10 ก.พ. 2019 เวลา 07:38 • การศึกษา
#4 ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย
เขียน : โรเบิร์ต ไอ. ซัตตัน
แปล : ไอริสา ชั้นศิริ
จำนวน : 223 หน้า
ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย
ความรู้สึกหลังอ่าน :
การอยู่ร่วมกับคน คือศิลปะอย่างหนึ่ง
และการที่จะเขียนหนังสือ บอกถึงเรื่องราวที่
อาจจะผิด หรืออาจจะถูกก็ได้ มันยากน่าดู
มาบทแรกๆ ก็มีความรู้สึกอึดอัดและขัดใจอยู่เล็กๆ
แต่นั้นก็เป็นเพราะ หนังสือเล่มนี้กำลังถอดพิษ
ของความเฮงซวย จากกรอบความคิดของเราอยู่
โดยหนังสือเล่มนี้ ได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบ
ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ปรับความคิดของผู้อ่าน
ไปทีละน้อย และอนุญาติให้เราได้ตั้งคำถาม
กับข้อความอย่างรู้จังหวะ
ต้องขอชมว่า ลำดับของการ present
มันช่วยให้สมองเราเปิดกว้างได้อย่างมาก
โดยเริ่มต้นจากปรับพิ้นฐานทางความคิดกันก่อน
สอนให้เราประเมินให้เป็น แยกแยะให้ออก
จากนั้นค่อยๆ เพิ่มดีกรีความสนุกและความเข้มข้น
ของกลยุทธ์และวิธีการต่างๆ ได้อย่างลงตัว
โดยจะเน้นการใช้ตัวอย่างจริงเป็นส่วนใหญ่
จากทั้งการสอบถามทางจากอีเมล์
หรือ การพบปะพูดคุยกัน หรือ จากงานวิจัยต่างๆ
บางเรื่อง บางเหตุการณ์ เราก็ใช้มันอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว
แต่หนังสือเล่มนี้ ก็สรุปออกมาเป็นถ้อยคำได้อย่างชัดเจน แถมเพิ่มเติมให้อีกด้วย อารมณ์แบบ เออว่ะ ทำใมคิดแบบนี้ไม่ได้นะ
และแน่นอนว่าเมื่อไหร่ที่ความเฮงซวย
เริ่มมาเยื่อนเราอย่างหนักหน่วงแล้วล่ะก็
จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา
ใช้เป็นโล่ป้องกันตัวอย่างไม่ต้องคิด !!
สุดท้ายแล้ว เราทุกคน ล้วนเป็นคนเฮงซวยได้
ไม่ว่าจะ.......จากอะไรก็ตาม
ดังนั้นมันคือเรื่องปกติของชีวิตที่เราต้องเจอ
กับคนเฮงซวย และทุกอย่างนั้นจะเป็นอย่างไร
ก็อยู่ที่กรอบความคิดเรานี้แหละ
ตบท้ายด้วย
สิ่งที่หน้ากลัวที่สุด ไม่ใช่คนเฮงซวยนะ
แต่คือ ความเคยชินกับความเฮงซวย
และหวังว่าซักวันหนึ่งมันจะดีขึ้น
โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรกับมันเลยต่างหาก
Shortnote key word :
- คาถาทำลายอคติ = อย่าด่วนตรีตราว่าคนอื่นเฮงซวย แต่จงเร่งรีบตีตราถ้าตัวคุณเป็นเช่นนั้น
- ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องรับผิดชอบกับทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพื่อจำกัดรับรู้ความเสียหายที่เกิดขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็นคนเฮงซวยซะเอง
