ทอม เบรดี้ อาจเป็นควอเตอร์แบ็กที่เก่งที่สุดในโลก คนปัจจุบัน แต่เขาอาจไม่มีวันนี้ ถ้าไม่มีชายที่ชื่อดรูว์ เบลดโซ วิเคราะห์บอลจริงจัง ย้อนอดีตอันน่าประทับใจของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ให้อ่าน
ในขณะที่เราเป็นอันดับ 1 อยู่บนจุดสูงสุด สปอตไลท์ทั้งหมด จะฉายตรงมาที่เรา
แต่ถ้าวันหนึ่ง เราไม่ได้เป็นอันดับ 1 อีกต่อไปแล้ว สิ่งสำคัญคือ เราจะจัดการกับตัวเองอย่างไร?
สำหรับแฟนอเมริกันฟุตบอลคงทราบดีว่า ทอม เบรดี้ ของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ คือควอเตอร์แบ็กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
อย่างไรก็ตาม ความยิ่งใหญ่ของเขา เกิดขึ้นได้เป็นครั้งแรก เพราะดรูว์ เบลดโซ ควอเตอร์แบ็กมือ 1 ได้รับบาดเจ็บ ในเดือนกันยายน 2001
เมื่อ เบลดโซเจ็บ เบรดี้ ที่เป็นมือสอง จึงได้ลงเล่นแทน และเขายึดโอกาสที่มีเอาไว้ได้ เขาพาทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในปีนั้น และไม่เคยเสียตำแหน่งคืนให้ใครอีกเลย
ในขณะที่เบลดโซ จากเป็นมือหนึ่งดีๆ ก็ต้องกลายมาเป็นสำรอง ก่อนจะย้ายทีมไปแบบเศร้าๆในปี 2002
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่เบลดโซ ได้ฝากเอาไว้ให้นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ได้จดจำ และมันส่งผลให้เขา กลายเป็นอีกหนึ่งผู้เล่น ที่แฟนๆนิวอิงแลนด์รักมากที่สุดตลอดกาลด้วย
ฉลอง นิวอิงแลนด์คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ในปีนี้ เราจะย้อนกลับไปดูเรื่องราวของดรูว์ เบลดโซ กับ ทอม เบรดี้ กันอีกครั้ง
ย้อนกลับไปในยุคต้น 90 ในยุคนั้น เมืองบอสตัน มีตำนานกีฬาแค่ 3 คนเท่านั้น คือแลร์รี่ เบิร์ด ของบอสตัน เซลติคส์ , บ็อบบี้ ออร์ นักฮ็อคกี้ของทีมบรูอินส์ และ เท็ด วิลเลี่ยมส์ ของเรด ซ็อกซ์
ขณะที่นิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์ ถือเป็นทีมกีฬาที่ใหม่ที่สุดในบอสตัน พวกเขายังไม่มีซูเปอร์สตาร์ที่อยู่ในใจของแฟนๆ ดังนั้น การดราฟต์ตัวในปี 1993 เพเทรียตส์ จึงตัดสินใจเลือกดราฟต์ ดรูว์ เบลดโซ เด็กหนุ่มจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน สเตต เพื่อหวังจะให้ เบลดโซ เป็นตำนานคนใหม่ของเมือง
เบลดโซ ทำผลงานของตัวเองได้ดี เขาเป็นควอเตอร์แบ็กอายุน้อยที่สุด อันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่พาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ ตามหลังแค่แดน มาริโน่ คนเดียวเท่านั้น
นิวอิงแลนด์ จากที่เคยเป็นหมูสนาม พอมีเบลดโซ เป็นควอเตอร์แบ็ก ทีมก็มีทรงขึ้น ฟอร์มโดยรวมแข็งแกร่งขึ้น และเข้าเพลย์ออฟ เป็นประจำแทบทุกซีซั่น
นั่นทำให้เขาได้รับสัญญาระยะยาว 10 ปี จากต้นสังกัด ในมูลค่า 103 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็น สัญญามูลค่าแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ NFL ณ เวลานั้น
เบลดโซ นอกจากจะเก่งในสนามแล้ว เขายังนิสัยดีมาก เป็นที่รักของทุกคนในองค์กร ดังนั้น เมื่อเบลดโซบาดเจ็บหนัก ทุกคนจึงกังวลใจไปหมด
บิลล์ บิลลิชิค โค้ชเพเทรียตส์ ให้คำมั่นสัญญากับเบลดโซ เอาไว้ในวันแรกๆที่บาดเจ็บ เขาบอกว่า ตอนนี้จะให้เบรดี้เป็นตัวจริงไปก่อน แต่เบลดโซ จะกลับมาเป็นตัวจริง ถ้าหายเจ็บกลับมา
เบลดโซ บาดเจ็บตั้งแต่กันยายน 2001 และหายสมบูรณ์จริงๆ คือเดือนพฤศจิกายน 2001 ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนเต็ม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ ยิ่งเวลาผ่านไป เบรดี้ยิ่งเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ เขาพาทีมชนะไม่หยุด
และบิลลิชิค ก็ผิดสัญญาที่ให้กับเขา นั่นคือ ยกให้เบรดี้เป็นตัวจริงต่อ เขาไม่สนใจว่าเบลดโซหายกลับมาแล้ว
ทีมกำลังดีอยู่ และบิลลิชิค ไม่อยากให้มันขาดความต่อเนื่อง
สมมติว่าคุณเป็นเบลดโซในสถานการณ์นี้จะทำอย่างไร จะทำทุกอย่างเพื่อกระชากมือ 1 คืน หรือยอมรับสถานการณ์โดยดี
ดรูว์ เบลดโซ สามารถก่อหวอดในทีมได้อย่างสบายๆ ถ้าเขาคิดจะทำจริงๆ
เพื่อนร่วมทีมเกินกว่าครึ่งอยู่เคียงข้างเขา นอกจากนั้น เขายังเป็นคนโปรดของเจ้าของทีม โรเบิร์ต คราฟท์
เบลดโซ สามารถออกแรงกดดันให้บิลล์ บิลลิชิค ส่งเขาลงสนามก็ได้ อย่าลืมว่าตอนนั้นบิลลิชิค ไม่มีพาวเวอร์อะไรเลย เขายังไม่เคยพานิวอิงแลนด์เข้าเพลย์ออฟเลยด้วยซ้ำ
ระหว่างไอค่อนของทีม และขวัญใจแฟนๆที่อยู่มา 8 ปี กับโค้ชที่เพิ่งคุมได้ 1 ปีเศษ เจ้าของทีมคงเลือกฝั่งได้ไม่ยาก
ขณะที่ สื่อมวลชนต่างก็เชียร์ให้เบลดโซคัมแบ็กเป็นตัวจริง
เบลดโซ อายุ 29 ปี เป็นจุดพีกของควอเตอร์แบ็ก ขณะที่เบรดี้ เป็นเด็กหนุ่มวัย 23 ปี เขายังไม่มีประสบการณ์ในเกมระดับสูงเลย
อย่างไรก็ตาม เบลดโซไม่ได้คิดแบบนั้น เขาแคร์ทีมเกินกว่าจะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาทำให้ทีมพัง
"นายคือดรูว์ เบลดโซนะ นายคือควอเตอร์แบ็กเบอร์ 1 ของทีมตัวจริงนะ" แชด อีตัน ดีเฟนซีฟแท็คเกิ้ล เพื่อนร่วมทีมนิวอิงแลนด์ กระตุ้นให้เขาทวงมือ 1 คืนมาจากทอม เบรดี้
เบลดโซ ตอบกลับอย่างเรียบง่ายว่า "ทีมต้องมาก่อนสิ"
สิ่งที่เบลดโซทำคือตั้งใจเต็มที่ตอนซ้อม เขาไม่เคยวิจารณ์การตัดสินใจของโค้ชแม้แต่ครั้งเดียว
เบลดโซเตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ ถ้าหากวันไหนเบรดี้ มีอาการบาดเจ็บหรือไม่พร้อมลงเล่น เขาก็สามารถเสียบแทนได้ทันที
นอกจากนั้น ยังเป็นที่ปรึกษาให้เบรดี้ ระหว่างเกมการแข่งขัน ด้วยความที่เบรดี้ไม่มีประสบการณ์ เบลดโซ จะช่วยแนะนำในเพลย์สำคัญว่า ควรเล่นในรูปแบบไหน
การที่ทั้งสองคน มีทีมเวิร์คกันอย่างดี ทำให้ในส่วนของควอเตอร์แบ็ก มีความแข็งแกร่งอย่างมาก
เบลดโซ ไม่ชอบหรอก ที่ต้องเป็นสำรอง แต่ทว่า เขารู้ดี มันไม่ใช่ความผิดอะไรของเบรดี้ เบรดี้เพียงแค่รอโอกาส และพอได้มันมา เขาก็รักษาโอกาสนั้นไว้ได้แค่นั้นเอง
หลังจาก จบเรกูลาร์ ซีซั่น นิวอิงแลนด์มีสถิติชนะ 11 แพ้ 5 เข้าเพลย์ออฟ แบบหรูๆ
มาถึงตรงนี้ เบลดโซยอมรับแล้วว่า ซีซั่นหน้า นิวอิงแลนด์คงตั้งใจปั้นเบรดี้ ให้เป็นอนาคตของทีมต่อไป
