9 ก.พ. 2019 เวลา 16:49 • ธุรกิจ
5 สิ่งที่ผู้นำควรเรียนรู้จาก เจอร์เกน คลอปป์ ผู้ทำให้ลิเวอร์พูลยิ่งใหญ่อีกครั้ง
.
แฟนๆ ทีมฟุตบอลสโมสรลิเวอร์พูลในประเทศไทยมีอยู่จำนวนมาก แต่สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือเบื้องหลังการบริหารของผู้จัดการทีมที่ชื่อว่า เจอร์เกน คลอปป์ ที่หลายคนยกย่องในเรื่องความเป็นผู้นำ การใช้จิตวิทยา และบุคลิกที่น่าเกรงขาม
.
เขาคือคนที่ทำให้ทีมลิเวอร์พูลกลับมายิ่งใหญ่และกำลังไล่ล่าแชมป์ลีกกับแมนฯ ซิตี้อย่างดุเดือด
.
เราจะเรียนรู้อะไรจากการบริหารทีมฟุตบอลเพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานได้บ้าง
.
ผมคุยกับ เมธา พันธุ์วราทร คอลัมนิสต์และแฟนตัวยงของทีมลิเวอร์พูล เพื่อหาว่าอะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของ เจอร์เกน คลอปป์
.
1. ไว้ใจ
หนึ่งในพรสวรค์ที่สำคัญของคลอปป์คือเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ ที่เริ่มจากเขาและถูกส่งต่อถึงคนที่ทำงานด้วย
.
“ผมไม่ใช่คนแบบวันแมนโชว์ ผมไม่เคยเป็นคนแบบนั้นเลยตลอดชีวิต และผมก็ไม่อยากจะเป็นคนแบบนั้น บทเรียนที่ดีที่สุดที่เราจะได้เรียนรู้ในแต่ละวัน คือการได้พูดคุยกับคนที่ฉลาดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขารู้มากกว่าที่เรารู้”
.
ก่อนการแถลงข่าวเปิดตัวคลอปป์เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2015 ทีมงานมีการประชุมเพื่อวางแผนสื่อและถามคลอปป์ว่า ปกติแล้วเขามีสิ่งที่อยากกำหนดทิศทางเพื่อรับมือกับสื่ออย่างไร เช่น คำถามที่อยากให้ถาม คำถามที่ไม่อยากตอบ คลอปป์บอกกับทีมงานแค่ว่า “ไม่เป็นไร” และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมงาน
.
คลอปป์เชื่อใจทุกคนแม้กระทั่งนักฟุตบอลที่ไม่น่าเชื่อใจมากที่สุดหลายๆ คน ยกตัวอย่างเช่น อัลแบร์โต โมเรโน, เดยัน ลอฟเรน, ดิว็อค โอริกี้ หรือแม้แต่ ลอริส คาริอุส ที่แฟนๆ ไม่ค่อยชอบ แต่คลอปป์ไม่เคยไม่เชื่อใจนักเตะเหล่านี้ กลับให้กำลังใจและให้โอกาส สุดท้ายนักเตะเหล่านี้ก็ตอบแทนความไว้ใจให้
.
2. ใส่ใจ
คลอปป์เป็นคนที่ใส่ใจคนรอบกายทุกคนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสตาฟฟ์หรือนักฟุตบอล
.
คลอปป์จะถามถึงสารทุกข์สุขดิบ ความเป็นอยู่ ชีวิตในเวลานี้ ความรักเป็นอย่างไร นอนหลับดีไหม เพราะสำหรับคลอปป์ ฟุตบอลไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของชีวิต การดำเนินชีวิตต่างหากที่เป็นสิ่งสุดท้ายจริงๆ
.
มีครั้งหนึ่งที่สตาฟฟ์ไม่รู้ว่านักเตะในทีมอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กำลังจะได้เป็นพ่อคน จนคลอปป์ถึงกับโวยว่า “ไม่รู้ได้อย่างไร นี่มันเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลยนะ”
.
คลอปป์สร้างสถานการณ์ที่ ‘ทุกคนรู้สึกได้ว่าเขาคือคนสำคัญ’ มีความสุข รู้หน้าที่ ได้รับความเคารพจากคนอื่น รู้สึกเป็นที่ต้องการ ซึ่งคลอปป์มองว่าชีวิตคนเราจริงๆ มันควรจะเป็นไปในแบบนี้
.
3. ก้มหน้าทำงาน
คลอปป์เป็นผู้จัดการทีมที่เชื่อในเรื่องคุณค่าของการทำงานหนัก ความตั้งใจจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
.
ทุกครั้งที่ทีมผิดพลาดจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ สิ่งที่คลอปป์ทำไม่ใช่การเรียกลูกทีมมาตำหนิหรือโทษฟ้าโทษฝน แต่คือการนำลูกทีมกลับมาตั้งใจซ้อมใหม่ ก้มหน้าก้มตาทำงานกันต่อไป
.
