13 ก.พ. 2019 เวลา 15:39 • ท่องเที่ยว
“ กลอง “....เป็นเครื่องประกอบจังหวะที่มีอยู่ในทุกวงดนตรี ทุกชนชาติ เสียงตีทุ้มกังวานก้องน่าเกรงขาม ลั่นเสียงรัวเร็วกระชั้นปลุกเร้าชวนให้ฮึกเหิม เสียงหนักแน่นสะกดจังหวะลีลาท่วงทำนองเพลง เสียงนุ่มนวลแผ่วเบาสม่ำเสมอดั่งมนต์สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์อันเยือกเย็นเป็นสมาธิ เสียงยั่วเย้าหยอกล้อเคล้าคลอเล่นกัน ป๊ะ ตุ้ม ติง ทั่ง สร้างอรรถรสรมย์รื่นชื่นบานสนุกสนานในเทศกาลงานรื่นเริงมงคล หลากหลายอารมณ์เหล่านี้ หาได้มีเครื่องดนตรีอื่นใดที่จะสามารถบรรเลงได้ลึกซึ้งเสมอเหมือนเท่ากับกลองอีกไม่ ประวัติความเป็นมาของกลองจีน ซึ่งถือได้ว่าเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมดนตรีที่เก่าแก่ มีอิทธิพลอย่างมากต่อการดนตรีของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ทั้งในเอเชียและโลก..
กลอง ภาษาจีนออกเสียงว่า “กู่” มีปรากฏมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล นับแต่สมัยฮั่นเป็นต้นมา รูปลักษณ์ของกลองมีมากมายหลากหลาย เป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายทั่วไป..
กู่ หรือกลอง มีมาตั้งแต่สมัยบุพกาล เรียกชื่อว่า ถูกู่ (กลองดิน) จึงสันนิษฐานได้ว่าลำตัวกลองในยุคแรกน่าจะทำจากดินเผา ตกทอดมาจากการที่หวงตี้ทำศึกกับชือโหยวที่เมืองจัวหลู ปราชัย 9 สมรภูมิ ต่อมาได้รับการสอนจากสตรีชาวหยวนนางหนึ่งให้สร้าง “กลองหนังวัว” 80 ใบ ลั่นหนึ่งไม้ดังไป 500 ลี้ ลั่นรัวดังไป 3000 ลี้ ใช้เสียงกลองลั่นพลังอำนาจทหารหาญราญศึก จนในที่สุดก็สามารถสังหารชือโหยวได้สำเร็จ..
กลอง ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคบุพกาล นับตั้งแต่ยุคฮั่นเป็นต้นมา รูปร่างของกลองมีความหลากหลาย และใช้อย่างกว้างขวางในหลาย ๆ รูปแบบ เป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไป วงปี่กลองที่เกิดขึ้นในยุคฮั่น ทำให้กลองมีบทบาทที่สำคัญขึ้นมาก คริสต์ศตวรรษที่ 4 ปรากฏมีกลองชนิดต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เช่น กลองเอว กลองหนีบ กลองเผ่าเจี๋ย กลองต๋าปู่เป็นต้น
ในวงเครื่องเก้าของราชวงศ์สุย และวงเครื่องสิบของราชวงศ์ถังใช้กลองหลากหลายชนิดมาก เช่น กลองเจี๋ย กลองเหยียน หลองตูถาน กลองเหมาหยวน กลองต๋าซี กลองจีโหลว กลองเหลียนและกลองฝูเป็นต้น ในยุคนี้จึงเกิดศิลปินนักลั่นกลองขึ้นมากมายถึงสมัยซ่ง กลองมีบทบาทสำคัญที่ขาดเสียมิได้ในดนตรีทุกชนชั้น..
ในยุคเดียวกันนี้เอง บริเวณทางตะวันออกเฉียงใต้ปรากฏมีกลองของชนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายมาก ชื่อ กลองชงกู่ หรือ เหนากู่ เป็นกลองที่เวลาบรรเลงต้องใช้โคลนแดงพอกที่หน้ากลองแล้วตี เป็นกลองประจำเผ่าของชนเผ่าเย้า นับจากสมัยหมิงและชิงเป็นต้นมา การดนตรีของชนเผ่าและดนตรีพื้นเมืองต่างๆรุ่งเรืองมาก เครื่องจังหวะอย่างกลองก็พัฒนาขึ้นตามไปด้วย..
ในสมัยโบราณ กลองมีบทบาทหน้าที่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการบรรเลงในพิธีบูชาอันศักดิ์สิทธิ์ หรือการบรรเลงเพื่อการรื่นเริง ใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงพลังอำนาจในการออกศึกสงคราม ถือเป็นอาวุธอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องบอกเวลา รวมถึงตั้งไว้หน้าศาลเพื่อให้ประชาชนตีกลองร้องทุกข์อีกด้วย คนโบราณนิยมเสียงกลองว่าเป็นเสียงที่มีความเอิกเริก ยิ่งใหญ่ เมื่อสังคมพัฒนาเจริญมากขึ้น บทบาทหน้าที่ของกลองก็ใช้กว้างขวางมากขึ้น การดนตรี การละคร การละเล่น การแข่งขัน การเฉลิมฉลองล้วนต้องมีเสียงกลองเป็นส่วนประกอบสำคัญทั้งสิ้น...
กลองนับว่าเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีวิวัฒนาการมาแต่ดึกดำบรรพ์ และยังคงดำรงอยู่คู่กับวัฒนธรรมของชนทุกชาติทุกภาษามาจนปัจจุบันมิสูญหาย มีพัฒนาการก้าวหน้าเรื่อยมาทั้งวัสดุที่ใช้ การประกอบ รูปร่าง การบรรเลง แม้ไม่ใช่เครื่องดนตรีที่ดำเนินทำนอง ไม่ได้เป็นเครื่องดนตรีชิ้นเอก แต่ความสำคัญของกลองก็มิได้ลดน้อยด้อยไปกว่าเครื่องดนตรีอื่นใดเลย ทั้งมีบทบาทสำคัญดุจลมหายใจของวัฒนธรรมดนตรีแห่งมวลมนุษยชาติ...
โฆษณา