28 ก.พ. 2019 เวลา 11:40 • ครอบครัว & เด็ก
คลอดเองธรรมชาติ ต้องอยู่โรงพยาบาลกี่วัน ทำอะไรบ้าง
จากประสบการณ์ท้องแรก ปี 2017 โรงพยาบาลศิริราช
วันที่ 1
พอกระบวกการแยกร่างสำเร็จ ประมาณเที่ยงคืน ออยได้นอนเตียงรถเข็นขึ้นมาที่ชั้น 13 เข้า ห้องพักมาพร้อมลูกที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเรา สามี และญาติๆก็เดินตามกันมาด้วย จริงๆออยจองห้องพักเดี่ยว แต่ช่วงนั้นเต็ม จึงได้เป็นห้องเตียงคู่ คือจะมีคุณแม่คลอดใหม่อีกเตียงในห้องเดียวกัน โดยมีม่านกั้นไว้ครึ่งห้อง อยู่ใครอยู่มันเป็นส่วนตัวได้บ้าง แต่ไม่สะดวกตรงที่ต้องใช้ห้องน้ำรวมกัน และได้ยินเสียงกันหมด แต่โชคดีที่ได้รูมเมทไม่เสียงดัง มารยาทน่ารักค่ะ
พอย้ายตัวแม่จากรถเข็นขึ้นเตียง พี่พยาบาลก็นำกระบะมาใส่น้องแยกออกไปดูแลให้ วัดไข้ วัดความดัน แม่ แล้วปล่อยให้แม่นอนพักผ่อน ตอนนั้นน้ำเกลือยังไม่หมดขวดก็เลยต้องนอนทั้งๆสายน้ำเกลือไปซักพักค่ะ
ส่วนสามีและญาติๆ ก็ตามเจ้าตัวเล็กออกไป ถ่ายรูป เห่อลูก เห่อหลาน ทิ้งอีแม่นอนเหี่ยวหมดแรง จริงๆ นอนไม่หลับเลยค่ะ ญาติจะนอนเฝ้าได้แค่คืนละคน คืนแรกพี่สาวนอนเฝ้าค่ะ 
ตี 3 - พยาบาลมาถอดสายน้ำเกลือ วัดไข้ วัดความดัน เปลี่ยนผ้าอนามัยให้ 
6 โมง - แม่บ้านมาปิดแอร์ เก็บขยะ ส่งเสื้อผ้าถุงสำหรับให้เปลี่ยนและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ 
8 โมง - แม่บ้านมาส่งข้าว - เก็บจาน เปิดแอร์
9 โมง คุณหมอมาตรวจ วัดไข้ วัดความดัน ดูแผล ทุกอย่างเรียบร้อยโอเค ไม่มีปัญหา เอากระโถนมารองก้นให้ฉี่ ถามว่าฉี่เองได้ไหม ถ้าไม่ได้จะสวนให้ ออยพยายามฉี่เอง แต่นอนฉี่มันไม่ออก ไม่อยากโดนสวนฉี่ ก็เลยขอลุกขึ้นนั่ง ฉี่ในกระโถน บนเตียง พยาบาลบอกว่า ถ้านั่งได้ไม่มึน ก็เชิญจ้า
เพราะยาชาหมดหมดฤทธิ์แล้ว เวลาลุกเวลานั่ง จะรู้สึกเจ็บแผล ยิ่งเวลาฉี่จะแสบมาก แต่ก็ยอมฉี่เอง เพราะไม่อยากโดนสวนฉี่ หลังจากนั้นก็เช็ดตัวให้แล้วก็เปลี่ยนผ้าอนามัยให้อีกรอบ เพิ่งเข้าใจว่าทำไมต้องใช้ผ้าอนามัยแบบห่วง เพราะผ้าอนามัยแบบห่วงไม่ต้องติดกับกางเกงใน จะมียางยืดเส้นนึงนัดไว้ที่เอว แล้วก็นำส่วนที่เป็นผ้า เกี่ยวไว้กับยาง เวลาเปลี่ยนก็แค่แกะส่วนผ้าออก แล้วใส่ใหม่ ผ้าอนามัยแบบนี้ การซึมซับแย่มาก เลอะผ้าลุง เลอะเตียง แต่เหมาะสำหรับคนนอนเตียง แล้วต้องมีคนเปลี่ยนให้ค่ะ
