6 ก.พ. 2019 เวลา 12:29 • ปรัชญา
#เมื่อความตาย..กลายเป็นจุดเริ่มต้น the series
ตอนที่ 3: จิตดวงสุดท้าย (2)
ดังที่กล่าวไปในบทความตอนที่แล้วว่า...
เวลาที่คนเราใกล้ตายนั้นมันจะตัดความรับรู้ทางตา หู จมูก ลิ้น กายออกทั้งหมด เหลือแต่ความรับรู้ทางใจเพียงอย่างเดียว
ความรับรู้ทางใจนี้...มันจะเริ่มทำงานตามความเคยชินเก่าๆ ตามฐานข้อมูลเดิมที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
cr pic pixabay.com
โดยกรรมจะทำให้มีการปรุงนิมิตขึ้นมาปรากฏ
ที่จิต ซึ่งกรรมแต่ละตัวนั้นจะมีลำดับการส่งผลก่อนหลังตามลำดับ ดังนี้...
1. ครุกรรม (กรรมหนัก)
ครุกรรม หมายถึง กรรมหนักที่กรรมอื่นไม่สามารถห้ามได้
พระเทวทัตผลักก้อนหิน หมายปลงพระชนม์พระพุทธเจ้า แต่มีเพียงสะเก็ดหินชิ้นหนึ่งกระเด็นมาถูกปลายพระบาทจนห้อพระโลหิต (cr. http://www.dhammatalks.net)
หากผู้ใดเคยทำกรรมหนักเอาไว้เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ กรรมหนักนั้นย่อมส่งผลก่อนกรรมอื่นๆเสมอ เพราะเป็นกรรมที่มีกำลังแรงมากที่สุด เมื่อตายแล้วจะให้ผลทันทีอย่างแน่นอน
กรรมหนักที่ว่านี้มีทั้งฝ่ายดี และฝ่ายชั่ว
กรรมหนักฝ่ายดี เช่น เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่สามารถเข้าฌานสมาบัติได้ และตอนตายจิต
ในขณะนั้นเข้าถึงฌาน ก็ย่อมไปเกิดเป็นพรหม หรือตอนตายจิตเกิดถอยออกจากฌาน ก็อาจจะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นต่างๆ เป็นต้น
กรรมหนักฝ่ายชั่ว เช่น ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่เคยทำอนันตริยกรรม ได้แก่ การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต
รวมถึงการทำให้สงฆ์แตกกัน กรรมหนักฝ่ายชั่วนั้นย่อมปรากฏ และชักนำให้ไปสู่ทุคติในที่สุด
พระเจ้าอชาติศัตรู ผู้กระทำปิตุฆาต (cr. pic พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก)
ตัวอย่างบุคคลที่ได้ทำอนันตริยกรรมในสมัยพุทธกาล คือ พระเจ้าอชาติศัตรู ที่ฆ่าพระบิดาของตนเอง หรือพระเจ้าพิมพิสาร แม้สุดท้ายพระองค์จะได้พบกับพระพุทธเจ้า แต่ด้วยความที่เคยทำกรรมหนักเอาไว้ กรรมนั้นจึงส่งผล
ให้ลงนรกอเวจีในที่สุด
2. อาสันนกรรม (กรรมใกล้ตาย)
อาสันนกรรม หมายถึง กรรมใกล้ตาย เป็นกรรมที่ดี หรือไม่ดีที่บุคคลนั้นระลึกได้ หรือได้กระทำในเวลาใกล้ตาย
crhttp://boonbudnet.com/sunset/node/17
ถ้าตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ผู้นั้นไม่เคยทำครุกรรม หรือกรรมหนักมาก่อน อาสันนกรรมจะให้ผลเป็นลำดับแรก
พระพุทธเจ้าตรัสว่า…
อาสันนกรรมนี้เปรียบเสมือน “โคปากคอก“
ในเวลาที่เจ้าของโคเปิดประตูคอก โคที่อยู่ใกล้ประตูคอกมากที่สุด แม้จะเป็นโคแก่ที่มีกำลังน้อยย่อมออกมาก่อนโคหนุ่มที่มีกำลังมาก
crhttp://boonbudnet.com/sunset/node/17
ผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องที่ว่า…
ในเวลาที่มีผู้ใกล้จะตาย บรรดาญาติสนิทมิตรสหายก็มักจะไปนิมนต์พระมาสวดมนต์ให้ผู้นั้นฟังในวาระสุดท้ายของชีวิต เหตุที่ทำเช่นนี้ก็เพราะหวังให้อาสันกรรมที่ดีมาปรากฏแก่จิตก่อนตาย แล้วผู้นั้นก็จะได้ไปสู่สุคตินั่นเอง
ตัวอย่างหนึ่งของอาสันนกรรมที่ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงคือ อาสันนกรรมของมัฏฐกุณฑลี...
