สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” (The Bermuda Triangle) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ” (the Devil’s Triangle) อาณาเขตลึกลับและโด่งดังเรื่องมนุษย์ต่างดาว ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เหตุใดทุกสิ่งที่ผ่านไปบริเวณนั้นจึงได้หายสาบสูญไป เสมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุใดก็ตาม เรามาลองทำความรู้จักกับสถานที่แห่งนี้กันก่อนครับ
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดานั้นเป็นอาณาเขตที่สมมติขึ้นมาในมหาสมุทรแอตแลนติก ถ้าลากเส้นจากจุดสามจุดเชื่อมต่อกัน ตั้งแต่จุดแรกที่มหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก ไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และเปอร์โตริโก เชื่อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยม เนื้อที่ประมาณ 1.2 ล้านตารางกิโลเมตร ภายในบริเวณนี้เองที่มีการหายสาบสูญแบบผิดปกติเกิดขึ้นทั้งอากาศยาน และเรือเดินสมุทร ส่วนมากจะเกิดขึ้นในบริเวณบริเวณแนวชายฝั่งด้านใต้ โดยรอบหมู่เกาะบาฮามาสและช่องแคบฟลอริดา พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือพาณิชย์ที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีเรือผ่านพื้นที่นี้เป็นประจำทุกวันมุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และหมู่เกาะแคริบเบียน เรือสำราญที่ผ่านพื้นที่นี้ก็มีมากเช่นกัน เรือเที่ยวเองก็มักจะมุ่งหน้าไปและกลับระหว่างฟลอริดากับแคริบเบียนอยู่เป็นปกติ นอกจากนี้ ยังเป็นพื้นที่ซึ่งมีการสัญจรทางอากาศอย่างหนาแน่น ทั้งอากาศยานพาณิชย์และส่วนตัว ซึ่งมุ่งหน้าไปยังฟลอริดา แคริบเบียน และทวีปอเมริกาใต้
จุดกำเนิดของเหตุการณ์เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1945 เป็นต้นมา ปรากฎรายงานการหายสาบสูญอย่างผิดปกติในพื้นที่เบอร์มิวดาอย่างมากมาย เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่อง และเรือเดินสมุทรจำนวนนับไม่ถ้วน ชีวิตมนุษย์อีกนับพัน ได้หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้โดยไม่มีร่องรอยใดๆ ไม่มีซากศพ ไม่มีเศษชิ้นส่วนใดๆ ของเรือหรือเครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายประเทศที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียพยายามร่วมกันค้นคว้าหาคำตอบ ก็ยังไม่สามารถบอกสาเหตุ และวิธีทางป้องกันจากภัยลึกลับที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ารหายสาบสูญที่โด่งดังมากที่สุดจนทำให้ชาวอเมริกันต้องให้ความสนใจกับที่แห่งนี้ ก็คือ “การหายสาบสูญของฝูงบิน 19” ฝูงบินกองทัพเรือสหรัฐ ที่หายสาบสูญไปพร้อมกันทั้งฝูง ประกอบด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดทีบีเอ็ม อแวงเกอร์ห้าลำ ซึ่งอยู่ในระหว่างการฝึกบิน พร้อมกับชีวิตนักบินและพลเรือนประจำเครื่องรวม 14 นาย ในบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1945 นิตยสารอเมริกันลีเจียน ฉบับประจำเดือนเมษายน ค.ศ. 1962 ตีพิมพ์ว่าก่อนการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ผู้บังคับฝูงบินได้กล่าวว่า “เรากำลังเข้าสู่เขตน้ำขาว ไม่มีอะไรดูปกติเลย เราไม่รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน น้ำทะเลเป็นสีเขียว ไม่ใช่สีขาว”
สอดคล้องกับลักษณะการหายสาบสูญของเครื่องบินส่วนใหญ่ ที่ส่วนมากก่อนจะขาดการติดต่อกับฐานปฏิบัติการ จะรายงานถึงสภาพทุกอย่างที่ปรกติ บรรยากาศ และทัศนวิสัย สงบแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุ หลังจากนั้นก็จะหายไปแบบฉับพลัน ไม่มีแม้แต่การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ SOS บางครั้งที่ก่อนเครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบินมีเวลาพอที่จะแจ้งข่าวความผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการ ทุกรายงานแจ้งตรงกันว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่างๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องหมุนสะเปะสะปะไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองมองดูคล้ายหมอกหนาทึบ ทั้งๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน ท้องทะเลที่เงียบสงบกลับปั่นป่วนขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
นักวิทยาศาสตร์ นักสมุทรวิทยา และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ต่างก็พยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ส่วนมากทำได้เพียงแค่ตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ดังกล่าว โดยแบ่งได้หลายทฤษฏี (ขออนุญาตยกมาเฉพาะที่มีชื่อเสียง) ดังนี้ครับ