22 ก.พ. 2019 เวลา 17:16 • ประวัติศาสตร์
ราหูคืออะไร?
ช่วงนี้นักโหราศาสตร์ที่ใช้การผูกดวงตามคัมภีร์สุริยยาตร์คงตื่นเต้นกับพระราหูย้ายราศีจากกรกฎเข้าสู่มิถุน ขณะที่นักโหราศาสตร์สายอื่นยังไม่ค่อยตื่นเต้นมากนัก แล้วก็คงมีคำพยากรณ์ตามมา ทางโหราศาสตร์ไทยก็มีคำกลอนทายมัวเมาทายราหู ถ้าจะให้ดูตื่นเต้นขึ้นมาหน่อยก็จะพูดถึงเรื่องเกณฑ์ฆาฏ ดังคำกลอนโบราณ “ผิจะฆาฏลัคนาอายุขัย อสุรินทร์ถึงลัคนาใน บาปเคราะห์จรไปมาทับกัน ทั้งพระจันทร์นั้นมา ทับลัคนาให้ทายตัดชีวาถึงอาสัญ” เป็นต้น คนมีลัคนาราศีมิถุนตามโหราศาสตร์ไทย คงสะดุ้งกันตามๆกัน
ทางตะวันตกบางที่ก็แปลว่าราหูคือสายสัมพันธ์ทางใจ ถือเป็นจุดตั้งรับสำคัญอีกจุดหนึ่งในดวงชะตา
.
นักโหราศาสตร์บางท่านก็บอกว่าราหูคือโลก บ้างก็บอกราหูคือเงา
.
แล้วที่จริงราหูคือคือสิ่งใดเล่า? หากใช้ความรู้ด้านดาราศาสตร์สมัยใหม่ ราหูก็คือจุดตัดระหว่างเส้นทางการโคจร หรืออาจเรียกว่าระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ กับเส้นทางการโคจรของดวงจันทร์รอบโลก การที่ระนาบทั้งสองตัดกันทำให้เกิดจุดตัดสองจุดขึ้น (ดูรูป) จุดตัดหนึ่งที่ทำให้ดวงจันทร์โคจรปัดขึ้นเหนือระนาบโคจรอาทิตย์-โลก (North Node) ถูกเรียกว่าราหู อีกจุดหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ที่มีทิศทางปัดลง
(South Node) ถูกเรียกว่าเกตุ (สากลหรือภารตะ)
.
เมื่อพอเข้าใจความหมายทางดาราศาสตร์แล้ว เราก็จะสามารถตั้งข้อสังเกตได้ดังต่อไปนี้
.
1. ราหูและเกตุไม่ใช่ดาว เพราะไม่มีปัจจัยฟากฟ้าใดอยู่ตรงจุดตัดทั้งสองนั่น จึงเรียกดาวราหูหรือดาวเกตุไม่ได้ แต่คนโบราณเรียกว่าพระราหูกับพระเกตุด้วยความยกย่อง เนื่องจากจุดตัดทั้งคู่มีอิทธิพลเสมือนพระเคราะห์
.
2. หากไม่มีดวงจันทร์ จะไม่มีราหูและเกตุ เพราะจะไม่มีระนาบโคจรโลก-จันทร์ที่ทำให้เกิดจุดตัดแต่อย่างไร ดังนั้นนักโหราศาสตร์พึงระมัดระวังในการใช้ราหูในการทำนายโดยไม่สนใจพระจันทร์
.
3. โดยการสังเกต ตำแหน่งราหูที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์สำคัญ มิได้ขึ้นกับจักราศี แต่มีด้วยกันสองจุดด้วยกัน จุดแรกคือตรงตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์เล็งดวงจันทร์สนิท ที่เรียกว่าพระจันท์เพ็ญ หากจุดตัดอยู่ตรงตำแหน่งพอดีกับดวงจันทร์ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าจันทรุปราคา คือเงาของโลกบังดวงจันทร์นั่นเอง
.