- เราเป็นค่าเฉลี่ยของ 5 คนที่เราใช้เวลาร่วมด้วยมากที่สุด
บทที่ 1 : ประเมินความเฮงซวย ว่าปัญหาร้ายแรงแค่ไหน
- ไม่มีหลักสูตร หรือวิธีไหนจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ไปเสียหมด
- ระวังความรู้สึกแรกของเราไว้ให้ดี
- เมื่อใดที่ติดอยู่ใน เขตกับระเบิดทางความคิดสติปัญญา เราควรจะต้องลงความเร็วลง เพื่อไม่ด่วนตัดสินปัญหา
- การตั้งคำถามเพื่อวินิจฉัย ว่าเรากำลังประสบปัญหาคนเฮงซวยอยู่หรือเปล่า
- 1. คนที่คิดว่าเฮงซวยเค้าทำกับว่า คุณไร้ค่าน่ารังเกียจรึเปล่า
- 2. เรื่องน่าเกลียดแบบนี้จะอยู่ไปอีกนานแต่ไหน
- 3. คุณกำลังรับมือกับคนเฮงซวยชั่วคราว หรือ คนเฮงซวยตัวจริง
- 4. ปัญหาอยู่ที่คนหรือระบบ
- 5. คุณมีอำนาจมากกว่าคนเฮงซวยแต่ไหน
- 6. จริงๆ แล้ว เราทุกข์แต่ไหน
- บางครั้งการทำตัวเฮงซวยชั่วคราว ก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ถ้าเฮงซวยตลอดเวลา ก็ไม่เกี่ยวกันนะ
บทที่ 2 หนีออกมาแบบสวยๆ
- เราต้องมีความสามารถในการประเมินความรุนแรงของปัญหาจากคนเฮงซวย
- สิ่งที่ลดความสามารถ ในการหนีออกมาก็คือ ความเคยชิน และการให้เหตุผลแบบหลงผิด เช่นเราทุ่มเทมามาก มันก็ต้องสำคัญซิ และยิ่งนานปี ก็ยิ่งฝังลึกเกินจะถอนตัว
- ซึ่งเราเช็คมันได้จากคำโกหก 10 ข้อที่คนเราพยายามบอกกับตัวเอง ถ้ามีอยู่ก็ควรตั้งสติและพิจารณาใหม่ได้แล้ว
- 1. ปฎิเสธปัจจุบัน มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นจริงๆหรอก
- 2. มโนว่า มันดีขึ้นจริงๆนะ
- 3. หวังลมๆ แล้งๆ
- 4. พรุ่งนี้ที่ไม่มีวันมาถึง จะรอให้สมบูรณ์ค่อยทำ ก็ต้องรอวันต่อไป และต่อไป
- 5. เจ็บดีเหลือเกิน
- 6. พันธะของผู้กอบกู้ (คิดว่าตัวเองพิเศษ)
- 7. ฉันไม่ใช่ คนไม่เอาไหน
- 8. ฉันกด เปิด ปิด มันได้
- 9. มันแย่สำหรับฉัน แต่คนอื่นก็เจอแย่กว่านี้
- 10. ที่นี้แย่ แต่ที่อื่นคงแย่กว่า
- ถ้าใช้สติคิดซักนิดแล้วพบว่า เราคิดเรื่องแบบนี้อยู่ทุกวัน มากกว่า 2-3 ข้อแล้วล่ะก็ คุณควรจะพยายามหนีออกมาจากคน (หรือ. สถานที่ หรือ สิ่งแวดล้อม) เฮงซวยนั้นซะ แต่อย่าทำ อย่างสิ้นคิด ควรที่จะต้องเตรียมทางเลือกไว้ก่อน และประเมินความเสี่ยงที่เรารับได้ไว้ด้วย
- คนทิ้งหัวหน้า ไม่ใช่บริษัท
- เผชิญหน้าแค่ชั่วครู่ เมื่อรู้ตัวแล้วว่าท่าไม่ดี การเบรคด้วยคำพูดสวยๆ หรือ หาข้ออ้างที่ยากจะปฏิเสธนั้นช่วยได้เยอะ
- หลีกเลี่ยงคนเฮงซวยตั้งแต่แรก ดีกว่าการวิ่งหนีทีหลัง
- แต่จะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร การซุบซิบกับคนที่พอไว้ใจได้ ก็เป็นตัวช่วยในการเรียนรู้สังคม สภาพแวดล้อม หรือ คนต่างๆ ได้
- ถ้าคุณกำลังหนีออกมาจากงานหรือเจ้านายที่คุณเกลียด สื่อสารเพื่อลาจากแบบสั้นๆและน่าฟัง จะเป็นการปลอดภัยกว่า แล้วก็ออกมาซะให้พ้น
- อย่าพยายามสร้างศัตรู
บทที่ 3 วิธีหลบเลี่ยงคนเฮงซวย
- ลดการพบเจอ : อย่าไปยุ่งกับคนบ้า
- อารมณ์และพฤติกรรมเชิงลบสามารถติดต่อระหว่างกันได้ (ส่งต่อเชื้อโรค)
- เพิ่มระยะห่าง : เพิ่มอุปสรรคในการสื่อสาร
- กลยุทธ์การหลบหลีก : บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราก็จำกัดความถี่และระยะเวลาที่ต้องโดนพิษของคนพวกนั้นได้
- ชะลอจังหวะ : ลองทำให้คนพวกนั้นช้าลง ทำให้อึดอัดกระสับกระส่าย ฝึกให้พวกเขารู้จักถอยและรอคอย อย่าไปวิ่งตามเกมของพวกเขา
- ล่องหนและเนียนไปกับสถานการณ์ พยายามไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเป้าสายตา
- โล่มนุษย์ : ex. ดิสนีย์แลนด์ ที่ตัวละครถูกสอนให้คอยแยกแขกที่ไม่มีความสุขออกจากแขกคนอื่นๆ เพราะอารมณ์ทางลบ ติดต่อกันได้ หรือ การหา party สับเปลี่ยนเวียนกันไปพบกับคนเฮงซวยก็ช่วยได้
- หัวหน้าที่ดี จะมีความภาคภูมิใจกับการซึมซับและหักเหความเกรี้ยวกราดจากเบื่องบนและลูกค้า และคอยสู้รบกับคนปัญญาอ่อน
- จงสร้างหรือหาพื้นที่หลบภัยชั่วคราวร่วมกับผู้ที่เผชิญหน้าอยู่ด้วยกันขึ้นมา เพื่อลดการพบเจอคนเฮงซวยและเสริมเกาะป้องกัน
- หาเส้นสาย เพื่อสร้างระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า ก่อนที่คนเฮงซวยนั้นจะมา
- ต้องรู้จักผสมผสานกลยุทธ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน สังเกตุ จุดแข็ง จุดอ่อน ตามแต่ล่ะสถานการณ์
บทที่ 4 กลความคิด พิทักษ์จิตวิญญาณของคุณ
- เปลี่ยนกรอบความคิดและประเมินคุณค่ามันใหม่ มองให้เป็นสิ่งท้าทาย และน่าขบขัน
- เปลี่ยนกรอบความคิด : คุณไม่ใช่คนผิด ถ้าคนเฮงซวยทำเรื่องเฮงซวย พวกเค้าไม่มีเหตุผลที่จะโทษตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเราก็ไม่ควรที่จะโทษตัวเอง (ใช้เฉพาะกรณีเจอคนเฮงซวยตัวจริง) และไม่ควร ต้องหยิบมาถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเรา
- การเป็นคนงี้เง่า ไม่ได้ช่วยป้องกันเราจากคนงี้เง่าเสมอไป
- จดจ่อที่สิ่งดีๆ : ให้คิดเน้นไปที่ประโยชน์ของสิ่งที่เกิดขึ้น ข้อดีที่เราเก็บเกี่ยวได้จากคนที่เฮงซวย
- ลอยตัวอยู่เหนือมัน : เวลาที่พวกเขาต่ำ เราต้องสูงขึ้น แล้วเราจะอ่อนโยนลงอย่างน่าตกใจ
- ทำดีกับพวกเขา ช่างหัวพวกเขา แต่ทำดีเข้าไว้ คติของบาริสต้า แถมยังเสริมความภาคภูมิใจด้วย
- ทำใมเราต้องโกรธใครซักคนที่อยากได้กาแฟที่สมบูรณ์แบบด้วยล่ะ ถ้าทนไม่ได้ ผมก็ไม่ควรมาทำงานที่นี่ ทุกอย่างเป็นเรื่องของมุมมอง
