Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มุมจีน จากสายตาคนจีน
•
ติดตาม
16 ก.พ. 2019 เวลา 14:24 • ประวัติศาสตร์
“ นกกระจอกในบ้าน “....เหมา เจ๋อตง และเต้ิง เสี่ยวผิง ผู้นําทั้งสองมีแนวคิดที่แตกต่างกัน ทําให้สังคมจีนภายใต้ผู้นํา ทั้งสองนี้มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก เพราะเหมา เจ๋อตง เน้นหลักการคอมมิวนิสต์ ท้ังนโยบายปฏิวัติ ตลอดกาล ทฤษฎีความขัดแย้ง และแนวทางปฏิวัติของชนช้ันกรรมาชีพ เพื่อสร้างสังคมจีนท่ีปราศจาก ชนช้ันและสร้างความเท่าเทียมอย่างสมบูรณ์ รวมถึงสนใจเรื่องวัฒนธรรมและระบบการเมือง ส่วน แนวคิดหลักของเต้ิง เสี่ยวผิงที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศจีน คือ แนวคิดปฏิบัตินิยมที่เน้นการปฏิบัติ จริง ปรับตามสถานการณ์ ไม่ยึดมั่นทฤษฎีหรืออุดมการณ์คอมมิวนิสต์อย่างเคร่งครัด ไม่สนใจเรื่อง วัฒนธรรม ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีความขัดแย้ง แต่เห็นว่าพรรคควรมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ มากกว่าการปฏิวัติสังคมนิยมและการต่อสู้ทางชนชั้น...
ในช่วงปลายปีทศวรรษที่ 1958 ประธานเหมาเจ๋อตง ได้มีคำสั่งให้ยกเลิกกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนบุคคล ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตกเป็นของรัฐทั้งหมด กรรมกรชาวนาทุกคนจึงตกเป็นคนงานของไพร่รัฐทั้งหมดเช่นกัน ทั้งยังมีคำสั่งให้ทำไร่ทำนาทำสวนในที่ดินกรรมสิทธิ์รวมของชุมชนทุกหมู่บ้าน ชาวไร่ชาวนาชาวสวนจำนวนมากถูกไล่ออกจากที่ดินดั้งเดิมของบรรพบุรุษ และชาวไร่ชาวนาชาวสวนต้องรับคำสั่งให้ร่วมทำงานในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การผลิตเหล็กและเหล็กกล้า ด้วยการนำหม้อไห กะทะ เศษเหล็ก โลหะต่าง ๆ มาหลอมขึ้นมาใหม่ เพื่อทำการผลิตเหล็กและเหล็กกล้าแข่งขันกับโซเวียตรัสเซีย และชาติตะวันตก เพราะแนวคิดเพ้อฝันที่เป็นมโนว่า จีนเคยเป็นแหล่งผลิตกะบี่ที่ยอดเยี่ยมในวรยุทธ์ และเคยผลิตอาวุธปืนใหญ่ในอดีตมาก่อนหลายชาติในยุโรป...
ในเวลาเดียวกันนั้น เหมาเจ๋อตง ได้เปิดตัวโครงการรณรงค์ ปลุกใจให้รักชาติด้วยเป้าหมายกำจัดพวกสัตว์ที่แพร่กระจายเชื้อโรค ซึ่งมี ยุง หนู แมลงวัน และเหมาเจ๋อตงได้หยิบยกตัวการสำคัญที่สุด คือ นกกระจอกบ้านที่เชื่อว่าเป็นศัตรูที่สำคัญในการกัดกินธัญพืช...
ในคณะที่ปรึกษาของเหมาเจ๋อตง ได้คำนวณออกมาว่า นกกระจอกบ้านตัวเดียวจะกินข้าวถึง 4.5 กิโลกรัมในแต่ละปี และนกกระจอกบ้าน 1 ล้านตัวที่ถูกฆ่าตาย จะมีอาหารเพียงพอสำหรับประชากรถึง 60,000 คน...
มีเพียงชาวบ้านเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่ตระหนักถึงผลของการรบกวนสมดุลตามธรรมชาติ ที่จะส่งผลร้ายต่อระบบนิเวศของชาติ และแม้ว่าพวกเขาจะคัดค้านก็ไม่ได้ผลอยู่ดี เพราะในตอนนั้นเหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำรัฐที่มีอำนาจสูงสุด มักเชื่อมั่นในความคิดตนเองสูงมาก แบบทำตัวดื้อตาใสไม่ยอมรับฟังความคิดใคร และคนรอบข้างก็เต็มไปด้วยลูกสมุนคอยพยักหน้า พวกบริวารที่ชอบเอื้อนเอ่ยให้คนบ้ายอว่า ดีครับพี่ ชอบครับนาย เหมาะสมครับท่าน ไม่มีใครกล้าคัดค้านหรือแสดงความคิดเห็นที่ไม่เห็นด้วย เพราะต่างกลัวว่าจะต้องไปนอนสงบสติอารมณ์ใต้รากหญ้าคา...
