5 มี.ค. 2019 เวลา 05:59 • ไลฟ์สไตล์
โลก 2 ใบของคนเป็นโรคซึมเศร้า
6
และคนที่รู้คนสุดท้ายมักจะเป็นครอบครัว
1
วันก่อนเมย์ได้ไปคุยกับกลุ่มคนที่ทำเรื่องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า มีทั้งคนที่กำลังรักษาอยู่ คนที่หาย และคนที่ดูแลผู้ป่วย ต่างคนก็ต่างมีประสบการณ์เป็นของตัวเอง ซึ่งมันน่าสนใจมากเวลาที่ได้เข้าไปอยู่ในโลก 2 ใบของพวกเขา
โลกใบที่หนึ่งคือโลกความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญ มันคือการใช้ชีวิตปกติ และการมีหน้าที่การงาน
โลกใบที่สองคือโลกที่เขาต้องอยู่ด้วย 24 ชั่วโมง มันคือการตัดสินว่าตัวเองด้อยค่า มันคือการรู้สึกผิดตลอดเวลากับทุกเรื่องที่ทำ เสียงที่บอกตัวเองว่า ทำไปก็ไม่ได้ดีขึ้น ทำอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ หรือถ้าไม่มีวันทำมันได้หรอก
หัวใจของคนที่เผชิญกับโรคซึมเศร้า เป็นหัวใจที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นหัวใจที่เข้มแข็งกว่าที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าใจได้ เพราะเขาต้องเผชิญและต่อสู้กับโลกทั้ง 2 ใบ ต้องเผชิญกับเสียงคนอื่นตัดสินว่าเป็นคนขี้เกียจไม่ได้เรื่อง ไม่เอาไหนในโลกของความเป็นจริง แล้วยังต้องเผชิญกับเสียงของตัวเองที่ตัดสินว่าเราดีไม่พอตลอดเวลา
1
ในโลกของคนปกตินั้นการถูกตัดสินจากคนไม่กี่คนไม่กี่ครั้งก็อาจจะทำให้รู้สึกหดหู่ได้แล้ว แต่การต้องเผชิญการตัดสินจากตัวเองตลอดเวลา อาการหมดเรี่ยวแรงในการทำงาน และถูกคนภายนอกตัดสินว่าเป็นคนไม่เอาไหนเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ
ในช่วงที่เราคุยกันมีคนพูดว่า เราไม่เคยเห็นว่าการเป็นโรคซึมเศร้าคือความอ่อนแอ แต่มันคือความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อของมนุษย์บางคน ที่สามารถรองรับการตัดสินได้มากขนาดนี้จากโลกทั้งสองใบ
หัวใจที่โดนกัดกร่อนโดยไม่เคยหยุดพัก สามารถได้รับการเยียวยาได้หลายวิธี การไปหาหมอและการบำบัดก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำได้ง่ายมากที่สุดคือการโอบอุ้มเขาด้วยหมอนอิงแห่งความรัก ให้เขารู้ว่าเขาสามารถเอนหลังลงมา ซบไหล่เราได้โดยไม่เจ็บปวด ไม่โดนคำตัดสินทิ่มแทง
2
ครอบครัวมักจะเป็นคนสุดท้ายเสมอที่ได้ยินความเจ็บปวดของคนเป็นโรคซึมเศร้า ในนามแห่งความรักครอบครัวมักจะมีการตัดสิน บางทีเราก็ตัดสินใจไปแล้วว่าเธอควรจะมีความสุข เธอควรจะประสบความสำเร็จ เธอจะมีชีวิตที่ดี
1
มันเจ็บปวดเวลาที่เห็นคนที่เรารักไม่ได้มีชีวิตที่ดีอย่างที่เราคาดหวัง ความเจ็บปวดของครอบครัวอาจจะถูกสะท้อนมาเป็นการต่อต้านอาการที่กำลังเกิดขึ้น ไม่มีใครอยากทุกข์ และไม่มีใครอยากเป็นคนที่แย่ ความเจ็บปวดของผู้ป่วยนั้นไม่ได้ลดลงเมื่อเห็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เขาเป็น ในทางตรงข้าม ความเจ็บปวดนั้นจะถูกเยียวยาได้มากขึ้นเมื่อมีคน"เห็นอกเห็นใจ" และรับรู้ว่าเรากำลังเผชิญในสิ่งที่รับมือได้ยาก
1
คนใกล้ตัวต้องเข้าใจว่าคนที่เผชิญกับโรคซึมเศร้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครเสียใจ มากไปกว่านั้นเขายังเผชิญกับความรู้สึกผิดขนาดใหญ่เท่าโลก รู้สึกว่าเขาไม่ดีพอที่จะอยู่ในครอบครัว เขาไม่คู่ควรที่จะเป็นคนในครอบครัวของคุณ ไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนของคุณ
1
Andrew Solomon เคยพูดว่า เขาพยายามจะหาวิธีที่จะจบชีวิตตัวเอง โดยที่ทำให้คนรอบข้างของเขาเจ็บปวดน้อยที่สุด เมย์อยากจะชี้ให้เห็นว่า การที่คนเผชิญกับโรคนี้ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ใครผิดหวัง มากไปกว่านั้นเขายังเป็นห่วงว่าเขาจะทิ้งภาระไว้ให้กับคนรอบข้างอีกด้วย หลายคนประสบความสำเร็จในการฆ่าตัวตาย นั่นก็เพราะว่าเขาทนอยู่กับความทุกข์อันมหาศาลของเขาไม่ไหวอีกแล้ว
1
เมย์อยากจะชี้ความสำคัญของโรคซึมเศร้านี้เพราะโดยประมาณคนรอบตัว 10 คนของเราจะเป็นโรคซึมเศร้า 1-2 คน มันอาจแปลว่าเขาเป็นญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้ตัวเราก็ได้ ทุกคนเคยเห็นคนเป็นโรคซึมเศร้า แต่เราอาจจะไม่รู้เลย เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้เรากังวลหรือเจ็บปวดกับเขาแต่ประการใด หน้าเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส จนกว่าเขาจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
มีวิธีเดียวที่ทำให้เขากล้าพูดกับเรา คือการฟังอย่างไม่ตัดสิน ยังไม่คาดหวัง เพราะสิ่งที่เขาตัดสินตัวเองก็หนักเพียงพออยู่แล้ว ความผิดหวังจากคนที่พวกเขารัก สร้างความรู้สึกผิดและระทมทุกข์ให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก แล้วเขาจะเลือกที่จะลงกับตัวเองมากกว่าระบายออกมา
1
เมย์ไม่รู้จะสามารถพูดอะไรไปได้ดีกว่านี้ เพราะเมย์เองก็ไม่ได้มีความสามารถในการวินิจฉัย แต่เมย์เชื่อว่าความรักและการยอมรับจะช่วยลดคความทรมานและความเจ็บปวดของพวกเขาได้
3
เมย์ก็หวังว่า บทความนี้อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง อาจจะทำให้คนที่อ่านผ่านมา ฉุกคิดอะไรได้บ้าง ก่อนที่หลายๆอย่างจะสายเกินไป
ขอบคุณนะคะ
ป.ล. เมย์เลือกรูปปกคือ Robin Williams ดาราตลก ซึ่งจากไปด้วยโรคซึมเศร้าค่ะ
ป.ล.2 วันนี้มาแปลกและแหวกแนวหน่อย แต่ก็อยากจะแชร์ค่ะ ปัญหานี้อาจจะใกล้ตัวกว่าที่คิด
โฆษณา