เบรดี้ยังหนุ่มยังแน่น เป็นคีย์แมนของแฟรนไชส์ได้อีกหลายปี ซึ่งทำให้ตัวเบลดโซเองก็คิด ว่าจะเอายังไงต่อดี เขายังมีสัญญาระยะยาวกับทีม สามารถอยู่เก็บเงินไปได้เรื่อยๆ ในฐานะตัวสำรอง
หรืออีกชอยส์หนึ่ง คือยื่นเรื่องขอย้ายทีม เพราะเขาเพิ่งอายุ 29 ปี ยังคงหนุ่มแน่น และสามารถเป็นตัวจริงให้ทีมไหนก็ได้
สุดท้ายเบลดโซ ตัดสินใจเลือกย้ายทีม เขาคือมืออาชีพ ถ้าหากเป็นมือ 1 ไม่ได้ ก็ต้องย้ายไปในที่ใหม่ ที่จะได้รับโอกาส คือไม่มีอะไรต้องแค้นเคืองกัน เขาเข้าใจสถานการณ์ดี
เมื่อตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว เขาถ่ายทอดความรู้ และเทคนิคที่มีทั้งหมดให้กับเบรดี้ เหมือนเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์
เขาเองอยู่นิวอิงแลนด์มา 8 ปี ดังนั้นจึงรักและแคร์ทีมมากๆ อะไรที่จะช่วยให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นได้ในระยะยาว เขาจะทำ
ช่วงท้ายๆของฤดูกาล เบลดโซ ประคบประหงมเบรดี้อย่างจริงจัง เขามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้เบรดี้ พัฒนาขึ้น
ก่อนที่สุดท้าย นิวอิงแลนด์ จะเข้าถึงซูเปอร์โบวล์ และคว้าแชมป์ในที่สุด ซึ่งสำหรับเบลดโซ ในเกมซูเปอร์โบวล์ แม้จะต้องอยู่ข้างสนามตลอดเกม แต่เขาก็รู้สึกยินดี ที่ทีมของเขา ในที่สุดก็ไปถึงแชมป์เสียที
เมื่อทีมได้แชมป์แล้ว คราวนี้เบลดโซ ก็อำลาแบบหมดห่วง
21 เมษายน เบลดโซ เทรดจากนิวอิงแลนด์ ไปสู่บัฟฟาโล่ บิลส์ และแน่นอน เขาการันตีตำแหน่งตัวจริง
การย้ายทีมครั้งนี้ แม้จะเป็นหนทางของมืออาชีพ แต่มันก็ทำให้โรเบิร์ต คราฟต์ เจ้าของทีมนิวอิงแลนด์ใจหาย
"ผมขอพูดชัดๆเลยนะ ดรูว์ เบลดโซ คือผู้เล่นที่พิเศษจริงๆ" คราฟต์เผย "ผมศรัทธาเขาจากใจจริง และขอบคุณกับสิ่งดีๆที่เขาทำเพื่อทีมมาตลอด มันไม่ใช่แค่เรื่องในสนาม แต่รวมถึงเรื่องนอกสนามด้วย"
"เขาสร้างความสุข ให้กับแฟนๆของเรา และแน่นอน จะมีที่พิเศษสำหรับเขาในหัวใจของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์เสมอ และด้วยเหตุผลทั้งหมด การเทรดตัวครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากจริงๆ"
เบลดโซ อำลาทีมด้วยความรัก ไม่มีการโกรธเคืองอะไรกัน เขาเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างเป็นอย่างดี
ขณะที่นิวอิงแลนด์ในยุคใหม่ของเบรดี้ ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นทีมอันดับ 1 ของอเมริกันฟุตบอลอย่างแท้จริง
สำหรับเบรดี้ เขาไม่เคยลืมว่า เบลดโซ คือคนที่ถ่ายทอดเทคนิคต่างๆ จนเขาก้าวมาเป็นเบรดี้ในวันนี้
"ดรูว์ คือผู้นำของนิวอิงแลนด์อย่างแท้จริง" ทอม เบรดี้ กล่าว "ตอนเราอยู่ด้วยกัน เขาเป็นคนแนะนำและช่วยสอนผมมากมายจริงๆ"
ขณะที่เบลดโซเอง ก็ยอมรับว่าเบรดี้ คือสุดยอดของนักกีฬาแห่งยุค เป็นคนที่ก้าวข้ามเขาไปแล้วจริงๆ
"ทอม คือสุดยอดผู้เล่นตลอดกาลของลีก เขามีความสามารถอันเหลือเชื่อ แต่รู้อะไรไหม เขายังติดหนี้ผมอยู่นะ เพราะในช่วงนั้น ผมสอนทุกอย่างให้เขาหมดเลย"
"ถึงวันนี้ ทอม ยังติดหนี้ไวน์ผม 1 ขวด!"
