แบบที่ 4 เป็นปลั๊กเฉพาะของรถ Tesla ที่ขายในอเมริกา และญี่ปุ่น ปลั๊กแบบนี้สามารถใช้ได้ทั้งการชาร์จแบบ DC Charging และ AC Charging ส่วนรถรถ Tesla ที่ขายในยุโรป ลุงคิดว่าคงต้องยึดตามมาตรฐานของยุโรป เลยใช้ปลั๊กแบบ Type 2 ครับ
Tesla Socket
การชาร์จแบบที่สอง คือ DC CHARGING เป็นการชาร์จโดยใช้ตู้ชาร์จที่อยู่นอกรถ (Off-board Charger) แปลงไฟAC ไปเป็น DC ตู้ชาร์จนอกรถสามารถทำให้มีขนาดใหญ่ แปลงไฟได้ปริมาณกระแสไฟมากๆ การชาร์จแบบนี้จึงเร็วกว่า บางครั้งเรียกการชาร์จแบบ DC ว่า Fast Charging สถานีชาร์จที่คล้ายปั๊มน้ำมันจะใช้การชาร์จแบบนี้
ปลั๊กที่ใช้กับการชาร์จ DC มีหลายแบบ แต่ที่ใช้มากเป็นปลั๊กแบบ Type 4 หรือ CHAdeMO (CHArge de MOve = "charge 'n' go") ใช้กับรถญี่ปุ่นทั่วโลก ชื่อนี้ได้มาจากประโยคภาษาญี่ปุ่นว่า “ O cha demo ikaga desuka” แปลว่า “รับชาสักถ้วยไหม?” ความหมายโดยนัยคือ ใช้เวลาดื่มชา (หรือกาแฟ)สักแก้วในระหว่างที่รอการชาร์จรถ
Type 4 : CHAdeMO Socket
ปลั๊ก DC อีกแบบหนึ่งที่ใช้กันมาก เรียกว่า GB/T ใช้กับรถไฟฟ้าในประเทศจีน
GB/T Socket
รถหนึ่งคันสามารถชาร์จได้สองแบบ คือ AC Charging และ DC Charging นอกจากรถTesla ในอเมริกาและญี่ปุ่นที่สามารถใช้ปลั๊กแบบเดียวสามารถชาร์จได้ทั้งสองแบบแล้ว รถไฟฟ้าแทบทุกคันจะมีเบ้ารับสายชาร์จสองแบบในรถ และอาจต้องมีสายชาร์จสองเส้นเพื่อใช้กับการชาร์จแต่ละระบบ
CCS-COMBO1 คือ การนำปลั๊กแบบ Type 1 ที่ใช้ชาร์จแบบ AC มาติดตั้งหัวต่อเพิ่มเพื่อให้สามารถชาร์จแบบ DC ได้
CCS -Combo 1
CCS-COMBO2 คือ การนำปลั๊กแบบ AC Type 2 มาติดตั้งหัวต่อเพิ่มเพื่อให้สามารถชาร์จแบบ DC ได้
CCS Combo 2
อีกนิดนึง ใกล้จะจบแล้ว..
สายชาร์จหนึ่งเส้น จะประกอบด้วยหัวปลั๊กสองด้าน คือ ด้านที่ต่อกับไฟบ้านหรือไฟโรงงาน และด้านที่ต่อกับตัวรถ หัวปลั๊กทั้งสองด้านอาจจะเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ ถ้าหัวสายด้านที่ต่อไฟบ้านเป็น Type 3 และหัวสายที่ต่อด้านตัวรถเป็น Type 1 จะเรียกสายชาร์จเส้นนั้นว่า Type 3 – Type 1 Charging Cable