคนรุ่นปู่รุ่นย่า หรือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ทหารญี่ปุ่นเกณฑ์เชลยศึกมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ ได้ความว่า ทหารญี่ปุ่นได้นำทองคำแท่งและสมบัติต่างๆ มาฝัง และซุกซ่อนตามถ้ำต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่เขต อ.ท่าม่วง อ.เมือง อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี โดยเลือกซุกซ่อนตามอุโมงค์ ตามแนวรางรถไฟสายมรณะ
26 ก.ย.2538 นายสงวน อ่องสมบัติ อายุ 82 ปี(ในสมัยนั้น) เป็นผู้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากร ขออนุญาตเปิดถ้ำต่างๆ ในเขต จ.กาญจนบุรี เพื่อที่จะนำขุมทรัพย์ของทหารญี่ปุ่นออกมามอบให้แก่รัฐบาลไทย โดยเนื้อหาในหนังสือ เปิดเผยว่า เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตนเป็นพ่อค้าที่ค้าขายกับพวกทหารญี่ปุ่น ทำให้การเข้านอกออกในค่ายทหารเป็นไปอย่างสะดวกสบาย จึงสังเกตเห็นทหารญี่ปุ่นยึดมาได้จากการรบในเกาะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว ฟิลิปปินส์ เกาะชวา มาเลเซีย สิงคโปร์ และ พม่า เป็นต้น
โดยจุดที่ นายสงวน เห็นทหารญี่ปุ่นฝังสมบัติ คือ บ้านลิเจีย ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี, เขตยอดเขา อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี, ถ้ำใกล้ๆ กับน้ำตกไทรโยคน้อย และเขตน้ำตกไทรโยคใหญ่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ไม่ไกลจากทางรถไฟสายมรณะที่ทหารญี่ปุ่นได้สร้างขึ้น.....