3 มี.ค. 2019 เวลา 02:15 • ประวัติศาสตร์
ตำราพิชัยสงคราม...พระเจ้าตาก!
จากกลมวย...พระยาพิชัยดาบหัก!
พิชัยสงครามสยามขนานแท้ ที่ไม่มีแม้แต่ลูกหลานสืบสานเป็นสมบัติชาติ...ตำรามหาราชชาตินักรบ!
http://www.appgeji.com/พระเจ้าตาก6204/
หากจะกล่าวถึงบรรดาตำรับพิชัยสงครามในโลก
ผู้คนก็มักแต่จะยกย่องและสรรเสริญคมความคิด
ของชาติต่างๆ
บ้างก็ว่าตำราพิชัยสงครามสามก๊ก
นับเป็นยอดแห่งกลยุทธ์
บ้างก็ว่าเป็นตำรับยุทธ์ของซุนวู ขงเบ้ง
หรือไม่ก็นักการทหารชาวตะวันตกอย่าง
พลเอกดักลาสแมคอาเธอร์
ไปจนถึงจักรพรรดินโปเลียนมหาราช
แต่มักจะขาดความรู้เกี่ยวกับตำราพิชัยสงคราม
ฉบับที่ใกล้ตัวที่สุดของชาติไทย
ผู้เขียนจึงขอเขียนบทความนี้ ถวายเป็นราชพลีบุญกุศล
ต่อดวงพระวิญญาณของ "มหาราชชาตินักรบ"
ผู้สถิตย์ ณ บนสรวงสวรรค์
และประกอบวีรกรรมอันหาญกล้า แต่บรรดาลูกหลานกลับไม่ได้เล่าเรียนศึกษาตำราพิชัยใส่ใจเท่าที่ควร
ย้อนกลับไปเมื่อราวปี พ.ศ. 2309 ก่อนสิ้นกรุงศรีอยุธยา
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด แสงเพลิงลุกไหม้
อยู่โดยรอบพระนครเป็นหย่อมๆ
https://m.pantip.com/topic/35856987?
ภายในอุโบสถวัดพิชัยที่นอกชานพระนคร
ปรากฎเงาตะคุ่มของนายทหาร 4 นาย
กำลังสุมความคิดท่ามกลางแสงเทียนเบื้องหน้า
พระประธานในพระอุโบสถ
ด้วยหมดหนทางที่จะกลับเข้าพระนคร!
หากรอช้าเสบียงก็จะถูกริดรอนลงเรื่อยๆ
และยังอาจถูกกองทัพพม่าที่ตั้งค่ายรายล้อมอยู่
บดขยี้เสียทั้งทัพ!
ไม่มีความช่วยเหลือจากในกรุง!
ข้าวที่หุงเริ่มร่อยหรอ สถานการณ์ย่ำแย่เข้าขั้นวิกฤต!!!
"กูคิดว่าอย่างไรเราก็จักต้องตีฝ่าออกไป!
ไปตายเอาดาบหน้า!!!"
"ดีเสียกว่าจักให้เสบียงหมดแล้วพม่ามันมา
บั่นคออยู่เยี่ยงนี้!!!"
ผู้เป็นนายหมายมั่นกำชับหนักแน่น
"พวกเอ็งจงเร่งคิดการเอาเถิด ว่าเราจักตีฝ่าวงล้อมนี้
ไปได้อย่างไรกัน???"
