’carpenter เกิดจากความรัก
จากเศษไม้และขี้เลื่อยไร้ค่ามีราคาเพียงกระสอบละ 5 บาทเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์ สร้างคุณค่าทางใจ และเชื่อว่า ‘การออกแบบคือการแก้ปัญหา’
คุณวีรดา ศิริพงษ์
วันนี้ลุงแมนมีบทความเกี่ยวกับอาชีพมานำเสนอเช่นเคยครับกับแบรนด์ ’carpenter
คุณวีรดา ศิริพงษ์ เล่าว่าฝันอยากเป็นสถาปนิกตั้งแต่เด็กค่ะ รักการออกแบบและประดิษฐ์ ชอบงาน DIY จนกระทั่งฝันแรกเป็นจริง เรียนจบสถาปัตย์ และได้เป็นสถาปนิกสมใจ แล้วก็ใช้กระบวนการคิดในการสร้างสถาปัตยกรรม มาปรับใช้กับการสร้างสรรค์สิ่งเล็กๆรอบตัว และเชื่อว่า ‘การออกแบบคือการแก้ปัญหา’
จากโรงงานเล็กๆ นอกตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวผลิตวงกบ ประตู หน้าต่างไม้ มากว่า 20 ปี
ตอนที่ยังเรียนอยู่ไปช่วยคุณพ่อปิดโรงงาน เห็นเศษไม้เกลื่อนพื้น ผสมอยู่ในกองขี้เลื่อย
เศษไม้และกองขี้เลื่อย
ทราบจากคุณพ่อว่าจะมีคนมารับซื้อไปทำฟืน กระสอบละ 5 บาท เลยนึกเสียดาย เพราะทุกชิ้นมันสวย มีสีและผิวสัมผัสไม้ที่มีเสน่ห์ เลยคิดจะเพิ่มมูลค่าให้ “เศษไม้” เหล่านั้น จนกลายเป็นของที่ใช้งานได้จริง มีความงาม ผ่านความคิดสร้างสรรค์ และสร้างคุณค่าทางใจ จนเกิดเป็นแบรนด์ ’carpenter
เคยเจออุปสรรคและปัญหาอะไรไหม ?
มองว่ามันไม่ใช่อุปสรรคค่ะ แต่เป็นการค่อยๆคิดแก้ปัญหาไปทีละจุด เพราะถ้าไม่มีปัญหา แปลว่าเราไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยตั้งแต่เริ่มทำแบรนด์ในวันแรก ก็เริ่มจากศูนย์ค่ะ เลยแก้ปัญหาด้วยการทำชิ้นตัวอย่าง จัดกราฟฟิกให้สวยงาม แล้วโพสต์ลงเพจเฟสบุ๊คที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
แล้วรับ pre-order จากสินค้าที่เราออกแบบขึ้นมา คนสนใจและสั่งเข้ามาเยอะมากตั้งแต่วันแรก เลยมีทุนไปผลิตสินค้าส่งลูกค้า เมื่อรับออเดอร์มาแล้ว ก็ใส่ใจและควบคุมคุณภาพให้เต็มที่ค่ะ เพื่อให้ลูกค้าประทับใจและช่วยบอกต่อ จนแบรนด์เป็นที่รู้จัก โดยไม่ต้องทุ่มงบประมาณไปกับการโปรโมทมากมายเลย เพียงแค่ตั้งใจทำทุกชิ้นที่ส่งไปให้ดีที่สุด ที่สำคัญคิดแล้วต้องลงมือทำค่ะ
ความท๙งจำ
งานที่ภาคภูมิใจที่สุดของแบรนด์คือมีโอกาสได้ออกแบบและจัดทำของที่ระลึก “ความท๙งจำ” ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ เพื่อระลึกถึงในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้วยความสนใจของประชาชนชาวไทยที่ล้นหลามมีการสั่งจองล่วงหน้า จึงต้องเพิ่มจำนวนผลิตอีกเท่าตัว
โดยมีกำหนดการส่งสินค้าเท่าเดิมเพื่อให้ทันช่วงพระราชพิธีและการถวายอาลัย เลยต้องระดมคน แรงงาน ซึ่งมีอาสาสมัครทั้งมิตรสหาย แม่บ้าน รปภ. มาช่วย และนำกลับไปให้ลูกเมียที่บ้านทำด้วย เลยเป็นการกระจายรายได้ และเป็นการรวมตัวด้วยความเต็มใจหลายชีวิตเกือบครึ่งร้อย จนสำเร็จลุล่วงทันเวลา
ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์กระเตื้องจนล้นตลาด ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น จับจ่ายง่ายขึ้นผ่านสมาร์ทโฟนในเวลาเพียงเสี้ยวนาที เลยต้องเรียนรู้ปรับการสื่อสาร ให้ตรงและกระชับ หรือน่าดึงดูดเพื่อให้ลูกค้าใช้เวลาหรือหยุดดูสินค้าเราก่อนเป็นอันดับแรก แล้วให้เรื่องราวของสินค้าค่อยๆขายตัวมันเอง เพราะสินค้าเราไม่ใช่ปัจจัย4 ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ใช้คุณค่าและเรื่องราวเป็นจุดเด่นที่ซื้อใจ
อนาคตในธุรกิจเริ่มขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้นทั้งเอเชียและยุโรปในปีที่ผ่านมา ทำให้สินค้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในประเทศ แต่พัฒนาไปสู่สากล เป็นส่วนเล็กๆที่สื่อสารให้โลกรู้ว่างานนักออกแบบไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกนะคะ
สำหรับในประเทศไทยก็ยังคงพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ๆออกมา จาก unisex ก็เริ่มมีสินค้าสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ เริ่มขยายงานไม้จากเครื่องเขียน ของแต่งบ้าน เป็นสินค้าแฟชั่น อย่างเครื่องประดับและกระเป๋า ทำให้ภาพรวมเป็นสินค้าไลฟสไตล์ที่หลากหลาย แต่ยังมีความเรียบง่าย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวใจของแบรนด์
มุมมองในการทำอาชีพอิสระ..?
การคิดจะเป็นนายตัวเองไม่ใช่เพียงต้องการความเป็นอิสระในการใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ควรต้องมีความรับผิดชอบที่เข้มข้นขึ้น พร้อมรับทั้ง ‘ความผิด’ และ ‘ความชอบ’ รวมทั้ง ‘ความเสี่ยง’ ที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจากการตัดสินใจของตัวเอง แต่ก็แลกมากับการได้นำเสนอและถ่ายทอดความคิดตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ผ่านผลงานในแบบที่เป็นเราจริงๆ ซึ่งเป็นความภูมิใจที่คุ้มค่ามาก
คติประจำตัว...
“Do something today that your future self will thank you for”
เลือกทำสิ่งที่ตัวคุณเองในอนาคตจะรู้สึกขอบคุณ
#ลุงแมน
ขอบคุณข้อมูลและเรื่องราวจาก
คุณวีรดา ศิริพงษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ / นักออกแบบ
- 34
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
