7 ก.พ. 2019 เวลา 14:10 • ท่องเที่ยว
กับการปั่นจักรยาน...
วันนี้มีเป้าหมายให้เลือก
ระยะทางไป-กลับ 34 กิโลเมตร หรือ 16 กิโลเมตร หรือ เพียง 10 กิโลเมตร
ก็ถึงเป้าหมายเดียวกัน !!!
ใครจะเลือกระยะทางแค่ไหนก็สุดแต่จะตัดสินใจ...แต่ผมเลือกเอาไกลสุดคือ 34 กิโลเมตร
ไกลกว่านี้ผมก็ปั่นมาแล้ว !! ผมคิด...เพราะต้องการสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
กองหินในภาพคือ สิ่งที่ผมจะไปดู !!!
10 โมงเศษ ๆ ผมกุมแฮนด์เสือหมอบคู่ใจออกจากปั๊มน้ำมันห้วยแถลง ผมจะใช้ปั๊มน้ำมันเป็นจุดออกตัวเสมอ เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน เครื่องดื่มหลากชนิด ห้องน้ำห้องท่า ข้าวของเบ็ดเสร็จต่าง ๆ ตลอดจนเป็นจุดนัดหมายกับเพื่อน ๆ ในบางโอกาส
แต่วันนี้ผมปั่นคนเดียว !!
เริ่มสตาร์ทช้า ๆ เป็นการอุ่นเครื่อง ไปตามถนน 4 เลนที่มุ่งไปทางโคราช ออกตัวมาได้ไม่นาน ก็สิ้นสุดถนนที่กว้างใหญ่ ขอบถนนมันบีบให้รถจักรยานวิ่งแคบลงเป็นทาง 2 เลนแบบที่รถวิ่งสวนกันไปมาแบบเฉียด ฉิว
ไหล่ทางสำหรับรถจักรยานกว้างประมาณ 50 เซ็นติเมตร ต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง รถส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุก 10 ล้อขนสินค้าการเกษตร มีอ้อยเป็นส่วนมาก นอกจากเสียงที่ดังแล้ว ควันที่พ่นออกมาเป็นชนิดเดียวกับที่คนกรุงเทพสูดดมเป็นประจำคือฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM 2.5 มันพุ่งเข้าจมูกผมทุกคันที่แซงหน้าไป
บ่อยๆ เข้าชักใจคอไม่ค่อยดี นึกโทษตนเองที่ลืมผ้าปิดจมูกติดมาด้วย สู้ไปได้ประมาณ 9 กิโลเมตร เหงื่อกำลังใหลชุ่มตัว ก็ถึงเทศบาลตำบลหินดาด
“ทางไปกู่ศิลา ไปทางไหนครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สี่แยกไฟแดง
“ทางโน้นครับ ไปทางพิมาย” ตำรวจชี้มือไปทางทิศเหนือ
“กี่กิโลครับ”
“โห...8 กิโลครับ” เขาทำสีหน้าบอกเป็นนัยว่า ไหวหรือ !!
“ไปถึงโรงเรียนหลุ่งประดู่แล้วเลี้ยวขวาเลยนะครับ” ยังไม่เลิกห่วง
“ครับ ขอบคุณครับ”
ผมนำรถเลี้ยวทะแยงออกไปทางขวา มุ่งไปอำเภอพิมาย แดนปราสาทหิน เส้นทางสายนี้ ไหล่ทางแคบกว่าสายที่ไปโคราช แถมถูกรถบรรทุกวิ่งตะกุยผิวถนนจนขรุขระไปค่อนข้างมาก
โชคดีที่ผมปั่นไปได้ประมาณ 3 กิโลเมตรเศษก็ถึงปากทางเข้ากู่ศิลา
สภาพถนนที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาผมใจแป้วไปทันที
ถนนหินคลุก (ฝุ่น) !!!