- เห็นใจวายร้าย : การให้อภัย ไม่ถือโทษ และมันจะปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระจากการถูกหลอกหลอน
- มองให้เป็นเรื่องที่น่าขบขัน แบ่งปันประสบการณ์ รับฟัง และหัวเราะไปกับมัน
- มองย้อนกลับมาจากอนาคต : ไม่มีความจำเป็นต้องหมกมุ่นโศกเศร้าในตอนนี้ การอดทนเพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ดีกว่าที่รอเราอยู่นั้น สำคัญกว่า
- เอาอารมณ์ออกห่าง : ฝึกฝนศิลปะการมองข้ามหัวคนที่ทำไม่ดีกับเรา แต่การออกห่างก็แบ่งได้หลายระดับ
- ระดับที่ 1 : ปิดรับในเวลาพัก ปิดสวิสต์ ไป การดึงจิตใจให้ห่างออกจากงานในช่วงที่ไม่ใช่เวลางาน แยกเวลางาน อารมณ์ ความคิด ออกจากเวลาส่วนตัว
- ระดับที่ 2 : ออกห่างหรือปิดรับในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด : อย่าปล่อยตัวไปตามกระแส ให้คิดถึงสิ่งที่ดีกว่า มีสติ เป็นอย่างที่เราเป็น แล้วถอยห่างแบบพอเป็นพิธี
- ระดับที่ 3 : ปิดรับให้มากที่สุด โดยไม่ต้องแคร์คนนิสัยเสียพวกนี้ ออมพลังไว้ใช้กับคนที่ให้เกียรติกับเราดีกว่า
- แต่การเปลี่ยนกรอบความคิดนั้นต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะบางกรณี เปลี่ยนแค่ความคิดยังไม่พอ แต่เราต้องลงมือเปลี่ยนแปลงและตอบโต้ซะบ้าง
- เปลี่ยนกรอบความคิดอย่างเดียว แต่ไม่ประเมินสถานการณ์ นานวันไป เราอาจจะต้องติดกับดักคำโกหก 10 ข้อได้
บทที่ 5 : ตอบโต้
- อย่าเข้าใจผิดว่าเราจะไปมีเรื่องกับคนเฮงซวย หรือท้าทายพวกเขา แต่มันคือการเน้นหลบหนีหรือหลีกเลี่ยงคนงี่เง่า
- อย่าวิ่งตามเกมของเขา ทำใจให้เย็นลง และเตรียมแผนการต่อสู้ ขอคำปรึกษาจากคนที่เราไว้ใจได้
- ตรวจสอบทรัพยากรที่มีก่อนลงมือ 1.) อำนาจ 2.) ข้อมูล 3.) ความร่วมมือ หรือแนวร่วม
- เผชิญหน้าอย่างสงบ แยบยล มีเหตุผล และตรงไปตรงมา ใช้ได้ดีกับคนเฮงซวยชั่วคราวหรือเฮงซวยแบบไม่รู้ตัว และ คนเฮงซวยคนนั้นมีความสัมพันธ์แบบไว้เนื้อเชื่อใจกับเรา
- โดยมีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้ 1.) มันมีเหตุผล มีหลักฐานบ่งชี้ว่าคนๆนั้นกำลังทำสิ่งที่ผิด 2.) เป็นการเผชิญหน้าเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่
- เผชิญหน้าอย่างก้าวร้าว
- ระวังนะ ถ้าเราไปด่าว่าใครซักคนว่า เฮงซวย สุดท้ายแล้ว เราเองนี้แหละที่เป็นคนเฮงซวย
- ก้าวร้าวอย่างเงียบๆ คือวิธีที่ดีที่สุด ที่จะสื่อว่า คุณทำตัวงี่เง่าและอยากให้คุณหยุด
- การตอกกลับด้วยคำพูดที่เชือดเฉือนติดตลกจะหยุดผู้โจมตีได้
- การวางระเบิดด้วยรักและเลียแข้งเลียขา : ด้วยการทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นนิดๆหน่อยๆ และเล่นกับจุดอ่อนของพวกเขา
- ลองแสดงความเห็นอกเห็นใจและลองค้นหาจุดร่วม เข้าข้างเขาบ้างแม้ไม่เห็นด้วย (จะแคร์ทำใมว่าเค้ามองเรายังไง ก็นี้มันคนเฮงซวย)
- ฆ่าเขาด้วยความเมตา ความอ่อนโยน และเข้าอกเข้าใจ เพราะบางทีเขาแค่อาจจะอยากมีเพื่อน เท่านั้นเอง 🤗
- แต่อย่าลืมนะ การตอบโต้ ต้องถูกเป้า ถูกเวลา (จังหวะที่เกิดเรื่อง) และถูกวัตถุประสงค์
- การแก้แค้นนั้นจะล้มเหลว เมื่อมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงงพฤติกรรมของคนที่ผิด แต่มันก็พอช่วนให้เรารู้สึกว่าเราไม่ใช่พรมเช็ดเท้าที่ทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็อย่ามุ่งคิดแต่จะแก้แค้นล่ะ ไม่งั้นคุณจะเหมือนตกนรกทั้งเป็นอยู่ตลอดเวลา
- การแก้แค้นนั้นก็มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ก็อย่าลืมว่า จะก่อให้เกิดความน่าชังไม่จบไม่สิ้นเช่นกัน
- จริงๆ แล้วการแก้แค้น ไม่ได้ทำเพื่อความสะใจ แต่ทำเพื่อบอกหรือแสดงออกถึงจุดยืน ตัวตน และขอบเขต รวมถึงการให้เกรีตและแสดงความเคารพนับถือในตัวเอง
- ใช้ระบบเพื่อเปลี่ยนแปลง ปราบ และไล่คนงี่เง่า
- การให้เกียรติ และเคารพ หรือการเริ่มบทสทนาด้วยความสุขขุม และรับฟังอย่างจริงใจ และให้โอกาส คือ สิ่งที่ทุกคนควรได้รับ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเฮงซวยก็ตาม
- ปลาตายตัวเดียว เน่ากันทั้งตู้
- การลองโยกย้ายหรือเปลี่ยนธรรมชาติก็อาจจะช่วยปรับเปลี่ยน หรือดึงศักยภาพของคนเฮงซวยได้
- จงต่อสู้เมื่อเรามีโอกาสดีๆ ที่จะชนะ แม้กระทั่งโอกาสมีน้อย แต่ต้องเป็นช่วงเวลาที่คนที่เราต่อสู้ด้วยไม่มีหนทางและแนวโน้มที่จะทำอันตรายต่อคุณได้
- วิธีที่ผิดในการต่อสู้กับคนต่ำตม
- 1.) ทำสิ่งแรกที่คิดทันที
- 2.) ใช้ความก้าวร้าว โดยเราไม่มีอำนาจ และไม่มีหลักฐานหรือแม้กระทั่งพันธมิตร
- 3.) เรียกคนเฮงซวยว่าคนเฮงซวย
- 4.) ลงมือแก้แค้นอย่างอาฆาต
- 5.) หาแพะรับบาป
- 6.) ยอมติดโรคเพื่อเอาใจ
- 7.) ขอให้คนและระบบที่คดโกงช่วยเหลือ
- ถึงแม้เราจะเลือกสู้อย่างระมัดระวัง แต่รางวัลที่ได้จากการตอบโต้อาจะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงหรือเราอาจจะแพ้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีอำนาจเหนือชะตากรรมของตัวเอง และช่วยให้เรารู้สึกไม่เป็นเหยื่อที่ไร้อำนาจ สู้บ้าง นิ่งบ้าง ตอบโต้บ้าง เพราะชีวิตมันก็คือการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวอยู่เสมอ
บทที่ 6 : จงมีส่วนร่วมในการแก้ อย่ามีส่วนสร้างปัญหา
