7 มี.ค. 2019 เวลา 01:00
"5 สาเหตุที่ทำให้เกิด Disruption"
ในปัจจุบัน Disruption กลายเป็นปรากฎการณ์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภค และทำให้เกิดการล้มหายตายจากของบางธุรกิจ เพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันตามโลก ก็เป็นผลกระทบโดยตรงมาจาก Disruption
“รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” ประโยคคลาสสิคที่แม้จะอยู่ในยุคไหนก็จริงเสมอ
หากต้องการให้ธุรกิจอยู่รอดในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากรู้จุดแข็งของธุรกิจแล้ว สื่งสำคัญจะต้องรู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เกิด Disruption เพื่อที่จะได้ศึกษา และเตรียมตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก
”นวัตรกรรมใหม่ที่เกิดจากเทคโนโลยี 68%”
อินเทอร์เน็ต เปลี่ยนการสื่อสารทั่วโลกให้เชื่อมโยงกันเพียงไม่กี่วินาที
หุ่นยนต์ เข้ามาทดแทนการทำงานในสิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้หรือเสี่ยงอันตราย
1
คลาวด์เทคโนโลยีสร้างการเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่ดีกว่าในอดีต
เทคโนโลยีใหม่ ๆ เกิดขึ้นมามากมายในปัจจุบัน และมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตและภาคธุรกิจ เกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นและดีกว่า ทำให้สิ่งเดิมค่อยลดหายไป
ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าขึ้นมากเรื่อย ๆ และมีโอกาสสูงที่จะเข้ามาทดแทนสิ่งเดิมตลอดเวลาได้หรือไม่นั้น
สิ่งสำคัญคือ การมีมุมมองความคิดในแง่บวกกับมัน คิดว่าเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะนำมาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจ
”คู่แข่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ 55%”
ในอดีตการถนอมอาหารมักใช้ผลผลิตจำพวกเครื่องเทศ ก่อนที่จะรู้จักน้ำแข็ง เส้นทางสายไหมที่เคยเจริญรุ่งเรื่องถูกลดทอนบทบาทจากการเดินเรือทางมหาสมุทร
เทปคาสเส็ต ซีดี MP3 มีความนิยมน้อยลงหลัง Apple วางจำหน่าย iPod
โลกปัจจุบันเป็นยุคของการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบ คู่แข่งที่เกิดขึ้นมามักพร้อมกับสิ่งใหม่ ๆ ในการนำเสนอต่อผู้บริโภค นั่นหมายความว่าถ้าสิ่งใหม่ที่ถูกนำเสนอขึ้นมาดีกว่าของเดิมในตลาด ผู้บริโภคก็มีสิทธิ์ในการเลือกไปใช้ของที่ดีกว่า ทำให้สิ่งเดิมอาจถูกลดบทบาทลง หรือหายไปจากความต้องการ
สิ่งสำคัญในภาคธุรกิจต่าง ๆ คือต้องมีการวิเคราะห์อย่างชาญฉลาด จากคู่แข่งในตลาดอุตสากรรมของตัวเอง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนา และหาวิธีการรับมือและตอบโต้ได้อย่างถูกต้อง
”กฎหมาย/กฎระเบียบที่ถูกตั้งขึ้นมาใหม่ 53%”
กฎหมายปลูกกัญชาเสรีในต่างประเทศทำให้ผู้ค้ารายย่อยได้รับผลกระทบ การใช้บริการ Grab ที่ถูกกฎหมาย จะทำให้การใช้บริการแท็กซี่ภายในประเทศจะลดลง
Single Internet Gateway ถูกนำมาใช้ จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ทำได้ยากขึ้น
กฎหมายหรือกฎระเบียบที่จะถูกกำหนดขึ้นมาในอนาคต มีผลกระทบอย่างมากในการเปลี่ยนธุรกิจต่าง ๆ อาจทำให้ธุรกิจบางธุรกิจหายไปโดยสิ้นเชิง หากผิดหรือไม่เข้ากับหลักกฎหมายที่เกิดขึ้นมาใหม่
ในการวางแผนธุรกิจที่ดี คือการหลีกเลี่ยงกับความเสี่ยง หรือผิดหลักกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบัน มีการวางแผนไปถึงอนาคต ด้วยการคาดคะแนจากกระแสในภาพรวม
โดยเฉพาะกระแสโลก เพื่อที่จะสามารถลดปัญหาภายนอก และรวมไปถึงการมีโอกาสก่อนคู่แข่งในการสร้างช่องทางใหม่ หากสามารถคาดเดาได้ถูกต้อง
”การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม 51%”
การนำเข้าภาษาจากต่างประเทศมาใช้ทำให้หลงลืมรากศัพท์เดิม เครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนตามยุคสมัยทดแทนเครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม ธุรกรรมออนไลน์มีผู้ใช้มากขึ้น ทำให้ธนาคารสาขาถูกลดบทบาทลง
โลกยิ่งหมุนเร็วเท่าไหร่ คนยิ่งหมุนไวเท่านั้น สิ่งที่คาดเดาได้ยากก็คือการเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จากเดิมที่ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้อุปทานหมู่ในสังคมไม่มีความแน่นอน ธุรกิจหลายธุรกิจมาเร็วและก็จากไปเร็วก็มีให้เห็นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
วิธีการมองและความต้องการของคนในยุคนี้ เกิดจากการที่เขาไม่คิดเหมือนในอดีต ธุรกิจที่ถูกสร้างขึ้นมาในยุคนี้ นอกจากต้องเข้าใจถึงเรื่องความต้องการการตลาดแล้ว ยังต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสังคมในอนาคต เพื่อความอยู่รอดควบคู่กันไปด้วย
”การเปลี่ยนแปลงของประชากร 46%”
อัตราการเกิดน้อยลงมีผลทำให้โรงเรียนหลายแห่งเริ่มปิดตัว การย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานของประชากรต่างพื้นที่ทำให้เกิดความแออัด แนวโน้มผู้สูงอายุที่เยอะขึ้นทำให้ธุรกิจเกี่ยวกับคนสูงวัยเกิดมากขึ้น
การเปลี่ยนของประชากร มีผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเกิด การเติบโต การเจ็บป่วย การตาย หรือแม้แต่การโยกย้ายที่อยู่อาศัย ทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญทำให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สารธารณสุข การศึกษา และความต้องการใช้ทรัพยากรโดยรวมของสังคม เหล่านี้คือสิ่งที่ภาคธุรกิจต้องคำนึงถึง
“Disruption” อาจเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง หรือสร้างแนวทางใหม่ขึ้นมา แต่อย่าลืมไปว่า แก่นที่แท้ของความต้องการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนนั้นยังคงเหมือนเดิม เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้คนอ่านหนังสือน้อยลง ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ค่อย ๆ หายไป แต่ใจความหลักยังคงเดิม คือคนยังต้องการเสพข่าว เสพความเคลื่อนไหว แค่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางอื่นที่ดีกว่าแค่นั้น
สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่า ภาคธุรกิจจะปรับตัวให้เข้ากับ Disruption ได้ดีมากขนาดไหน เพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ควบคู่ไปกับภาคธุรกิจเอง
แหล่งอ้างอิง : https://accntu.re/2KFxz7w
โฆษณา