ในเรื่องนี้ “เติ้งเสี่ยวผิง” สรุปบทเรียนภายหลังพัฒนาจีน แบบให้จบง่ายๆ ว่า “เหมาเลวสาม ดีเจ็ด เจ๊ากันไป” ทั้งนี้เพื่อไม่ให้มีการวิพากษ์วิจารณ์เหมาเจ๋อตง และมีการชำระประวัติศาสตร์จีนใหม่ เพราะท่านและแกนนำหลายคนที่โด่งดังในอดีต ต่างก็เคยร่วมวงอไพบูลย์ในช่วงนั้นด้วย...
“เหมาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกสัตว์เลย เขาไม่ต้องการคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องแผนการที่เขาคิด หรือการรับฟังผู้เชี่ยวชาญ เมื่อเขาตัดสินใจว่าควรกำจัดศัตรูสี่ตัว พวกมันก็จะต้องถูกกำจัด " ไต้ฉิน หนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน ให้สัมภาษณ์กับ BBC เอาไว้ว่า...
ได้มีการล่าสังหารนกกระจอกบ้าน แบบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ด้วยการทำทุกวิธีทุกหนทุกแห่งอย่างไม่น่าเชื่อเลย ทำทุกวิธีที่ทำได้เพื่อฆ่านกกระจอกบ้าน ที่ได้รับคำบัญชามาจากเหมาเจ๋อตง พวกนกกระจอกบ้านจะถูกยิงตกลงมาจากท้องฟ้า รังนกกระจอกบ้านจะถูกทำลายรื้อทิ้ง มีการทุบไข่นกกระจอกบ้านทิ้ง และลูกนกกระจอกบ้านจะถูกฆ่าตายทุกตัว มีการวางตะข่ายรอบในสถานที่ต่างๆ เพื่อดักจับนกกระจอกบ้านมาฆ่าทิ้ง ฝูงนกกระจอกบ้านที่บินหนีออกไปอยู่ตามชนบท ก็จะถูกวางยาพิษด้วยอาหาร และน้ำที่ผสมยาพิษ ทำให้เกิดหางเลขเคราะห์กรรม ก็ไปตกที่นกประเภทอื่นๆ ไปด้วยเช่นกัน...
เรื่องที่เลวร้ายและโหดร้ายมากที่สุด คือ การทำให้พวกนกกระจอกบ้าน ต่างเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ชาวบ้านต่างถูกปลุกระดมมวลชนให้ออกมาจากบ้านพัก ด้วยการตีหม้อ ไห กะทะ อะไรก็ได้ ในสถานที่โล่งๆใต้ต้นไม้ต่างๆ ที่นกกระจอกบ้านบินไปหลบอยู่ ด้วยการสร้างเสียงอึกทึกครึกโครม เพื่อคุกคามฝูงนกกระจอกบ้าน จนฝูงนกกระจอกบ้านที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว จำต้องบินวนเป็นวงกลมไปมา ด้วยความหวาดกลัวที่จะลงมาพักด้านล่าง จนกระทั่งพวกนกกระจอกบ้านต่างล้มตายลงไป เพราะความอ่อนเพลียจากการบินโดยไม่ได้หยุดพัก...
แต่ก็มีนกกระจอกบ้านบางตัวที่บินเข้าไปหลบภัย
ในเขตพื้นที่ของสถานทูตกงศุลต่างๆ ภายในประเทศจีน ที่สถานทูตโปแลนด์ในกรุงปักกิ่ง หน่วยรักษาความปลอดภัยสถานทูตโปแลนด์ ไม่ยอมให้ชาวจีนเข้าไปในเขตพื้นที่ของสถานทูต เพื่อเข้าไปกำจัดนกกระจอกบ้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในพื้นที่สถานทูต ฝูงชนชาวจีนต่างรายล้อมรอบสถานทูตโปแลนด์ และตีกลองตีฆ้องร้องเป่าต่างพากันส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง อย่างกับพวกคนบ้าคลั่งเป็นเวลาถึง 2 วันติดต่อกัน สุดท้ายคนในสถานทูตโปแลนด์ก็ต้องใช้พลั่ว เสียม บุ้งกี๋ ตักพวกนกกระจอกบ้านที่ตายแล้วออกไปทิ้งด้านนอกสถานทูตโปแลนด์...
ชาวบ้านหลายล้านคนต่างเข้าร่วมในโครงการวาระแห่งชาติ อย่างมีประสิทธิภาพและอย่างไร้ความเมตตาปราณี มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เซี่ยงไฮ้รายงานว่า นกกระจอกบ้าน 194,432 ตัวถูกฆ่าตายภายในวันเดียว...
