16 ก.พ. 2019 เวลา 07:46
5.3เรื่องขุมทรัพย์ทหารญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนสุดท้าย ที่ รตท .เชาวรินทร์ ตามหาหมดทุนรอนไปจำนวนมาก ไม่ได้สิ่งใดที่เป็นสิ่งมีค่า นอกจากหมุดเหล็กรางรถไฟเก่าๆ และเรื่องราวที่อ้างลอยๆ ไม่ได้มีหลักฐานอะไรเลย เป็นเวลานาน กับการหาสมบัตินี้ กับเวลา จากปี2538-2546...
ซึ่งสุดท้ายอธิบดีกรมปาไม้ ไม่อนุญาตให้ขุดต่อไปอีกแล้ว และ ว่าทุนที่ลงไปหลายล้านบาท ก็จบกันไปกับเมืองไทย กับขุมทองที่ว่าทหารญี่ปุ่นมาฝังไว้...เรื่องทองก็เงียบๆไป
.............แต่ในเดือน พฤษภาคม ปี 2561 ที่ฝั่งพม่า ได้ลงเรื่องราวกันใหญ่ และมีรูปเรื่องต่างๆกับทอง คำและการขุดหา และมีรูปกับสมบัติและเรื่องราว ทำให้ผมติดตามหนักเข้าไปอีก มาอย่างเคยตามข่าวว่าไว้ดังนี้....
...............เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2561ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีในโลกโซเซียลมีการแชร์กระจายกันไปทั่ว ทั้งเป็นภาษาเมียนมาและภาษาไทย จนเกิดกระแสฮือฮาว่า พื้นที่แนวเส้นทางรถไฟสายมรณะ ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ญี่ปุ่นได้สร้างทางรถไฟผ่านประเทศไทย ทางบ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ไปยังเมืองตันบูซายัตประเทศเมียนมา มีการพบทองคำแท่งจำนวนมากมูลค่ามหาศาลนั้น
ทั้งนี้ในโลกโซเซียลได้แชร์กันว่า บริษัท รอยัลอีเกิ้ลเมียนมา ซึ่งเป็นผู้รับเหมาสร้างถนนตามเส้นทาง รถไฟสายมรณะ ระหว่างเมืองพญาตองซู-เมืองตันบูซายัต ขณะที่รถแบ็กโฮล์ ตักดินปรับพื้นที่ในการก่อสร้าง ใกล้ภูเขาแห่งหนึ่ง ได้พบปากถ้ำและเมื่อเข้าไปสำรวจภายในถ้ำ ซึ่งมีความลึกราว10เมตร ก็พบทองคำแท่งจำนวนมาก ปั๊มตราเป็นภาษาอังกฤษว่าBURMA 1932GOLDEN BUDDHA AU.99.8 .....
ซึ่งเชื่อว่าเป็นของทหารญี่ปุ่น ในสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ที่ใช้ไฟเผาลอกออกมาจากพระพุทธรูป และเจดีย์ต่างๆ จึงมีความหมายในภาษาอังกฤษที่ปั๊มไว้ แปลว่าทองของพระพุทธเจ้า และนำมาซุกซ่อนไว้ โดยต่อมาทางการพม่าได้นำทองคำทั้งหมดไปเก็บรักษาไว้....
สำหรับในเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ทั้งฝั่งไทยและเมียนมาได้มีการตรวจสอบ พบว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยนายทหารเมียนมานายหนึ่งได้เปิดเผยว่า บริเวณพื้นที่ซึ่งมีการแชร์ว่าพบทองคำนั้น อยู่ในเขต อ.ตันผิ่วซายัต จ.มะละแหม่ง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของพรรครัฐมอญใหม่ ซึ่งมอญเรียกว่าอำเภอสะปุก(ศาลาขาว)....
ในอดีตสมัยสงครามโลกครั้งที่2เคยเป็นที่ตั้งฐานที่มั่นของทหารญี่ปุ่นจริง และในช่วงปีพ.ศ.2559 เมื่อ2ปีที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มบุคคลจากประเทศทางยุโรป เคยขออนุญาตพรรคมอญใหม่ เพื่อสำรวจค้นหาทองคำในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว โดยพบเพียงโครงกระดูกมนุษย์ และดาบซามูไรที่หักผุกร่อน จำนวนหนึ่ง ถูกฝังอยู่ในพื้นที่ โดยไม่มีการพบทองคำแต่อย่างใด
 
นายทหารเมียนมาเผยต่อว่า การกระจายข่าวว่ามีการพบทองคำแท่งนี้ เชื่อว่าน่าจะมีอะไรที่แอบแฝง ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ทั้งนี้มีเหตุน่าชวนให้คิด โดยเมื่อ6เดือนที่ผ่านมา ช่วงปลายปีพ.ศ. 2560 มีเอกชนชาวเมียนมารายหนึ่ง ได้ขออนุญาตรัฐบาล ในการสำรวจพื้นที่ และในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2561ใบอนุญาตจะสิ้นสุดสัญญา โดยต้องต่อสัญญาดำเนินการใหม่ นักลงทุนรายเดิมนี้ ต้องการจะขายใบอนุญาตให้ได้ก่อนหมดสัญญา....
ทั้งนี้มีเอกชนรายใหม่หลายรายให้ความสนใจ เป็นได้ว่าเจ้าของสัญญาคนเดิม อาจปล่อยข่าวสร้างเรื่องราวการพบทอง เพื่อเพิ่มมูลค่าใบอนุญาตที่จะขายก็เป็นได้โดยต่อมาหลังเป็นข่าวครึกโครมเรื่องการพบทอง ทางการเมียนมาก็ได้ออกแถลงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวว่า ไม่มีการการค้นพบทองคำของทหารญี่ปุ่น ในบริเวณพื้นที่อ.ตันผิ่วซายัต แต่อย่างใด
 