ครั้นแล้วความเงียบได้เข้าปกคลุมไปชั่วขณะ
เพราะแม้จะทราบแผนการล่วงหน้าแล้วว่าเป้าหมาย
ในการตีฝ่าวงล้อมคือการไปที่เมืองจันทบุรี
แต่การตีฝ่าวงล้อมพม่าที่ล้อมอยู่หลายชั้นด้วยกำลังเพียงหยิบมือนี้มิใช่เรื่องง่าย!
https://panudet14.wordpress.com/2013/09/19/สมเด็จพระเจ้าตากสิน-มหา/
"กระผมมีวิธีขอรับ!" หลวงพิชัยอาสาขาน
ทำลายความเงียบขึ้น
แม่บทอันเป็นต้นตำรับพิชัยสงครามสยามที่ใช้มาถึง
ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ตอนนั้น
แผนการตีฝ่าวงล้อมของหลวงพิชัย
ผู้เป็นเอตทัคคะในชั้นเชิงมวยไทยที่หาผู้ใดเปรียบมิได้
ก็เป็นความคิดมาจากการ "สืบเท้าเดินมวย" อันว่าด้วยการกำหนดโอกาสเพื่อควบคุมสถานการณ์ในการต่อสู้
อันได้แก่
"...หมัดหน้า ศอกหน้า หัวไหล่หน้า คือกองทหาร
ลาดตระเวนและทะลวงฟันของกองทัพหน้า..."
"...เท้าหน้า คือทัพหน้า เข่า คืออาวุธหนัก ประจำกองทัพหน้า เป็นอาวุธสำหรับการรุกรบระยะประชิด..."
"...เท้าหลัง คือ ทัพหลัง..."
ในแผนการเคลื่อนทัพนั้น เรียกว่า "ปีกกา" หรือ
"เกล็ดนาคา" กระจายซ้อนกันอยู่เป็นระลอก
เหมือนคลื่นน้ำ
แล้วเคลื่อนกำลังหนุนกันขึ้นมา!
ศิลปมวยไทย : นายขยะ
การกำหนดโอกาสเพื่อเป็นการควบคุมสถานการณ์ก็คือ การเข้าตัดกำลังของกองกำลังที่สำคัญในแต่ละส่วน!
ไม่ให้ทำงานหนุนเสริมกำลังกันได้!
การกำหนดโอกาสในวิชามวยไทย ก็เสมือนกับ
การเดินทัพในตำรับพิชัยสงคราม
เมื่อสามารถแยกการทำงานประสานกัน
หรือการเข้าเสริมกำลังซึ่งกันและกัน!
ระหว่างส่วนของร่างกายซ้ายกับขวาของคู่ต่อสู้ได้!
ความเป็นผู้สามารถควบคุมและกำหนดสถานการณ์
ย่อมเป็นที่ชัดเจนของฝ่ายเรา
หลวงพิชัยจึงเสนอให้ใช้กลยุทธ์ "เกล็ดนาคา"
"ตรึงเท่าหน้า...โอบเท้าหลัง...พังลำตัว!"
จนพม่ารวมตัวไม่ติด!
พระยาตากตบเข่าฉาดใหญ่! ชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์เชิงกลยุทธ์อันหาผู้เปรียบมิได้ของนายทองดี
http://oknation.nationtv.tv/blog/sonorwut/2013/07/16/entry-1
มีคำสั่งให้จัดกระบวนทัพแยกออกเป็น 3
กองพันทหารม้าปืนลูกซองยาวของ "พระเชียงเงิน"
ให้ทำหน้าที่่เป็น "หมัดหน้า...ศอกหน้า...หัวไหล่หน้า"
กองพันทหารราบอาวุธหนักของ "หลวงพรหมเสนา"
ให้เป็น "เท้า/เข่าหน้า" ช่วยบดขยี้ร่วมกับทัพหน้า
กองทะลวงฟันของ "หลวงพิชัยอาสา" ให้ทำหน้าที่
เป็น "เท้าหลัง" คอยเหยียบย่ำศัตรูให้จมดิน!
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก
ขบวนม้าปืนลูกซองยาวของพระเชียงเงิน
ควบมาเป็นสาย
เมื่อเข้าใกล้ทัพพม่าที่ตั้งแนวขวางอยู่นั้น ทัพม้าก็
แปรขบวนเป็นแนวยาวควบขนานไปกับกองทัพพม่า
เสียงปืนและเสียงฝีเท้าม้าดังระงมไปทั่วท้องทุ่ง
พร้อมๆกับศพพม่าเป็นร่วงเรียงรายไม่หยุดหย่อน
ปัง!!! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!!!