4. อีกจุดหนึ่ง ตรงตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์กุมกับดวงจันทร์สนิท ที่เรียกว่าจันทร์ดับหรืออมาวสี วันดังกล่าวจะไม่เห็นดวงจันทร์ เนื่องจากแสงอาทิตย์บดบัง หากจุดตัดตรงตำแหน่งพอดีกับพระอาทิตย์-พระจันทร์จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าสุริยุปราคา คือเงาของดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์นั่นเอง
.
5. ดังนั้นนักโหราศาสตร์พึงตั้งข้อสังเกตว่าราหูจะมีอิทธิพลชัดเจนในกรณีที่อาทิตย์กุมจันทร์หรือเล็งจันทร์อยู่แล้วมีราหูเข้าร่วมในตำแหน่งดังกล่าว ดังนั้นคำกลอนที่ว่า “ทั้งพระจันทร์นั้นมา ทับลัคนาให้ทายตัดชีวาถึงอาสัญ”น่าจะใช้เป็นตัวตัดสินเกณฑ์ฆาฏ มากกว่าแค่ราหูทับลัคนา
.
6. เนื่องจากจันทร์โคจรมาซ้ำตำแหน่งเดิมทุกเดือน คนเกิดลัคนามิถุนที่มีราหูเข้ามาทับลัคนา แล้วมีบาปเคราะห์จรไปมาทับกันอยู่ จะมิต้องระวังจันนทร์จรเข้ามาทับลัคนาทุกเดือนหรอกหรือ?
.
7. ข้อนี้ไม่ต้องเป็นห่วง หากเราเปิดปฏิทินดาราศาสตร์สุริยยาตร์ พบว่าวันอมาวสีที่มีราหูอยู่ด้วยมิได้เกิดสุริยคราสทุกครั้ง ขณะเดียวกันวันเพ็ญที่มีราหูอยู่ด้วยบางครั้งก็เกิดจันทรคราสบางส่วนแบบแหว่งๆ เนื่องจาก การเกิดปรากฏการณ์อุปราคา ตำแหน่งพระจันทร์หรือจุดตัดต้องได้ระยะพอดีทางเชิงมุมด้าน 3 มิติที่รวมถึงระยะห่างจากโลก ซึ่งปฏิทินโหราศาสตร์ เป็นเพียงภาพฉายของดาวที่ทาบไปบนระนาบ 2 มิติ
.
8.สมัยรัชกาลที่ 3 เรามีอัจฉริยะโหรชื่อนายมี ลงกาใหม่ บุตรพระโหราธิบดี (ชุม) เป็นผู้คิดค้นพระเกตุไทยเพื่อเป็นจุดสังเกตตำแหน่งตำแหน่งทาง 3 มิติ (สันนิษฐานว่าใช้คัมภีร์สารัมภ์ที่ใช้คำนวณอุปราคาทางฝ่ายมอญ) นักโหราศาสตร์พึงสังเกตว่าการเกิดอุปราคานั้นจะต้องมีพระเกตุไทยเข้าร่วมราศีกับราหูด้วย หากผูกดวงไม่สมผุสดาวอาจเห็นพระเกตุไทยเคลื่อนออกไปได้หนึ่งราศี เนื่องจากเป็นค่าประมาณ
.
9. สรุปนักโหราศาสตร์ไทยพึงสังเกตว่า การทายถึงตัดชีวาอาสัญ จำเป็นต้องเกิดกรณีมีปรากฏการณ์อุปราคาหรือมีพระเกตุไทยเข้าร่วมราหูด้วยเท่านั้น
.
10. อย่างไรก็ดี บูรพาจารย์สมัยโบราณ ท่านอาจพบเห็นอิทธิพลของพระเกตุไทยที่เป็นเอกเทศจากพระราหู อิทธิพลของพระราหูที่เป็นเอกเทศจากพระจันทร์ และผลที่แตกต่างกันเมื่อโคจรไปตามราศีต่างๆ หรือเข้าร่วมกับพระเคราะห์ต่างๆ ถึงขั้นบันทึกเป็นสถิติ ใส่คำพยากรณ์ สืบทอดกันต่อมา ซึ่งเป็นเรื่องที่นักศึกษาโหราศาสตร์พึงใช้วิจารณญาณที่จะเลือกเชื่อ เลือกใช้ และพิสูจน์ดูเองเ
โฆษณา