หลังอำลานิวอิงแลนด์ เบลดโซ เล่นในลีกอีก 5 ปี ก็ประกาศรีไทร์
ในปี 2011 เขาได้รับการบรรจุ เข้าไปอยู่ในหอเกียรติยศ ของนิวอิงแลนด์ เพเทรียตส์อย่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่ได้ปิดฉากอาชีพที่นี่ก็ตามที
"ดรูว์ เบลดโซ คือส่วนสำคัญที่ทำให้เพเทรียตส์ เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก" โรเบิร์ต คราฟต์ บอกความรู้สึก "เขาทำให้แฟนๆมีความหวัง ว่าทีมของเรา สามารถประสบความสำเร็จได้ จากทีมที่ในรอบ 35 ปี ได้เล่นเพลย์ออฟในบ้านแค่นัดเดียว แต่พอเบลดโซเข้ามา เขาพาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ"
ขณะที่เบลดโซ ในวันพิธี ฉลองเข้าหอเกียรติยศ มีแฟนๆนับพันเข้ามาร่วมยินดีไปกับเขา
"ขอบคุณแฟนๆนิวอิงแลนด์ ที่รับผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกคุณ มันมีคุณค่ากับผมมากเกินกว่าที่คุณจะนึกภาพออกเลยล่ะ" เบลดโซกล่าว
"ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับนิวอิงแลนด์ ผมมีความสุขจริงๆ มีปัญหาอย่างเดียว คือผมมี ตัวสำรองคนหนึ่งที่ทำตัวแย่มากๆ เจ้าเบอร์ 12 นั่นน่ะ"
"หมอนี่ช่างไม่รู้เอาซะเลย ว่า หน้าที่ของตัวสำรองคืออะไรกันแน่!"
การเล่นมุกแซะตัวเอง มันสื่อให้เห็นเลยว่า เขากับเบรดี้ ไม่ได้มีความคับข้องใจอะไรกันเลย แม้จะเป็นคู่แข่งกันในช่วงหนึ่ง แต่ทั้งคู่ก็ลงเอยด้วยความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันจนถึงปัจจุบัน
ในชีวิตนี้มันเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะเป็นผู้ชนะตลอดเวลา
บางครั้งเราก็ต้องแพ้ บางครั้งเราก็ต้องเป็นอันดับ 2
สิ่งสำคัญก็คือเราจะรับมือกับการพ่ายแพ้อย่างไร
จะทำลายทุกอย่างให้พัง เมื่อกูไม่ได้เป็นที่ 1 ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะอยู่อย่างสงบสุข
หรือว่า จะยอมรับความจริง แพ้ก็คือแพ้ ยินดีกับผู้ชนะ แล้วเลือกจัดการความรู้สึกของตัวเองแทน
แน่นอน ในโลกนี้ผู้ชนะ ย่อมถูกจดจำง่ายกว่า
แต่ผู้แพ้ที่ชนะใจคนดู ก็จะตราตรึงอยู่ในความรู้สึกได้ยาวนานไม่แพ้กัน
#BLEDSOE #BRADY
- 23
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