ขบวนม้าปืนลูกซองยาวดูราวกับเป็น "เกล็ดนาคา"
ขนาดใหญ่ที่กำลังเลื้อยผ่านกองทัพพม่าและบังหวนควันพ่นพิษจนข้าศึกล้มตายระเนระนาด
สิ้นเสียงฝีเท้าม้าแต่ยังไม่ทันสิ้นกลิ่นควันปืนที่ลอยคลุ้งจนทัพพม่ามองอะไรแทบไม่เห็น
http://wowboom.blogspot.com/2011/01/flintlock-musket.html?m=1
แสงเพลิงจากปากกระบอกปืนของทหารราบที่นำโดยหลวงพรหมเสนาก็ปรากฏขึ้นเป็นแนวยาวตลอดทุ่ง
พม่ารามัญไม่ทันเตรียมตัวล้มตายกันเป็นใบไม้เกลื่อน
ยังมิทันที่พม่าจะหายขวัญหนีดีฝ่อ
ทหารราบพลปืนแนวที่สองก็เดินรุกเข้ามาแล้วลั่นไกแผดเสียงกัมปนาทไปทั่วทั้งท้องทุ่งอีกคำรบ
1
ปัง!!! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!!!
ทหารพม่าล้มตายอย่างหนัก!
1
ฝันร้ายของกองทัพพม่าที่ตั้งค่ายอยู่ใกล้วัดพิชัย
ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หลังจากที่แสงเพลิง
และเสียงปืนสิ้นสุดลง
ไพร่ราบติดดาบสองมือนำโดยหลวงพิชัยอาสาก็กรูกันเข้าสังหารพวกพม่าที่แตกตื่นหนีตายกันไม่เป็นกระบวน
ฉัวะ!!! ฉับ!!! ฉัวะ!!! ฉับ!!! ฉัวะ!!! ฉับ!!!
ทหารราบพลปืนเข้าสมทบซ้ำพม่าที่ล้มลงไปแล้ว
ด้วยพานท้ายปืนบาดเจ็บล้มตายกันอย่างหนัก
หลังจากที่จู่โจมพม่าจนแตกพ่ายแล้ว หลวงพิชัยอาสา
ก็วิ่งนำหน้าบรรดาไพร่ราบทั้งพลดาบพลปืนออกไป
oknationblog.net
ทัพพม่าที่มีจำนวนมากกว่าเริ่มรวมตัวกันขึ้นมา
ได้ส่วนหนึ่ง แม่ทัพของพวกมันที่สวมเกราะหนา
สั่งการเป็นภาษาพม่าวุ่นวายไปหมด
ไม่นานนักก็รวมกำลังจัดเป็นขบวนได้
แล้วเร่งตามทหารไทยไป
ทัพม้าปืนลูกซองยาวของพระเชียงเงินที่ดักซุ่มอยู่
แต่แรกจัดการเก็บกวาดกองทัพพม่าจนล้มระเนระนาดอีกคำรบ!
ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าตามหลวงพิชัยอาสา
และหลวงพรหมเสนาไป
แม่ทัพพม่ายังคงไม่ลดละ!
สั่งการให้บรรดาไพร่พลรวบรวมกำลังขึ้นมาใหม่
หมายจะตามตีทหารไทยให้แหลกยับให้จงได้!
พระยาตากซึ่งขี่ม้าอยู่รั้งท้ายสุด!
