28 ก.พ. 2019 เวลา 01:16 • ท่องเที่ยว
แม่ฮ่องสอน... ม่านหมอก แห่งความสุข
วิ่งลัดเลาะทิวเขาเรื่อยๆ แวะเที่ยวกลางทางบ้าง หาไรกินบ้าง ผ่านโค้งแค่....พันกว่าโค้ง ..เอิ่ม ในที่สุด เราก็มาถึงปลายทางที่เราตั้งใจไว้ครับ เมืองแม่ฮ่องสอน...ถึงแม่ฮ่องสอนเกือบสี่โมงเย็น นี่ขับรถหรือขับเต่า แวะเข้าที่พัก แล้วรีบออกมาเดินตลาดเย็น ตอนเย็นช่วงใกล้ปีใหม่ แม่ฮ่องสอนจะมีถนนคนเดินหน้าวัดจองคำครับ มีโซนเสื้อผ้า โซนอาหาร ถนนคนเดินที่นี่ชิลป์มาก คนไม่เยอะเหมือนประตูท่าแพที่เชียงใหม่ ของที่ขายก็บ้านๆ เป็นพวกผ้าซิ่น ของที่ระลึกจากไม้ เสื้อยืดพิมพ์ลาย เดินสบายๆ ที่ตกใจคือเจอฝรั่งเยอะมากครับ หลายโลเลยทีเดียว เขียวๆทั้งนั้น ฮ่าฮ่า ล้อเล่นครับ ฝรั่งที่เป็นคนครับ ผมว่าครึ่งนึงบนถนนนี่เป็นฝรั่งเลย
เลี้ยวซ้ายไปโซนอาหาร ฟินกับอาหารพื้นเมืองไทยใหญ่มาก ถั่วพูอุ่น ตอนแรกไม่กล้าสั่งกิน หน้าตาเหมือนซุปเหลืองๆ คนในหม้อใหญ่ ภาพแม่มดคนยาในหม้อต้ม แฮรี่พอร์เตอร์ แวบเข้าสมองทันที เหลือบไปเห็นพี่ฝรั่งฮังการี ด้านข้างยืนซดด้วยความอร่อย เอาก็เอาวะ ... ชิมไปช้อนแรก สตั้นไปสามวิ โครตอร่อยเลยครับ รสชาติเหมือนซุปฟักทองที่ใส่พริกไทย อีกอย่างที่ลองคือข้าวเส้นโก้ เป็นเส้นบะหมี่สดยำ ใส่พริกป่นกับเครื่องยำไทยใหญ่ โดนอีกแล้วครับ อร่อยมากกกก ... หลงรักแม่ฮ่องสอนขึ้นทันที อยากอยู่ที่นี่จะได้ กินถั่วพูร้อน ทุกวันเลย ...
ช่วงเทศกาล ตอนกลางคืนที่วัดจองคำจะเปิดไฟประดับที่วัดเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวครับ สวย เหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในฉากหนังโบราณ ในพม่า ด้านหน้าวัดจองคำเป็น สระน้ำขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางของเมือง พอเปิดไฟกลางคืน เงาของวัดจองคำจะสะท้อนกับน้ำเป็นเหมือนกระจกเงาบานใหญ่ที่สะท้อนภาพความงามของวัดจองคำ เหมือนภาพวาดสวรรค์ในจินตนาการของผม ถ้าสวรรค์มีจริงก็คงสวยแบบนี้ล่ะมั้ง ผมรำพึงในใจ
เสียงนาฬิกาปลุกดังเป็นจังหวะหัวเตียง ผมควานมือไปคว้ามือถือ ขยี้ตาพลางดูเวลา ตีห้าครึ่ง ผมรีบสปริงตัวจากที่นอน เดินโซซัดโซเซไปคว้าแปรงสีฟันแปรงฟันล้างหน้า แล้วรีบคว้ากุญแจรถขับออกจากที่พัก เช้านี้เรามีนัดกับทะเลหมอกบนพระธาตดอยกองมูครับ แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองสามหมอกตามคำเล่าลือของทุกคนที่แวะผ่านมาครับ แล้วความเจ๋งอยู่ที่จากในเมืองแค่ 10 นาทีขับรถขึ้นวัดพระธาตดอยกองมู เท่านี้ก็ฟินกับทะเลหมอกได้แล้ว 10 นาที บ้าไปแล้ว ถ้าเป็นคนที่นี่หมายความว่าคุณสามารถขึ้นมาดูทะเลหมอกได้ทุกวัน โดยใช้เวลาแค่ 10 นาที ที่เด็ดกว่านั้นคือ บนพระธาตุดอยกองมู จะมีด้านหน้ากับด้านหลัง ทั้งสองด้านมีทะเลหมอกขึ้น พร้อมกันโดยที่วิวไม่เหมือนกัน ห่างกันแค่ ระยะเดิน 3 นาที ....
ขึ้นไปตอนแรกฟ้ายังมืดอยู่ ระหว่างเตรียมกล้อง ควานหาเลนส์ในกระเป๋ากล้อง ตรงจุดชมวิวด้านหน้า ก็ได้เสียงผู้หญิงลอยมาตามลมเบาๆ ผมขนลุกกรูด้วยความเย็นเยียบ ค่อยๆหันหน้าไปตามเสียง ก็เห็นเงาตะคุ่มตะคุ่ม ดูด้านหลังรูปร่างเงาดำเหมือนคนแต่ว่าไม่มีหัว ... .
กาแฟ ข้าวต้มมั้ยเจ้าาาาา ... เสียงเย็นๆลอยมาอีก เงาตะคุ่มนั้นโผล่หัวขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มสแยะ ผมสะดุ้งสุดตัว ตัวแข็งไปขณะนึง กาแฟ ข้าวต้มมั้ยเจ้า .... เจ้าของเสียงยังไม่หยุดเอ่ย เสียงเย็น... เอาวะเป็นไงเป็นกัน ผมนึกในใจ ค่อยย่องเข้าไปดูไกล้ๆ เมื่ออยู่ในระยะสายตา ความจริงก็กระจ่างออกมา
ผู้หญิงคนนึงกำลังยืนอยูหลังเครื่องชงกาแฟ มีหม้อข้าวใส่ข้าวต้มส่งไอร้อนฉุยลอยขึ้นปะทะลมเย็นบนเขา ช่วงปีใหม่ เจ้าอาวาสท่านให้พี่เอากาแฟ กับข้าวต้มมาบริการ นักท่องเที่ยวนะเจ้า .... เจ้าตัวพูดยิ้มแป้น อ่อ ... ครับ ผมสตั้นไปแป้บนึง ด้วยไม่มีอะไรจะพูดผมเลย โพล่งออกไปว่า ..... ขอกาแฟดำร้อนครับ
นั่งจิบกาแฟซักพัก หมอกไหลเอื่อยผ่านแก้วกาแฟเรื่อยๆ เหมือนเรานั่งอยู่บนฟ้า มีหมอกละลอกแล้วละลอกเล่า ไหลวน ไปวนมาล้อเล่นกับทิวเขาอยู่ไกลๆ นักท่องเที่ยวค่อยๆทยอยขึ้นมาบริเวณจุดชมวิว จนลานเล็กๆคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แล้วในที่สุดสิ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
พระอาทิตย์ดวงโต ค่อยๆไต่ทิวเขา ขึ้นบนเหมือนคพยายามตะเกียกตะหายหาอิสรภาพ จากสีส้มครึ่งดวง ค่อยๆ ไต่ทิวเขาขึ้นมาเต็มดวง ลอยทะยานขึ้นฟ้า เหลื่อมทิวเขาล้อมรอบเมืองแม่ฮ่องสอน ค่อยๆปรากฎตัว ขึ้น แสงสีทอง สาดเซาะเข้าสู่หมู่บ้านที่มองออกไปสุดลุกหูลุกตา หมอกบางกระจายตัวลอยล้อเล่นกับแสงสีทองของพระอาทิตย์ มองออกไปไกลๆ มีทะเลหมอกขึ้นอยู่ระหว่าง ซอกของเขา มองไปคล้ายน้ำตกจากฟ้าไหลลงจากสวรรค์ลงมาที่พื้นดิน
ผมรู้สึกตัวค่อยๆลอยขึ้นไปบนปุยเมฆ ล่องลอยไปตามเมฆหมอกก้อนนู้นก้อนนี้ ระหว่างที่หลับตาจินตนาการ ว่าเหมือนบนสวรรค์ ก็มีเสียงสวรรค์ลอยมาในจินตนาการ .....
ข้าวต้มที่สั่งไว้ได้แล้วน้อง ..หลับตาทำไม.. พี่เรียกหลายทีก็ไม่ได้ยิน รีบมาเอาข้าวต้มเร็ว คนอื่นเค้ารออยู่ ......
โฆษณา