"ในตอนเช้าของวันที่ 13 ธันวาคม โครงการทำสงครามกำจัดนกกระจอกบ้าน ได้เริ่มต้นขึ้นบนท้องถนนสายใหญ่และสายเล็ก ธงแดงกำลังโบกปลิวสะบัดอยู่ทุกหนทุกแห่ง บนอาคาร ในสนามหญ้า พื้นที่โล่ง ถนน และทุ่งนาในชนบทต่างเต็มไปด้วยหุ่นไล่กาจำนวนมากมาย ยามที่นักเรียนโรงเรียนประถมและมัธยม คนงานของรัฐบาล คนงานในโรงงาน ชาวนา และ กองทัพปลดแอกประชาชนต่างตะโกนคำขวัญ ทำสงครามกำจัดนกกระจอก...
ในเขต “ซิ่นเฉิน” พวกเขาทำหุ่นไล่กาได้มากกว่า 80,000 ตัว และทำธงสีสันสดใสกว่า 100,000 ผืนในชั่วเวลาข้ามคืน ชาวเมืองแถวถนนเสียงตู่ เขตสีฮุ่ย และชาวเมืองแถวถนนหยางพู ในเขตยี่หลิน ยังได้ผลิตหุ่นไล่กาที่ชักให้เคลื่อนไหวไปมาได้จำนวนมาก ในเมืองและนอกเมือง กำลังแรงงานเกือบครึ่งหนึ่ง ต่างระดมกันจัดตั้งเป็นกองทัพทำสงครามกับนกกระจอกบ้าน ในขณะที่ผู้เฒ่าและพวกเด็กๆ ต่างอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน คนงานโรงงานในเมืองต่างๆ มุ่งมั่นทำสงครามกับนกกระจอกบ้าน และต่างให้คำมั่นสัญญาว่า จะรักษากำลังการผลิตไว้คงเดิม ในสวนสาธารณะ สุสาน และโรงเรือนเพาะชำ มีผู้คนน้อยมาก ที่มีการตั้งเขตปลอดภัยเพื่อยิงนกกระจอกบ้าน 150 แห่ง โดยทีมปืนไรเฟิล Nanyang Girls Middle School ที่ผ่านการฝึกอบรมเกี่ยวกับเทคนิคการยิงนก พลเมืองต่างเข้าร่วมต่อสู้กับสงครามกำจัดนกกระจอก ประมาณ 20.00 น. ของคืนนี้คาดว่า จะมีฆ่านกกระจอกบ้านได้ทั้งสิ้น 194,432 ตัว”...
เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าร่วมให้มากที่สุด จึงจัดให้มีการแข่งขันขึ้นมาระหว่างคนงานของรัฐบาลกับเด็กนักเรียน ด้วยการมอบใบรางวัลประกาศ คำชมเชยวาทกรรมที่สวยหรู แบบเพื่อพรรค เพื่อประชาชน มุ่งมั่นรับใช้ประธานเหมาเจ๋อตง รางวัลจะมอบให้กับ ใครก็ตามที่ส่งหางหนูจำนวนมาก ซากแมลงวัน ซากยุง และซากนกกระจอกบ้าน การเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงกลายเป็นมหกรรมกีฬาอย่างหนึ่ง ที่ทำให้พวกเด็กนักเรียนเข้าร่วมด้วยความกระตือรือร้น...
ในเวลาอีก 3 ปีต่อมา สัตว์สี่ตัวที่ตายอย่างสาสมคือ นกกระจอกบ้านประมาณ 1,000 ล้านตัว หนู 1,500 ล้านตัว แมลงวัน 100 ล้านกิโลกรัมและยุง 11 ล้านกิโลกรัม ถึงดูเหมือนว่าวาระแห่งชาติในการกำจัดศัตรูสี่ตัว จะประสบความสำเร็จอย่างมาก มีศัตรูตายจำนวนมาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงมากและผลร้ายที่ตามมาในเวลาต่อมา...
ผลกระทบทางตรงจากโครงการรณรงค์กำจัดสี่ศัตรู แม้ว่าประสบผลสำเร็จส่วนหนึ่งตามวาระแห่งชาติ แต่ผลที่ตามมาคือ ความอดอยากครั้งยิ่งใหญ่ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมก็คือ หายนะของเกษตรกรชาวจีนและชาวเมืองในเวลาต่อมา ที่กลายเป็นผลพวงจากความคับแค้น เพราะฝูงนกกระจอกบ้านกินพวกแมลงมากกว่าธัญพืช เมื่อสายพันธุ์นักล่าหลักหายไปแล้ว ส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารก็หายไปด้วย...