พอหมอตรวจเสร็จก็เอาลูกมาให้ สอนเปลี่ยนผ้าอ้อม สอนห่อตัวลูก พอดีว่าสามีเข้ามาเปลี่ยนเวรกับพี่สาวพอดี นางก็เลยได้เช็ดขี้เทาให้ ได้ฝึกเปลี่ยนผ้าอ้อม ห่อตัวลูกไปพร้อมกันเลย แล้วก็สอนเข้าเต้าค่ะ ถึงแม้น้ำนมจะยังไม่มา ก็ต้องให้ดูด เรามือใหม่ เอาเข้าเต้าไม่เป็น ป้าพยาบาลก็มาสอนแป็บๆ พอเห็นลูกเราอมๆแล้วก็ไป บอกว่า เที่ยงๆ จะมารับลูกไปตรวจนู่นนั่นนี่
ปล่อยให้เราพยายามให้นมลูกเอง พอพยาบาลออกไป ลูกไม่ยอมงับ ไม่ยอมดูด เราก็คิดว่าลูกไม่หิว ตอนเที่ยงแม่บ้านมาส่งข้าว พยาบาลเข้ามาวัดไข้ วัดความดัน ถามเราว่าแม่ฉี่กี่ครั้ง อึกี่ครั้ง น้ำนมมาหรือยัง ลูกฉี่กี่ครั้ง อึกี่ครั้ง แล้วก็มารับ ลูกออกไป ช่วยดูให้ บ่ายๆเอาโน๊ตบุ๊คตัวอ้วนๆเข้ามาให้ดูวีดีโอความรู้ เรื่องการดูแลเด็กอ่อน ให้นมลูก และทำแบบทดสอบหลังดูจบ
เย็นๆ ค่ำ น้องพยาบาลเอาลูกมาให้เข้าเต้า เราขอให้น้องพยาบาลช่วยสอนเข้าเต้า เมื่อเช้าป้าพยาบาลสอนท่านอน ตอนเย็นน้องพยาบาลสอนท่าอุ้มลูกฟุตบอล อีแม่งงมาก จะท่าไหนลูกก็ยังงับหัวนมไม่ได้ งับได้ก็ไม่ถึงฐาน น้ำนมก็ยังไม่ไหล เริ่มเครียดและเจ็บหัวนม ต้องขอนมเสริมมาป้อน ป้อนนมก็ยังไม่เป็น ต้องขอให้สอนป้อนกันอีก
คืนนี้พี่สาวมาเปลี่ยนเวรกับสามีค่ะ คืนนี้พี่สาวจะมานอนเฝ้า พยาบาลถามว่า คืนนี้จะเอาลูกไว้เลี้ยงเอง หรือจะนอนพักแล้วฝากไว้อีกซักคืน เรายังคิดไม่จบเลย พี่สาวบอกว่าลองเลี้ยงเองเลย ฝึกไว้ๆ กลับไปบ้านจะได้ไม่ลำบาก คือในใจยังคิดอยู่เลยว่า ยังเจ็บจิมิอยู่เลย จะลุกไปฉี่เองยังลำบาก แล้วจะลุกเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกได้อย่างไร
ไม่เป็นไรพี่สาวเอ่ยมาขนาดนี้แล้วยังไงก็มีคนช่วยเลี้ยง แต่นางนอนหลับจ้า คือไม่ใช่ไม่ช่วยนะ ช่วยดูเวลาร้อง แต่คนที่ต้องลุกต้องทำ คืออีแม่คนเดียว เข้าใจพี่สาวว่าเค้าก็ไม่เคยมีลูก ไม่รู้จะทำไง ทำไม่ถูกเหมือนกัน ทำให้คืนที่ 2 ก็ยังไม่ได้หลับเลย แค่หลับตาคิดเรื่องน้ำนม ลูกก็ร้อง พอลูกเงียบ พยาบาลก็เข้ามาวัดไข้ วัดความดันกันทุกๆ 3-4 ชั่วโมง วันที่ 2 นี่ร่างพังมากๆ
วันที่ 2
ปวดไปหมดทั้งตัว เนื่องจาก เรายังไม่หายเจ็บแผล แล้วต้องลุกๆนั่งๆบ่อยๆ เราก็เลยลงน้ำหนักไปที่แขน และบางทีก็เกร็งขา เกร็งเอว ทำให้ปวดเมื่อยไปทั้งตัว กิจวัตรประจำวันจะเหมือนวันแรกคือ 
6 โมง - แม่บ้านมาปิดแอร์ เก็บขยะ ส่งเสื้อผ้าถุงสำหรับให้เปลี่ยนและเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ 
8 โมง - แม่บ้านมาส่งข้าว - เก็บจาน เปิดแอร์
9 โมง - คุณหมอมาตรวจ วัดไข้ วัดความดัน ดูแผลเรียบร้อยโอเค แต่ที่ไม่โอเคคือน้ำนมยังไม่มา แล้วก็เอาลูกเราไปตรวจ ทุกครั้งที่มีการตรวจ วัดไข้ วัดความดัน พยาบาลจะถามตลอดว่า ตั้งแต่ 6 โมง แม่ฉี่กี่ครั้ง อึกี่ครั้ง น้ำนมมาหรือยัง ลูกฉี่กี่ครั้ง อึกี่ครั้ง ถ้าตอบไม่ได้ก็จะโดนดุ เราต้องจดเอาไว้เลยค่ะ
ผลการตรวจลูกคือ ลิ้นไม่มีพังผืดดูดนมได้ปกติ แต่ยังต้องดูเรื่องตัวเหลืองหรือไม่ ต้องนอนโรงพยาบาลอีก 1 คืน สายๆ พยาบาลเอาลูกมาคืน แล้วกำชับว่าต้องให้เข้าเต้า กระตุ้นน้ำนมนะคะ เราก็พยายามแต่ก็ยังผิดท่า จนหัวนมแตกทั้ง 2 ข้าง ยอมรับเลยว่าแรกๆไม่มีความสุขเลย เจ็บแผล ปวดตัว เจ็บหัวนม เครียดด้วย
ยังดีที่คืนที่ 3 สามีมาเปลี่ยนเวรกับพี่สาว คืนนี้สามีจะเป็นคนมานอนเฝ้า สามีนางช่วยเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกแทนให้ ช่วยป้อนนมให้ ถ้าลูกร้องไม่หยุดนางจัดการไม่ได้ ก็เข็นเอาไปฝากพยาบาล แล้วนางก็กลับมางีบ เราได้นอนหลับสนิทก็คืนนี้แหละค่ะ ตอนนอนหลับกลางดึกมีอาการหนาวสั่นๆ 2-3 ครั้ง และพอตื่นเช้าน้ำนมก็มาค่ะ
วันที่ 3
ตื่นเช้าน้ำนมมา ดีใจมากค่ะ รอเวลา 9 โมงให้คุณหมอมาตรวจ อยากได้ยินคุณหมอบอกว่า กลับบ้านได้ แต่ต้องแห้ว เพราะคุณหมอขอเจาะเลือดดูสารเหลืองน้องก่อน ในใจคิดในทางที่ดีว่า ไม่เหลืองๆ ได้กลับบ้านวันนี้แน่ๆ ไปอาบน้ำ แต่งสวย เก็บกระเป๋า เตรียมตัวไว้ก่อนเลย
11 โมง ป้าพยาบาลเข้ามาแจ้งผล ค่าสารเหลือง 15 ยังกลับบ้านไม่ได้ทั้งแม่ลูก ลูกต้องอยู่เข้าตู้ส่องไฟ แม่ก็ต้องอยู่ให้นมลูก กอดสามีร้องไห้เลยค่ะ 1 คือเสียใจ คิดว่าจะได้กลับบ้าน กลับไนนอนเตียงนุ่มๆสบายๆ 2 คือ เสียใจที่เราเลี้ยงลูกไม่ดี กระตุ้นน้อยเกินไป เอาเข้าเต้าผิดท่า ทำให้นมมาช้า และยังไม่มีความรู้เรื่องเด็กตัวเหลืองด้วย พอได้ยินว่าตู้ส่องไฟๆ ก็รู้สึกแย่เลย ตัวชา เข่าอ่อน รวมกับความเครียด 2-3 วันที่ผ่านมา ร้องไห้โฮ โดยลืมเกรงใจเตียงข้างๆเลยค่ะ
ถ้าเคสปกติ ลูกไม่มีอาการตัวเหลืองอย่างออย คงได้ไปทำใบเกิด รับสูติบัตร จ่ายเงิน กลับบ้านได้ ใน 3 วันค่ะ แต่พอมาเจอแบบนี้ ถามหมอว่า ต้องอยู่ต่ออีกกี่วันคะ หมอก็ตอบไม่ได้ เพราะต้องส่องไฟ แล้ว เจาะเลือดเช็คกันวันต่อวัน จนกว่าค่าจะลดลงคงที่ค่ะ
โฆษณา