- กฎปลอดคนเฮงซวย
- 1.) ทำตามกฎดาวินชี : การขัดขืนตั้งแต่แรกนั้นง่ายกว่าในตอนสุดท้าย
- 2.) ปกป้องคนอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเอง
- 3.) เปลี่ยนคนเฮงซวยให้เป็นมิตร : จงจำไว้ว่า ยิ่งคุณสร้างความเจ็บปวดมากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งรู้สึกเกลียดชังมากเท่านั้น แต่ยิ่งคุณแสดงความเมตามากเท่าไหร่ คุณยิ่งรักผู้คนที่คุณช่วยมากเท่านั้น
- 4.) ลองส่องกระจกดู คุณมีส่วนสร้างปัญหาหรือเปล่า : เราทุกคนล้วนต้องมีคนที่สามารถ feed back ได้อย่างตรงไปตรงมา เปิดเผย และรับฟัง
- จุดอ่อน ปัจจัยเสริมที่ทำให้เราเหมือนเป็นคนเฮงซวย
- 4.1) คุณอยู่ท่ามกลางคนเฮงซวย
- 4.2) คุณวางอำนาจเหนือคนอื่น
- 4.3) คุณอยู่ลำดับสูงสุดของกลุ่ม
- 4.4) คุณรวย
- 4.5) คุณถูกมองว่าเป็นคนเย็นชา
- 4.6) คุณทำงานหนัก และเสียสละมากกว่าคนอื่น และมักบอกให้ทุกคนรู้ถึงความเสียสละของคุณ
- 4.7) คนจุกจิกที่ทำตามกฎทั้งหมดอย่างเถรตรง และบังคับให้คนอื่นทำเหมือนกัน
- 4.8) คุณนอนหลับไม่เพียงพอ
- 4.9) คุณมีอะไรให้ทำมากเกินไป
- 4.10) คุณอยากจะควัก smart phone มาดูตลอดเวลา
- 4.11) คุณเป็น ผช และเจ้านายเป็น ผญ
- 4.12) คุณมักจะเย้ยหยัน และคิดลบกับแทบทุกสิ่ง
- 5.) ขอโทษเมื่อคุณทำตัวเหมือนคนเฮงซวย ต่อเมื่อพูดจากใจเท่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง : คำขอโทษที่ไม่จริงใจ และใช้บ่อยซ้ำๆ สุดท้ายแล้วคุณก็แค่ใช้คำขอโทษแทนที่จะเรียนรู้และกำจัดพฤติกรรมแย่ๆ ทิ้งไป และความน่าเชื่อถือของคำขอโทษก็จะลดลงด้วย
- 6.) คุณเป็นคนปล่อยสารพิษหรือเปล่า : ถ้าเรามีอำนาจในการจัดการกับคนเฮงซวยได้ แต่เราไม่ทำและมองข้ามมันไป และยังคอยบอกคนอื่นๆ ให้เข้าใจ ให้ยอมรับสภาพและปรับตัวเข้ากับคนเฮงซวยนั้นด้วย เราเองนี้แหละเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา แทนที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไข
- 7.) ข้ามเวลาหน่อย
- มันขึ้นอยู่กับตัวเรา และเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
- ความท้าทายที่เรามีร่วมกันก็คือ การได้รับในสิ่งที่เราจำเป็นต้องได้จากกันและกัน โดยไม่ทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง (ให้นึกถึงฝูงเม่น)
- เราทุกคนต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง โดยไม่ทำร้ายคนอื่นหรือตัวเราเอง นั้นจะทำให้บนโลกใบนี้มีแต่ความสุภาพและมารยาทดีเพิ่มขึ้น และคนเฮงซวยจะลดน้อยลงไป
แนะนำเลยว่า บทสุดท้าย สรุปทั้งเล่มได้อย่างสวยงามและกระชับที่สุด
สารบัญ
โฆษณา