สำหรับในเรื่องขุมทองโกโบรินี้นั้น ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 นายพลโทโมยูกิ ยามาชิตะ เจ้าของฉายาเสือ ร้ายแห่งมลายู ที่บุกเข้าไปยึดฟิลิปปินส์....
ก่อนที่เขาจะถูกทหารอเมริกันรุกไล่ ให้ลงไปจากเกาะ เขาได้ฝัง ทรัพย์สมบัติมูลค่ามหาศาล มีทั้งทองคำเพชรพลอย และศิลปะล้ำค่า จากเอเชียอาคเนย์ ไว้ในหลายประเทศ ขณะถอยทัพเล่ากันว่า ยามาชิตะใช้เชลยศึกอเมริกันเป็นผู้ช่วยในการฝังสมบัติ....
โดยฝังไว้กระจัดกระจาย ตามที่ต่างๆ ถึง 172 จุด เมื่อฝังสมบัติเสร็จแล้ว ยามาชิตะก็ฝังเชลยเหล่านั้นตามไป เพื่อรักษาความลับเอาไว้ และมันก็ยิ่งกลายเป็นความลับดำมืดชั่วนิรันดร์ เมื่อเขาถูกประหารชีวิตในปี 1946 ...
ยามาชิตะหลังจากในมอบตัวได้ถูกประหารชีวิตในปี1946
ต่อมาในปี 1971 นักล่าสมบัติคนหนึ่งคือ โรเจลิโอ โรชัส ได้บอกว่าเขาค้นพบสมบัติยามาชิตะแล้วบางส่วน ในขณะที่ขุดหลุมลงไปใต้พื้นดิน เขาพบพระพุทธรูปทองคำหนักถึง 2,000ปอนด์ และยังมีเพชรพลอยอีก เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่นั้นก็ เกิดขบวนการล่าสมบัติยามาชิตะกันอย่างขนานใหญ่......
และในปี 1981 ก็มีข่าวว่ามี ผู้ขุดพบเพชรพลอย และทองคำได้อีก ซึ่ง มีมูลค่าถึง 3 ล้านดอลลาร์ คราวนี้ทำให้เกิดความบ้าสมบัติกันไป ทั่ว มีกลุ่มบุคคลตามล่าขุดหาสมบัติ กันอย่างมากมาย ทำให้การขุดหาสมบัติ ในแถบประเทศเอเชียบูรพา ยังคงดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน
 
ส่วนขุมทองโกโบริในเมืองไทยเรา ก็มีการเล่าลือกันมานานว่า ก่อนจะสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นได้นำทองคำ และเพชรพลอย เก็บไว้ในโบกี้รถไฟ และเอาไปซ่อนในถ้ำแถวกาญจนบุรี บ้างก็ว่าอยู่ฝั่งเมียนมา ต่อมามีกลุ่มผู้คลั่งไคล้ขุดค้นหาสมบัติกันอย่างมากมาย ตามแนวเส้นทางรถไฟสายมรณะ ในพื้นที่จ.กาญจนบุรี และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่ามีใครได้พบเจอขุมทองเลยแม้แต่น้อย ....
จนกระทั่ง ทองโกโบริ ที่เป็นข่าวดังฮือฮาจากปี 2538-39 และ ในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2544 เมื่ออดีตส.ส.คนหนึ่ง อ้างว่ามีแหล่งข่าวและแผนที่ ซึ่งเชื่อถือได้ว่าโบกี้รถไฟบรรจุทองคำของทหารญี่ปุ่น ถูกซุกซ่อนอยู่ในถ้ำลิเจียหรือถ้ำสุวรรณคูหา อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จนเป็นข่าวเรื่องราวใหญ่โต ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องขึ้น ฮ.บินด่วน รีบไปดูด้วยตนเองเลยทันที ........
ทำให้นักการเมืองคนนั้น ได้มีฉายาใหม่ว่า โกโบริน และในการขุดค้นที่ใช้เวลาถึง 2ปีกว่า ก็ไม่พบอะไรเลย จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2546 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ มีคำสั่งให้ยุติการขุดเจาะถ้ำลิเจีย โดยในปัจจุบัน ถ้ำลิเจียหรือถ้ำสุวรรณคูหา แห่งนี้ ได้กลายเป็นสถานแหล่งท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้แวะเที่ยวชม และจดจำว่าเป็นถ้ำโกโบริน….
.......กับทรัพย์สมบัติที่ทหารฝังไว้ เป็นที่เล่าลือกันในประเทศ คู่สงครามที่ว่ามีทรัพย์ฝังไว้ ทั้งที่โปแลนด์ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไทย พม่า มีข่าวและเรื่องราว ที่น่าฟัง..น่าค้นหา เล่ากันมานาน นักล่าสมบัติ ก็เหมือนกันทุกที่ เชื่อกันในสิ่งที่เล่าสืบมา ทำให้ต้องหากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด.....
ลายแทงสมบัติในหลายรูปแบบ
โฆษณา