25 ก.พ. 2019 เวลา 11:09 • ปรัชญา
#เมื่อความตาย..กลายเป็นจุดเริ่มต้น the series
ตอนที่5: เตรียมตัวตายก่อนตาย (1)
ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ท่านทั้งหลายจงพิจารณาเถิด ชีวิตของเราไม่ยั่งยืน แต่ความตายเป็นของแน่นอน สุดท้ายตัวเราก็จะต้องตายในที่สุด"
pixabay. com
ความตายนั้นถือเป็นสัจธรรมความจริงของทุกชีวิต เป็นสิ่งธรรมดาสามัญที่เราทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะทุกการเกิดล้วนมีความตายเป็นของคู่กัน
ถึงแม้ว่าการเกิด และความตายจะเป็นของคู่กันมาเสมอ แต่กลับสร้างความรู้สึกต่อผู้ที่ได้สัมผัส
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ...
เมื่อคนเราได้ยินได้ฟัง หรือได้สัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับ "การเกิด" คนส่วนใหญ่จะรู้สึกชื่นชมยินดี มีความสุขกันอย่างถ้วนหน้า ทั้งๆที่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่า การเกิดนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทั้งปวง
ในทางกลับกัน...เมื่อพูดถึง "ความตาย" คนส่วนใหญ่กลับมองว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัว น่าสลดสังเวช เป็นสิ่งอัปมงคลที่ไม่ควรเอ่ยถึง จึงพากันหลีกเลี่ยงการกล่าวถึง หรือระลึกถึงความตาย สุดท้ายก็ใช้ชีวิตด้วยความประมาท มัวเมาไปตามกิเลสตัณหา เพราะหลงลืมว่าเราทุกคนล้วนมีนัดกับความตาย
ทั้งที่หากพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่าความตายนี้ให้คุณแก่ผู้ที่ระลึกถึงเป็นอย่างมาก
ที่คนส่วนใหญ่มองว่าความตายเป็นเรื่องน่ากลัว นั้น นั่นเป็นเพราะใจของเขายังไม่ยอมรับสัจธรรมที่แสนธรรมดานี้ เมื่อไม่ยอมรับ แต่รู้ว่ายังไงก็ต้องเผชิญเข้าสักวัน เลยเกิดความทุกข์ เกิดความทุรนทุราย ไม่สบายใจ จนต้องเบี่ยงเบนความสนใจไปคิดเรื่องอื่นที่สร้างความสุขให้กับตนแทน สุดท้ายก็ทำให้เขามีชีวิตอย่าง "คนลืมตาย"
pixabay.com
ในบทความที่ผ่านมาผู้เขียนได้กล่าวว่า...ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาบนโลกนั้น ย่อมมีความตายติดสอยห้อยตามดังเงาตามตัวเสมอตั้งแต่แรก เหมือนกับเราได้ทำสัญญากับท่านพญามัจจุราชเอาไว้ ว่าหากได้เกิดมาแล้ว เมื่อถึงเวลาก็ต้องตายกลับไปตามสัญญา
การเปรียบเปรยนี้จะเห็นว่า...ท่านพญามัจจุราชได้มอบสิทธิ์ในการตายผ่านสัญญาให้แก่เราตั้งแต่เกิด เป็นสิทธิ์ผูกขาดที่ไม่อาจต่อรองผัดผ่อนได้
แต่ยังมีสิทธิ์อีกข้อหนึ่ง...ซึ่งถือเป็น"สิทธิพิเศษ" ที่ท่านก็ได้มอบให้แก่เราพร้อมๆกับความตาย ก็คือ "สิทธิ์ในการตายอย่างสงบ" หรือ"สิทธิ์ในการตายอย่างสง่างาม"
สิทธิพิเศษที่ว่านี้...มีเงื่อนไขว่าผู้ที่จะได้ครอบครองต้องเป็น "ผู้ไม่ลืมตาย" เป็นบุคคลผู้ไม่ประมาท เพราะหมั่นระลึกถึงความตายอยู่เสมอทุกลมหายใจเข้าออก จนใจยอมรับความจริง และคุ้นชินกับความตาย สามารถเปลี่ยนความคิดที่มองความตายเยี่ยงศัตรู เป็นมองอย่างมิตรสหาย มองอย่างครูบาอาจารย์ ที่คอยเคี่ยวเข็ญเราให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท และใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่า
นอกจากนี้การระลึกถึงความตายอยู่บ่อยครั้งก็จะช่วยให้ใจของเราได้เข้าใกล้ธรรมะมากยิ่งขึ้น จนท้ายที่สุดก็สามารถ"วางใจ"ต่อความตายได้อย่างถูกต้อง
ทั้งหมดที่ผู้เขียนได้กล่าวมานี้ คือเหตุผลว่า ทำไมเราทุกคนจึงควรหมั่นฝึกฝน และเตรียมตัว"ตายก่อนตาย"อยู่เป็นนิจ หากมองให้ดีจะพบว่าแท้ที่จริงความสำคัญล้วนอยู่ที่การ"วางใจ"ให้เป็น หรือ"วางใจ"ให้ถูกต้อง
แต่การที่จะวางใจได้อย่างถูกต้องนั้น ก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยจากการฝึกฝนอบรมจนใจคุ้นชิน จนใจยอมรับ และเข้าใจในความตายที่ไม่อาจหลีกหนีได้
ท่านทั้งหลาย...ในเมื่อหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะตัดสินวาระสุดท้ายของเรานั้นอยู่ที่การ "วางใจ" ดังนั้นผลที่ได้จึงขึ้นอยู่กับตัวเราล้วนๆที่จะต้องหมั่นระลึก และทำความเข้าใจกับความตาย รวมถึงการสะสมความดีต่างๆในตอนที่เรายังมีโอกาส เพราะเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวของเราเอง
เขียนโดยเพจ "ชอบธรรม..คำสอน"
อนุโมทนากับผู้อ่านทุกท่าน
pixabay. com
โฆษณา