ผมไม่เจอนานมาก คิดว่าหมดไปจากเมืองไทยสมัยรัฐบาลที่ทำโครงการถนนปลอดฝุ่นโน่นแล้ว...แต่ก็หยุดไม่ได้ต้องไปต่อให้ถึงจุดหมาย
เสือหมอบมาอ๊อฟโรด มันเสี่ยงกับยางรั่ว ต้องวิ่งหลบแง่งหินที่โผล่เรียงรายเป็นหนามทุเรียนไปมา ไปตลอดทาง สองฝั่งถนนเป็นไร่มัน ไร่อ้อย ไร่ข้าวโพดที่ปลูกยามทุ่งร้างข้าว บางช่วงมีป่าเต็งรังที่กิ่งก้านเปล่าเปลือย เพราะถูกใบทอดทิ้ง
ผิวถนนที่เป็นดินปนหิน มันดึงให้รถหนืด ต้องเพิ่มแรงอีกเท่าตัว มันจึงจะวิ่งไปข้างหน้าได้ มองไปข้างหน้า เห็นเพียงเปลวแดดเต้นระริก ระหว่างนั้นรู้สึกแสบใบหูเหมือนมีแผ่นความร้อนมาติดไว้ รอบ ๆ ตัวมีแต่ความแห้งผาก ใบไม้ใบหญ้ากรอบเหลือง ผมปั่นไปได้ไกลจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว ยังไม่มียวดยานวิ่งสวนทางมาเลยสักคันเดียว
“แล้วผมมาทำอะไร..” มันเปลี่ยว วังเวงและน่ากลัว อย่างนี้ !!
ในยามที่ลำบากอยู่เพียงลำพัง ไม่มีใครหรอกที่มารั้งเราไว้ นอกจากตัวเราเอง “อย่าลืมความตั้งใจของเรา” ผมพูดกับตัวเอง !!
ผมนึกถึงคำพูดของผู้รู้บางคนที่พูดว่า “คนเราหนึ่งคน จะคิดถึง 70,000 ครั้งต่อวัน“
สำหรับผม ยังไม่ถึงครึ่งวันดี ผมกลับคิดโน่นคิดนี่เกินกว่าที่ผู้รู้ว่าไว้เสียอีก
ผมใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง เมื่อเห็นป้ายหมู่บ้านหนองผักโพดอยู่ตรงหน้า ในหมู่บ้านมีถนนคอนกรีตพอได้พักแรง
ปั่นชืล ๆ ได้ตามความคุ้นชิน !!
“เลี้ยวขวาไปทางนี้แหละ สักครู่ก็ถึงแล้ว” ชาวบ้านบอก
เวลาเกือบเที่ยงผมก็ถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ “กู่ศิลา”
ใช่แล้วครับ กองหินที่อยู่ในภาพคือ กู่ศิลา ตั้งอยู่ที่บ้านกู่ศิลาขันธ์ ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เป็นโบราณสถานก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (1724-1761) ครองราชย์ในอาณาจักรเขมรโบราณ เป็น 1 ในจำนวน 121 แห่งที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นตามเส้นทางสำคัญ โบราณสถานนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธรรมศาลา (ที่พักคนเดินทางมีไฟ) ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางจากเมืองพระนครของอาณาจักรขอมมายังพิมายปุระ เส้นทางสายนี้เรียกว่า ราชมรรคา
ปัจจุบันกู่ศิลา อยู่ในสภาพพังทลาย ยังไม่ได้รับการบูรณะ
ซากปรักหักพังที่กองอยู่ในภาพนี้
อยู่ห่างจากอำเภอห้วยแถลง ไป-กลับ 34 กิโลเมตร
อยู่ห่างจากเทศบาลหินดาด ไป-กลับ 16 กิโลเมตร
อยู่ห่างจากโรงเรียนหลุ่งประดู่ปากทางเข้าไป-กลับ 10 กิโลเมตร
ระหว่างเดินทางหลายต่อหลายครั้งที่คิดจะกลับ หลายต่อหลายครั้งที่ถามหาเหตุผลของการเดินทาง หลายต่อหลายครั้งที่ถามหาคำตอบว่าคิดถูกหรือคิดผิด
ทำไมผมจึงเลือกระยะทางที่ไกลที่สุด ทั้งที่จบทริปนี้แล้ว ผมแทบจะเดินไปไหนไม่ได้เพราะตะคริวมันล็อคขาผมไว้เสียแน่น !!!
โฆษณา