22 ก.พ. 2019 เวลา 09:05 • ไลฟ์สไตล์
ขอเอสเพรสโซ่ถ้วยนึงครับ
ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ. และเมื่ออ่านมากเข้าก็อยากจะเขียนบ้าง. สำหรับผมการเขียนเหมือนการบันทึกความคิดในช่วงเวลานั้น
เมื่อเวลาผ่านไปกลับมาอ่านใหม่. บางทีความคิดก็เปลี่ยนไปจากเดิม
และยิ่งเวลาเดินหน้าต่อไปอีก(หรือก็คือเราแก่ขึ้น). ความคิดบางทีก็ยิ่งเปลี่ยนไปอีก. การเขียนและกลับมาอ่านใหม่มันจึงเหมือนการกลับมามองดูรูปเก่าๆของตัวเองนั่นเอง
ผมดื่มกาแฟมานานเช่นกัน. อันที่จริงตั้งแต่เริ่มทำงาน. เพราะที่ทำงานจะมีกาแฟสำเร็จรูปให้ชงทานเอง. แต่เริ่มทำงานได้ไม่กี่ปีก็มีการย้ายงานไปยังที่ใหม่. และที่ใหม่นี้มีร้านกาแฟอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตของบริษัท. ตอนนั้นคงสักปี2528. ร้านกาแฟร้านนี้เป็นBrew coffee. ผมจึงเริ่มรู้จักกาแฟสดว่าเป็นอย่างไรนับแต่นั้น. และเริ่มทานกาแฟปรุงสดเรื่อยมา. รสนิยมการทานกาแฟสดก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆเช่นกัน. จนแทบจะเลิกทานกาแฟสำเร็จไปเลยนับแต่นั้น. ทุกวันหลังจากทานข้าวเที่ยงผมจะไปนั่งทานกาแฟที่ร้านของบริษัทวันละหนึ่งถ้วยและคุยกับบาริสต้าเกือบทุกวัน
กาลเวลาผ่านไปนานมาก. การทานกาแฟของผมก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยเช่นกันจนในที่สุดผมก็ทานแต่กาแฟชงแบบเอสเพรสโซ่. และพัฒนามาเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ไม่ใส่อะไรเลยในที่สุด.
ผมเอาการกินกาแฟกับการเขียนบันทึกมาเกี่ยวข้องกัน. เพราะมันมักจะเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน. และก็มีอะไรหลายๆอย่างคล้ายคลึงกัน
สำหรับผมทั้งสองสิ่งมีอดีตให้ย้อนกลับไปมองเหมือนๆกัน. ค่อยๆพัฒนามาด้วยกัน. และดำเนินไปสู่ความเรียบง่ายในที่สุดเหมือนๆกัน. มันทำให้ผมคิดถึงสถานที่ต่างๆ. ผู้คนที่ผ่านเราไปมาในช่วงชีวิตของเรา
ผมว่าความทรงจำในสถานที่และผู้คนมันก็มักจะเกิดขึ้นมาโดยต้องประกอบกัน. สถานที่และเวลาจะไม่มีความหมายใดๆเลยถ้า ณ ที่นั้นไม่มีใครมาเกี่ยวข้องกับเราให้จดจำ. บางคนบางสถานที่อาจทำให้เราจำไปจนชั่วชีวิตก็ได้
ทานเอสเพรสโซ่สักแก้วก่อนนะครับ. ก่อนที่ผมจะเริ่มเขียนอะไรให้อ่านกันนะครับ...
โฆษณา