ประทับปืนลูกซองในมือขวาลงบนแขนซ้ายที่ใช้บังคับม้า รวบรวมสมาธิก่อนลั่นกระสุนสังหารออกไป
กระสุนนั้นตัดขั้วหัวใจแม่ทัพพม่าล้มลงชักตาตั้งแน่นิ่งอยู่กับพื้น
ทัพพม่าเสียขบวนอีกคำรบเพราะขาดผู้นำ
และจึงพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงต้องล้มเลิกความคิด
ที่จะติดตามทัพพระยาตากต่อไป
https://sites.google.com/site/watkungtaphao/history/taksin?tmpl
เกี่ยวกับหลักฐานว่าด้วยกลวิธีการใช้อาวุธ
อันล้ำสมัยของ "กองพันทหารม้า" ปืนลูกซองยาว
พระยาตาก นั้น
ได้มีการกล่าวถึงเอาไว้ในเชิงตำนาน
กึ่งพงศาวดาร
ว่าด้วยความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
กับสายตระกูลผู้ปกครองหัวเมืองปักษ์ใต้
อันได้แก่ ไชยา สงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง
ว่าในคราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงดำรงตำแหน่งเป็นมหาดเล็กอยู่ในราชสำนักของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวสุริยาศอมรินทร
หรือสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์
ทรงได้มีการติดต่อกับนายทหารชาวฝรั่งเศส
อยู่เป็นประจำ
ด้วยทรงเป็นผู้มีพระทัยใฝ่รักศึกษาตำราพิชัยสงคราม
ทั้งในด้านสยาม จีน และฝรั่งเป็นอันมาก
http://wowboom.blogspot.com/2011/01/flintlock-musket.html?m=1
ได้มีเกร็ดประวัติศาสตร์บันทึกการสนทนา
ระหว่างมหาดเล็กสิน และนายทหารฝรั่งเศสผู้ถูกเนรเทศนามว่า "มาธิว" เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางทหาร
ปรากฎในหนังสือ "ตากสิน มหาราชชาตินักรบ" ว่า
มาธิวพยายามอวดภูมิความรู้ชั้นนายทหารของเขา
แต่ไร้ผล...สินไม่เคยพอใจกับคำตอบของเขา!
สินมักจะพูดให้นายมาธิวขายขี้หน้าเสมอว่า
"...เอ็งบอกว่าการฝึกทหารจักต้องตั้งแถวเหมือนเต้น
บัลเล่ต์ ข้ามิรู้ว่าบัลเล่ต์เป็นเยี่ยงไร แต่ถ้าข้าศึกก็ใช้วิธีเรียงแถวยิงแบบบัลเล่ต์เช่นเดียวกัน..."
"...เมื่อมาประจันหน้ากันมันจะมีประโยชน์เยี่ยงไร
แถวใครใหญ่กว่าลูกปืนมากกว่าก็ชนะไปก็เท่านั้น..."
สินชี้แจงให้เขาฟังว่า ประเทศฝรั่งเศสก็เป็นเช่นเดียวกับสยาม การรุกรบอย่างรวดเร็วจะได้เปรียบกว่า
สินมักเล่าถึงวิธีการรบในจินตนาการที่เขาใคร่ครวญ
มานาน เกี่ยวกับการนำกองทหารที่ติดอาวุธแบบฝรั่ง
http://wowboom.blogspot.com/2011/01/flintlock-musket.html?m=1
มาใช้ประสานกับกลยุทธ์ตำรับสมเด็จพระนเรศวรฯ
ที่เหมือนการโจมตีของตัวต่อ!
"...โจมตีไม่ให้ทันรู้ตัว! ทำลายการขนส่งของข้าศึก! และเสบียงอาหาร...แล้วก็ถอย! ออกมารวมกลุ่มใหม่...แล้วจึงเข้าโจมตีใหม่อีก! เหมือนฝูงตัวต่อที่ต่อยดะไปทั่ว...!
แรงบันดาลใจดังกล่าวประกอบกับการอาศัยค้นคว้า
ตำราพิชัยสงครามการทำกระสุนดินดำแบบจีน
ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินได้เรียนรู้ผ่านการล่องเรือ
สำเภาไปเมืองจีนกับญาติฝ่ายพระราชบิดามาแต่ครั้งทรงพระเยาว์
ทำให้ทรงสามารถร่วมกับพระญาติที่มีกำลังทรัพย์
ร่วมสร้างโรงงานผลิตปืนลูกซองไว้ใช้ในกองทัพ
ณ พื้นที่ ต.คันธุลี อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี
โดยแปรสภาพมาจากโรงตีเหล็ก โรงหลอมเหล็ก
ของเครื่องฝัดข้าวและเครื่องสีลม ซึ่งเป็นทรัพย์สิน
ของบิดาท่าน
ที่มาอันเป็นตำนานกึ่งพงศาวดารของ "กองพันทหารม้า" ปืนลูกซองยาวของพระยาตากก็มีมาแต่บัดนั้น
http://upic.me/show/49016378
นอกจากนั้นยังทรงเชี่ยวชาญตำรับพิชัยสงครามฝ่ายสยามอย่างละเอียดจนถึงรู้ว่า
"...แม้จะทำพิชัยยุทธหรือต้องการให้มีชัยต่อศัตรูฝ่ายตรงข้าม ให้เข้าทางทิศหางนาครุกไปสู่ทิศหัวนาค..."
มีรายละเอียดในนาม "ตำราดูนาคประจำเดือน" ดังนี้
"เดือนอ้าย ยี่ สาม เรียกวาโยธาตุ นาคหันหัวไปทาง
ทิศทักษิณ...หางอยู่ทิศอุดร"
"เดือนสี่ ห้า หก เรียกเตโชธาตุ นาคหันหัวไปทาง
ทิศประจิม...หางอยู่ทิศบูรพา"
"เดือนเจ็ด แปด เก้า เรียกปฐวีธาตุ นาคหันหัวไปทาง
ทิศอุดร...หางอยู่ทิศทักษิณ"
"เดือนสิบ สิบเอ็ด สิบสอง เรียกอาโปธาตุ นาคหันหัวไปทิศบูรพา...หางอยู่ทิศประจิม"
ช่วงเวลาที่พระยาตากตีฝ่าวงล้อมออกไปนั้นนาคจะหันหัวหันหางไปทางทิศใดไม่อาจทราบได้
แต่ว่ากองทหารม้า "นาคาพ่นไฟกาฬ"
ศิลปมวยไทย : นายขยะ
อันพ้องชื่อกับแม่ไม้มวยไทยอันเป็นลีลาสกัดเท้าหน้า
สลับหมัดหน้า-หลังรุมตีพร้อมกันทั้งบนทั้งล่าง!
ก็ได้ล้างผลาญทหารพม่าที่เรียงรายอยู่รอบวัดพิชัย
ให้บรรลัยไปตามกัน!!!
จากนั้นบทเพลงแห่งการกู้ชาติ ก็ดังกังวานสืบมาอีก
ถึง 250 ปี!
ก็ใครกันเล่าที่ทรงนำเอายุทธวิธี "หนีเอาชัย" ตามหลักพิชัยสงคราม "หนีคือยอดกลยุทธ์" ใน 36 กลยุทธ์ดังว่า
"...การถอยหนีคือการเคลื่อนย้ายอย่างมียุทธวิธี
หาใช่ต่อสู้อย่างไร้ความยั้งคิด..."
"...แต่จะถอยอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับชั้นเชิงในการหลอกล่อศัตรูของผู้เป็นแม่ทัพเอง..."
ถ้ามิใช่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช!
วีรกษัตริย์ "วิปลาส" ตามคำปรามาสของ
ตำราเรียนไทยผู้นี้เอง!
https://twitter.com/zoofoncloud
อ้างอิง
ตำราพรหมชาติ : ฉบับสมบูรณ์
ศิลปมวยไทย : นายขยะ
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช : เสนีย์ นรเศรษฐ์
ตากสิน มหาราชชาตินักรบ : Claire Keefe -Fox
36 กลยุทธ์ พิชัยสงครามสนามธุรกิจ : หวังเซียนหมิง
เรียบเรียงใหม่โดย
//The Chariot
โฆษณา