กว่าจะเล่นได้แบบทุกวันนี้ ลิเวอร์พูลประสบปัญหาทางแท็กติกการเล่นมากมาย เช่น ช่วงแรกเน้น Gegenpressing อย่างหนัก สุดท้ายเครื่องพัง หรือเกมรับมีปัญหาอย่างหนัก แต่ทุกอย่างเมื่อผ่านไปก็สามารถแก้ไขได้
.
“ทุกโอกาสที่พลาดไปไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือข้อมูลที่มีประโยชน์ เอาข้อมูลมาปรับใช้แล้วพยายามใหม่อีกครั้ง”
.
4. มั่นคงไม่ไหวหวั่น
จุดแข็งที่ดีมากๆ ของคลอปป์คือ การเป็นคนที่มีความมั่นคงสูง
.
บางครั้งอาจจะดูเหมือนดื้อที่ยึดมั่นในระบบการเล่น หรือสไตล์การเล่นของตัวเองอย่างมาก ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ ทั้งๆ ที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หนัก แต่การที่คลอปป์ทำแบบนั้นเพราะเขาเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองและทีมงานคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว
.
เขารู้ดีที่สุดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ เขาไม่สนใจความคิดเห็นจากกระแสสังคม สื่อ หรือแฟนบอล
.
“ขอเพียงแค่มีแผนเดียว พูดแบบเดียว เชื่อแบบเดียว มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป เพราะเราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ แต่นี่แหละคือทางของเรา”
.
ถ้าจะมีใครสักคนที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้ก็มีแค่ตัวเขาเอง เหมือนที่ลิเวอร์พูลเปลี่ยนสไตล์การเล่นในฤดูกาลนี้ มีเกมรับที่แข็งแกร่งเพราะมี 2 เกมคือ เกมที่เจอโรมาและแมนฯ ซิตี้ ที่เสียประตู 2 และ 3 ลูกตามลำดับในช่วงท้ายเกม ทำให้คลอปป์เชื่อว่าเขาต้องปรับแผนใหม่ให้เกมรับต้องมั่นคงขึ้น หนึ่งในทางแก้คือ การหาผู้รักษาประตูใหม่อย่าง อลิสสัน
.
5. เอกจิตวิทยา โทการสื่อสาร
ความสามารถทางการใช้จิตวิทยาในการคุมทีมของคลอปป์สูงมากเป็นลำดับต้นๆ ของวงการ
.
หนึ่งในคำพูดที่สำคัญที่สุดของคลอปป์เกิดขึ้นในวันเปิดตัวคุมทีมลิเวอร์พูล เมื่อได้พูดประโยคหนึ่งว่า “We have to change from doubters to believers. Now.”
.
คลอปป์วิเคราะห์จิตใจของผู้เล่นได้ว่า บางครั้งอาจจะกดดันตัวเองมากเกินไป เช่น กรณีของ ซาดิโอ มาเน ที่เล่นเหมือนกดดันตัวเองที่ยิงประตูไม่ได้ ทั้งๆ ที่เกมโดยรวมทำได้ดี คลอปป์จะเป็นคนบอกให้ไม่ต้องกังวล เล่นอย่างที่เคยเล่น ทุกอย่างจะกลับมาเอง
.
เมื่อปี 2018 คูตินโญพยายามย้ายออกจากลิเวอร์พูล โดยหนึ่งในความพยายามคือการพูดคุยกับนักเตะแกนนำทีมเพื่อช่วยกล่อมให้คลอปป์ปล่อยตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่คลอปป์ไม่ชอบ สุดท้ายหลังคูตินโญย้ายไปแล้ว สิ่งแรกที่คลอปป์ทำคือการเรียกลูกทีมมารวมกันในห้องแต่งตัวที่สนามซ้อม แล้วบอกว่าถึงคูตินโญจะเป็นนักเตะที่เก่ง เป็นเพื่อนที่ดี แต่เขาย้ายไปแล้วก็จบแค่นั้น เขาไม่อนุญาตให้ใครในทีมพูดถึงว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะกระทบต่อผลงานของทีม เพราะถ้านักเตะใช้ข้ออ้างการย้ายไปของคูตินโญปกป้องผลงานที่แย่ของทีม เท่ากับทีมได้อ่อนแอแล้ว
.
ในสถานการณ์ลุ้นแชมป์ที่ทีมกำลังเริ่มถูกคาดหวังและมีความกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ คลอปป์จะรีบโยนความกดดันออกทันที เช่น บอกว่าทีมลุ้นแชมป์ไม่ได้มีแค่ 2 ทีม หรือการบอกว่าเขาคิดว่าทีมอย่างแมนฯ ซิตี้จะชนะทุกนัดที่เหลือ ส่วนทีมของเขามองกันที่นัดต่อนัด
.
ฟังได้ที่นี่ครับ https://youtu.be/GRUrZictJ8s
โฆษณา