ในสมัยพุทธกาล มีพราหมณ์คนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองสาวัตถี พราหมณ์ผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความตระหนี่ถี่เหนียวเป็นที่สุด เขามีบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งเพียงคนเดียวชื่อ มัฏฐกุณฑลี เมื่อบุตรชายของเขาอายุได้ 16 ปี ก็ได้ป่วยเป็นโรคผอมเหลือง ด้วยความตระหนี่ของพราหมณ์จึงไม่พาบุตรชายไปหาหมอ แต่เดินทางไปถามสูตรยาจากหมอเพื่อเอามารักษาบุตรชายแทน จนในที่สุดบุตรชายของเขาก็มีอาการหนักขึ้นจนยากเกินกว่าที่หมอจะรักษาได้ วันหนึ่งขณะที่มัฏฐกุณฑลีนอนอยู่ที่ระเบียงนอกบ้าน ก็ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาโปรดถึงประตูบ้าน เมื่อมัฏฐกุณฑลีเห็นพระบรมศาสดาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เพราะบิดาของเขาเป็นคนตระหนี่ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ไม่ได้ฟังธรรม และถวายทาน จึงทำได้เพียงส่งจิตที่เลื่อมใสไปถวายแก่พระพุทธองค์เท่านั้น เพราะในเวลานี้แม้แต่แรงจะยกมือไหว้ยังไม่มี ในเวลาต่อมาเขาได้สิ้นชีวิตลง สุดท้ายจิตที่เลื่อมใสขณะตายนั้นส่งผลให้ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นี่คือผลจากอาสันนกรรมฝ่ายดี ทำให้ไปสู่สุคติ
3. อาจิณณกรรม (กรรมที่ทำจนเคยชิน)
อาจิณณกรรม คือ กรรมที่เราทำบ่อยๆเสมอๆจนเคยชิน หรือเป็นนิสัย เช่น ระลึกถึงกรรมนั้นบ่อยๆ หรือกระทำกรรมนั้นบ่อยๆ
cr pic pixabay.com
ถ้าผู้นั้นไม่เคยทำครุกรรมในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และอาสันนกรรมมีกำลังไม่เพียงพอที่จะส่งผล เช่น ตอนตายไม่ได้ระลึกถึงอะไร ทำให้อาสันนกรรมไม่มีกำลังในการนำเกิด ตัวที่จะส่งผลไปปรากฏที่จิตก่อนตายก็คือ อาจิณณกรรม
(ข้อมูลตรงส่วนนี้มีบางคัมภีร์บอกไว้ว่า อาจิณณกรรมจะเป็นตัวให้ผลก่อนอาสันนกรรม และอาสันนกรรมโดยมากก็สืบมาจากอาจิณณกรรม)
โดยอาจิณณกรรมนี้ก็มีทั้งฝ่ายดี และฝ่ายชั่ว
อาจิณณกรรมฝ่ายดี เช่น ในตอนที่มีชีวิตอยู่เราชอบทำบุญสุนทาน ชอบตักบาตร ชอบฟังธรรม หรือปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ นิมิตที่ปรากฏก่อนตายก็อาจจะเป็นภาพตอนที่เรากำลังใส่บาตร ภาพถุงอาหารต่างๆที่เรากำลังใส่บาตร หรืออาจจะเห็นภาพตอนที่ตนกำลังนั่งฟังธรรม เมื่อเห็นภาพเช่นนั้นจิตก็จะแช่มชื่น เบิกบาน เป็นกุศล
และไปสู่สุคติในที่สุด
อาจิณณกรรมฝ่ายชั่ว เช่น ตอนมีชีวิตมักชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบยิงนกตกปลา ทำสิ่งอกุศลเหล่านั้นจนเคยชิน อาจิณณกรรมฝ่ายชั่วย่อมปรากฏ และนำไปสู่ทุคติภูมิอย่างแน่นอน
4. กตัตตากรรม (กรรมที่สักแต่ว่าทำ)
กตัตตากรรม เป็นกรรมที่ผู้กระทำไม่มีเจตนาที่จะกระทำ
cr. twitter.com
ถ้าผู้นั้นไม่มีทั้งครุกรรม อาสันนกรรม และ
อาจิณณกรรมให้ผล กตัตตากรรม หรือกรรมเล็กกรรมน้อยที่เคยทำโดยไม่ได้เจตนาก็จะให้ผลแทน ซึ่งกรรมนี้ไม่มีกำหนดเวลาให้ผลที่แน่นอน เพราะมีกำลังอ่อน
ตัวอย่างของกตัตตากรรม เช่น เมื่อมีคนรู้จักนำซองผ้าป่ามาให้เราทำบุญ ทั้งที่ใจจริงแล้วเราไม่ได้อยากทำ แต่ก็ต้องทำไปอย่างเสียไม่ได้ อันนี้ถือว่าเป็นกรรมที่มีน้ำหนักน้อย เพราะเจตนาอ่อน
ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น จะเห็นว่ากรรมต่างๆ
ที่ทำจะปรากฏเป็นนิมิตก่อนตายนั้นมีการลำดับ
ในการให้ผลก่อนหลัง...
โดยเริ่มจากครุกรรม(กรรมหนัก)ก่อน
ตามด้วยอาสันนกรรม (กรรมใกล้ตาย)
อาจิณณกรรม (กรรมที่ทำจนเคยชิน)
และกตัตตากรรม (กรรมที่ไม่มีเจตนากระทำ)
ตามลำดับ
แต่โดยทั่วไป...
คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยทำครุกรรมกันเท่าไหร่ ส่วนกตัตตากรรมก็คงยากจะไปถึง เพราะมีกรรมอื่นๆที่แรงกว่ารอให้ผลอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นตัวที่สำคัญก็คือ อาสันนกรรม และอาจิณณกรรม
่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า การหวังพึ่งอาสันน
กรรมที่ดีตอนตายเพียงอย่างเดียว ถือว่ามีความเสี่ยง และอันตรายมาก เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าในตอนนั้น กรรมชั่วใดที่เคยทำจะปรากฏ เราไม่สามารถบังคับจิตได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า หรือหวังพึ่งอาสันนกรรม
สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ควรฝากความหวัง
ไว้กับอาจิณณกรรมให้ดีที่สุด โดยหมั่นสะสมเหตุปัจจัยที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการฝึกเจริญสติในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เพราะสตินั้นเป็นตัวปิดกั้นอกุศลทั้งปวง และเป็นเพื่อนแท้ที่ดีที่สุดที่จะเป็นที่พึ่งให้กับเราในตอนใกล้ตาย
ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า...
"อัตตา หิ อัตตโน นาโถ" ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ก็ด้วยประการฉะนี้แล
เขียนโดยเพจ "ชอบธรรม..คำสอน"
ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก พระไตรปิฎก และคำสอนครูบาอาจารย์
อนุโมทนากับท่านผู้อ่านทุกท่าน
cr pic pixabay.com
โฆษณา