27 ก.พ. 2019 เวลา 02:55 • บันเทิง
ซามูไร vs คาวบอย ความเหมือนที่แตกต่างของวัฒนธรรมภาพยนต์
สวัสดีครับท่านผู้รักการอ่าน (มั้ง) 😏 วันนี้ผมจะมาชวนคุยเบาๆ เกี่ยวกับรูปแบบหนังทั้งสองแบบ ซึ่งถือว่าเป็นญาติสนิท มิตรห่างๆ เป็นความเหมือนที่แตกต่างกันบนโลกภาพยนตร์ นั่นคือหนังเฉพาะแนว 2 แนวที่ผมเองชอบมากๆ
พูดถึงหนังแนวซามูไรและแนวคาวบอยนั้น มีความเหมือนกันตรงที่ เป็นหนังแนวดาร์กฮีโร่ นั่นคือผู้มีคุณธรรมกำจัดพวกคนชั่ว โดยไม่สนใจกฏหมาย อาจจะได้รับการว่าจ้างด้วยเงินลงขัน หรือเป็นซามูไรซังที่บังเอิญเดินผ่านมา ฮ่าๆ
จริงๆ แล้วหนังแนวนี้ถ้าคนไม่ชอบก็จะพูดว่า มันยืดเยื้อ ไม่สนุก กว่าจะชักปืนชักดาบได้ก็ล่อไปค่อนเรื่องแล้ว หรือถ้าคอหนังแอ็คชั่น ชอบซีนบู๊ดุเดือดเลือดสาด ก็คงต้องบอกว่าน่าผิดหวังไปนิด (แต่กระนั้นก็มีผู้กำกับอย่างเควนติน ทำหนังสนองนีด poeple ออกมาอย่างเรื่อง Kill Bill และ Django the unchained)
แต่!! เสน่ห์ และคุณภาพของหนังพวกนี้จะอยู่ที่การผูกเรื่อง การเล่าเรื่อง การลำดับเหตุการณ์ให้เห็นความขัดแย้ง ปมปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงจุดแตกหัก และไคลแม็กซ์ของเรื่อง คือหนังต้องดำเนินไปถึงจุดที่ "กูกับมึงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้วโว้ยย"
ทั้งหนังซามูไร และ หนังคาวบอย ล้วนมีความเหมือนกันตรงจุดนี้ คือเล่าความเป็นมาของคู่ขัดแย้ง ผู้ได้ผลประโยชน์ ผู้เสียประโยชน์ และบทสรุปของเรื่อง
และยังคงคอนเซ็ปไปไม่ลา มาไม่ไหว ตายไม่บอกไม่กล่าว ซึ่งเป็นจุดหักพลิกล็อค สร้างความเซอร์ไพรซ์ได้นิดหน่อย
"ไปไม่ลา" ก็คือตอนท้ายของเรื่อง เมื่อตัวเอกสะสางแก้ปัญหาจบแล้วก็ออกเดินทางท่องโลกต่อไปเงียบๆ ปล่อยให้เหล่านางเอกผู้โดนฟันแล้วทิ้งส่งสายตาจนลับไป
"มาไม่ไหว้" คือพวกตัวเองเนี่ยจะชอบมีเรื่องกันในซาลูน เหยียบตีนเจ้าถิ่น หรือเหล่านักเลงในร้านน้ำชาข้างทาง และมักจะมีการโชว์ออฟเป็นการวิวาทกันเล็กน้อย หยั่งเชิง หรือกระทั่งลากกันไปยิงนอกร้าน หรือดวลดาบกันต่อหน้าธารกำนัล เมื่อมีผลแพ้ชนะ ชื่อเสียงและพฤติกรรมของตัวเอกจะโด่งดังไปทั่วเมือง และถูกหมายหัวจากเหล่าร้าย
"ตายไม่บอก" ตรงนี้ผมชอบสุดๆ หนังแนวนี้จะไม่เหมือนหนังจีน หรือหนังอื่นๆ ที่กว่าจะตายได้นี่ก็ต้องร่ำลา ฝากฝัง สั่งเสียคำพูดสุดท้ายให้ทายาทปานจะทำพินัยกรรมตรงนั้น
แต่หนังแนวนี้คือ 1 เปรี้ยง 1 ดาบ ตัดสินความเป็นตายได้ และผู้แพ้มักไม่มีคำพูด ส่วนใหญ่ล้วนตายในดาบเดียว จากไปแบบไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆ ก็ตายไปซะยังงั้น เมื่อครึ่งค่อนเรื่องเอ็งยังคุยโว โอ้อวด ว่าจะหวดตัวเอก ก่อนแบกสังขารตัวเองไปถูกยิงดับดิ้นอยู่กลางถนนอะไรทำนองนั้น ซึ่งบางครั้งเองตัวละครที่ตายก็มักจะเป็นเพื่อน สหายตัวเอก หรือแม้แต่นางเอกเองในหนังแนวนี้ก็ตายได้เฉยๆ ถถถถถ
จะว่าไปความเหมือนที่แตกต่างกันจนได้แรงบัลดาลใจในการยำหนัง เอาเนื้อเรื่องซามูไรไปทำหนังคาวบอย อย่างในภาพที่ผมได้ลงนั้น จากเรื่อง Seven Samurai ไปสู่ 7 เสือ แดนสิงห์ ซึ่งมีการดำเนินเรื่องเหมือนกันเป๊ะๆ ต่างกันที่สาเหตุ และการดำเนินเรื่องเล็กน้อย แต่โดยรวมจะให้อารมณ์และความรู้สึกเหมือนกัน แฮร่
หรือแม้กระทั่งวรรณกรรมอันเลื่องชื่อลือโลกอย่าง "เซี่ยวลี้ปวยตอ" ในชื่อภาษาไทย แปลโดยท่าน ว. ณ เมืองลุง ว่า "ฤทธิ์มีดสั้น" เองนั้นก็ได้รับแรงบัลดาลใจจากหนังคาวบอยตะวันตกซึ่งกู่หลง(โกวเล้ง) มีโอกาสได้ดูนั่นคือเรื่อง Gun fight at the O.K. corral ในปี 1957 (ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องยอดนิยมในการนำไปสร้างหนัง เป็นการดวลปืนสนั่นโลก เรื่องราวชีวะประวัติของยอดมือปราบ นายอำเภอ ไวแอต เอิร์ป) ถ้าเป็นฝั่งของซามูไร เนื้อเรื่องที่นิยมหยิบมาทำมากที่สุดนั่นคือการดวลกันของยอดซามูไรแห่งยุค มูซาชิ และ โคจิโร่ (มูซาชิคือนักดาบที่ศึกษาปรัชญา และผู้เขียนคำภีร์ 5 ห้วงที่ได้แนวคิดจากขงจื้อ)
จะเห็นว่าอิทธิพลของหนังสองแนวนี้มักจะส่งผลถึงกันในทางอ้อม อันที่จริงผมเองก็ไม่ทราบด้วยซ้ำว่างานเขียนดั้งเดิมของทั้งสองอย่างนั้นเป็นมาอย่างไร แต่ในท้ายที่สุด มันจะมีความเหมือนที่ทำให้เราสะกิดใจได้
ผมก็ไม่ทราบนะว่าคนที่ชอบหนังคาวบอยนั้นจะชอบหนังซามูไรด้วยหรือไม่ เพราะในยุคที่หนังสองแนวนี้เริ่มล้มหายตายจากไปตามกาลเวลาและสมัยนิยมนั้น หากมีหนังดีๆแนวนี้ซักเรื่องนึงในปีนั้นก็ทำเอาผมตื่นเต้นและยอมเสียเงินไปดูในโรงหนังแล้วหละครับ ไม่ว่าจะดีจะแย่ จะคาดหวังหรือไม่ แต่ผมยังอยากเห็นหนังแนวนี้ยังคงมีชีวิต และโลดแล่นไปบนโลกภาพยตร์ต่อไปครับ 😊
แหย :3
โฆษณา