ฝูงแมลงต่างสร้างความเสียหายให้กับพืชหลายชนิด และทำให้ผลผลิตข้าวลดลง เพราะฝูงแมลงต่างกัดกินข้าว ผลไม้ได้สะดวกขึ้น ฝูงตั๊กแตนก็กระจายไปทั่วประเทศ รวมถึงปัญหาทางนิเวศวิทยาที่เกิดขึ้นตามมา จากการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งรวมถึงการตัดไม้ทำลายป่าอย่างกว้างขวาง เพื่อเอาไม้ไปทำฟืนใช้ถลุงเหล็กและเหล็กกล้า และมีการใช้สารพิษและยาฆ่าแมลงกันอย่างผิดๆ...
เมื่อเหมาเจ๋อตงประกาศยกเลิกการรณรงค์กำจัดสี่ศัตรู เพราะยอมเชื่อผู้เชี่ยวชาญ Chinese Academy of Sciences แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะนกกระจอกบ้านเหลืออยู่เพียงไม่กี่ตัว โดยเหมาเจ๋อตงได้เปลี่ยนจากนกกระจอกบ้านเป็นตัวเลือกแทน และแล้วการแก้ไขปัญหานกกระจอกบ้านขาดแคลนในหลายแห่งมากขึ้น ก็ด้วยการนำเข้านกกระจอกบ้านจากสหภาพโซเวียตรัสเซีย แต่ก็ยังขยายพันธุ์ได้ไม่มากเพียงพอ ในระหว่างเวลานั้น ประชากรจีนจำนวนถึง 20 ถึง 50 ล้านคนต่างเสียชีวิตเนื่องจากความอดอยาก แต่ชนชั้นนำ ชนชั้นปกครองหลายคนยังอิ่มหมีพีมัน อ้วนท้วนสมบูรณ์...
เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองในครานั้น ได้ทำหน้าที่เป็นบทเรียนสำหรับมนุษยชาติ ให้ตระหนักว่าเรื่องเลวร้ายจะสามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ จะกระทบกับด้านห่วงโซ่อาหารบางส่วน...
แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ยอมเรียนรู้กัน ในปี 1998 โครงการรณรงค์ในรูปแบบคล้ายกัน ก็มีการเปิดตัวใน เมืองฉงชิ่ง ภาพโฆษณาชวนเชื่อที่มีคนพบเห็นที่มหาวิทยาลัยเกษตรตะวันตกเฉียงใต้ ได้สั่งให้ชาวบ้านร่วมกัน กำจัดศัตรูทั้งสี่ ด้วยการแทนที่นกกระจอก ด้วยแมลงสาบได้แก่ แมลงสาบ หนู ยุง แมลงวัน...
ในปี 2004 ก็มีการโครงการรณรงค์กำจัดศัตรูอีกครั้ง ด้วยความพยายามกำจัด ชะมดเชียง 10,000 กว่าตัว เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโรคซาร์ส แม้ว่าจะไม่พบพยานหลักฐานใดๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างชะมดเชียงกับกับไวรัส แต่ประการใดเลย...
จากบทความของ BBC ยังระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐยังวางแผนที่จะเปิดตัววาระแห่งชาติด้วยโครงการรณรงค์รักชาติเพื่อสุขภาพ โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ หนู กับ แมลงสาบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับโครงการรณรงค์กำจัดนกกระจอกบ้าน ของประธานเหมาเจ๋อตุง ที่ล้มเหลวในคราก่อน...
ความเข้าใจผิดว่า มนุษย์สามารถพิชิตธรรมชาติ คือหนึ่งในปรัชญาที่ท้าทายที่สุดของเหมาเจ๋อตุง หนึ่งในปรัชญาที่ทิ้งมรดกพิษ มลภาวะไว้ในประเทศจีน วาทกรรมของเหมาเจ๋อตุงที่โด่งดังที่สุดในปี 1958 "ทำให้ภูเขาสูงต้องค้อมหัวลงมา ทำให้แม่น้ำต้องยอมสยบ"...
ประเทศจีนยังคงทำลายธรรมชาติ ด้วยการหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และไม่หยุดยั้งความเสื่อมโทรมต่างๆ ที่เกิดขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมายของประเทศจีนมีอยู่มากมายนับตั้งแต่ มลภาวะ การตัดไม้ทำลายป่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยธรรมชาติ...
อนึ่ง แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบาลจีนได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อลดมลภาวะ เช่น งดรับซื้อขยะอุตสาหกรรมมา Recycle การลดละเลิกโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน การลดใช้ถ่านหิน การขยายเขตพื้นที่ป่าไม้ในเขตพื้นที่เสื่อมโทรม และทะเลทราย แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะจำนวนประชากรที่มากมายส่วนหนึ่ง กับมีการทำลายมานานหลายปี ที่สะสมมานานแล้ว....
2 บันทึก
2
1
2
2
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย