7 ก.พ. 2019 เวลา 14:18 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Digital Twin คู่แฝดดิจิตอล
Digital Twin เป็น Concept ที่มีมานานแล้วตั้งแต่ปี 2002 แต่เพิ่งจะเริ่มแพร่หลายเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากข้อจำกัดทางเทคโนโลยี และ Hardware ในสมัยนั้น โดย Concept ของ Digital Twin นั้นคือการทำแบบจำลองทางดิจิตอลโดยสมบูรณ์ เพื่อมาจำลองสถานการณ์ต่างๆเพื่อให้เราเข้าใจ หรือพยากรณ์อนาคตที่น่าจะเกิดขึ้น และเตรียมรับมือได้ถูกต้อง
ดังนั้นเพื่อจะสร้างและจำลองสำเนาดิจิตอลโดยละเอียดต้องใช้เทคโนโลยี IoT, Big Data, 3D Modeling และ AI
โดยเริ่มจากการร่างแบบจำลอง 3D และติด Sensor โดยละเอียดให้กับวัตถุจริง เพื่อเวลาข้อมูลส่งกลับมาที่ Big Data จะได้เข้าใจได้ว่าเหตุการณ์นั้นๆมีผลต่อจุดใด หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจะมีผลต่อจุดใดเช่นกัน
เหตุที่ต้องใช้ Big Data และ AI
ต้องใช้ Big Data เพราะข้อมูลที่ติด Sensor มีปริมาณมหาศาลมาก ทั้งจำนวนจุดติดตั้งและการส่งข้อมูลในระดับ Real Time คือเยอะตั้งแต่จำนวนจุดและยังต้องคูณด้วยเวลาอีก
ส่วน AI เข้ามาช่วยในการพยากรณ์หรือทำ Monitoring ในระดับข้อมูลปริมาณมากที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้
ฟังดูเหมือนจะดี แต่มีคำถามคือเอาไปทำอะไรได้บ้างในโลกแห่งความเป็นจริง
เรามาดูตัวอย่างกันซัก 3 ตัวอย่าง
เริ่มจากของจริงเลยที่ NASA เหตุที่ NASA จำเป็นที่จะต้องใช้ Digital Twin เนื่องมาจากจรวดหรืออุปกรณ์ที่ NASA ปล่อยไปแล้วท่ามกลางอวกาศอันไกลโพ้น เท่ากับตัวจรวดของ Nasa ไม่สามารถจับต้องได้อีก ถ้าไม่มีสำเนาดิจิตอลไว้จะไม่สามารถเข้าใจถึงความเสียหาย การซ่อมบำรุงได้เลย หรือแม้กระทั่งก่อนการปล่อยอุปกรณ์แต่ละครั้งก็คงทดลองจริงไม่ได้มาก เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล ดังนั้นแบบจำลองดิจิตอลพวกนี้จะสามารถไปทำการทดลองในโลกดิจิตอลได้ ซึ่งเป็นการประหยัดงบประมาณและไม่สูญเสียทรัพยากรจริง
เช่นเดียวกับอุตสากรรมการบิน แต่คราวนี้เราขอลดระดับเพดานจากอวกาศมาเป็นการบินในโลกบ้าง ถ้าเรามี Digital Twin ของเครื่องบินและสภาพอากาศ เราก็จะสามารถทำแบบจำลองการพยากรณ์การบินที่แม่นยำ และสามารถแจ้งเตือนให้นักบินสามารถหลีกเลี่ยง หรือมีคำแนะนำที่ดีในกรณีเจอกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ซึ่งสุดท้ายจะสามารถปกป้องชีวิตของผู้โดยสารจากโศกนาฏกรรมได้
ตัวอย่างสุดท้าย ในอนาคตตัวเราอาจจะถูกคัดลอกสำเนาดิจิตอลเอาไว้ ซึ่งจะทำให้แพทย์เข้าใจโครงสร้างของร่างกายและสามารถรักษาอาการเจ็บป่วยได้ตรงจุด หรือในอนาคตอาจมีการประมวลผลร่วมกับสภาพแวดล้อม เช่นช่วงนี้มีฝุ่นมาก ก็จะใช้ข้อมูลสภาพร่างกายประมวลผลออกมาว่าเรารับได้หรือไม่ ถ้าได้ก็จะเป็นคำแนะนำผ่านแอพเข้ามาให้ใส่หน้ากาก แต่ถ้าไม่ได้ก็จะเป็นให้งดออกจากบ้านโดยเด็ดขาด
ก่อนจากกัน ต่อไปไม่ใช่แค่เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ ตัวมนุษย์เองก็สามารถที่จะมี Digital Twin เพื่อเข้าใจปัญหาสุขภาพต่างๆได้มากขึ้นเช่นกันครับ
และเช่นเคยครับท่านใดอยากเห็นภาพเพิ่มเติมสามารถดู VDO ที่อยู่ด้านล่างได้ครับ ;-)
จบจากส่วนของอ้างอิง มีเนื้อหาสำหรับท่านที่อาจมีปัญหาทางธุรกิจและต้องการที่ปรึกษา ถ้าสนใจข้อมูลลองอ่านต่อดูนะครับ
อ้างอิง
ตอนนี้ทางผมพอจะมีเวลาบางส่วนหลังจากเลิกงาน และเขียนบทความ หากท่านใดต้องการปรึกษาปัญหาทางธุรกิจ ลองพยายามคิดแล้วแต่คิดไม่ออก อยากลองหา Consultant ซักคนมาลองช่วยปรึกษาหรือรีวิวไอเดีย ทางผมยินดีให้คำปรึกษาท่านฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีการขายของใดๆทั้งสิ้น เพราะถ้าท่านใดติดตามผมมาในบทความก่อนๆ น่าจะพอเข้าใจได้ว่าส่วนหนึ่งผมต้องการ Pay it forward และผมมองว่าความรู้เองเป็นการให้การแชร์ที่ไม่สิ้นสุด ดังนั้นท่านใดต้องการทดลองสามารถส่ง e-mail มาปรึกษาได้ตามด้านล่างครับ โดยผมจะลองเปิดให้คำปรึกษามีกำหนดระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนก่อน เพื่อประเมินว่าข้อมูลที่ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้รับหรือไม่ และทางผมสามารถบริหารเวลาได้เพียงพอหรือไม่ครับ
หมายเหตุ ส่วนใหญ่ผมจะมาเขียนบทความตอนกลางคืน ท่านใดส่งเมลมาอาจได้รับคำตอบภายใน 1-3 วันนะครับ อาจไม่เหมาะกับปัญหาเร่งด่วนซักเท่าไหร่ครับ ส่วนท่านใดต้องการประเมินความรู้ของผมก่อนส่งปัญหามา ลองอ่านบทความเก่าๆก่อนก็ได้ครับ ในส่วนของ Process และกระบวนการจัดการต่างๆเป็นความรู้ของผมจากการทำงานในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมาครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา