6 มี.ค. 2019 เวลา 05:13 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
อยากเล่าเรื่องรถไฟฟ้าภาค 6 มาแล้วววว!
ขอโทษที่ให้รอนานหน่อยนะครับ ช่วงนี้ภาระกิจเยอะครับ เรื่องที่จะเล่าก็ค่อนข้างยาก เลยต้องรอนานกันนิดนึงนะ
ภาคที่แล้วเล่าเรื่องระบบชาร์จของรถไฟฟ้าไป ขอทบทวนนิดนึงนะ เพราะมันพันกับเรื่องหัวปลั๊กอยู่ครับ
ระบบชาร์จของรถไฟฟ้ามี 2 แบบ คือ AC Charging กับ DC Charging
AC CHARGING คือ การชาร์จแบบที่ใช้ตู้ชาร์จในรถ (On-board Charger) เป็นตัวแปลงไฟ AC จากไฟบ้านไปเป็นไฟ DC แล้วชาร์จเข้ารถ แต่เนื่องจากตู้ชาร์จในรถมีขนาดเล็กแปลงไฟได้กระแสไม่มาก เพราะพื้นที่ติดตั้งในรถมีน้อยและน้ำหนักตู้ชาร์จหนักเกินไปก็ไม่ดี การชาร์จแบบนี้จึงใช้เวลานานหลายชั่วโมง นิยมใช้กับการชาร์จที่บ้านตอนกลางคืนเสียบชาร์จไว้ แล้วมาใช้รถตอนเช้า หรือไปจอดรถชาร์จที่ทำงานทั้งวัน เลิกงานตอนเย็นก็ขับรถกลับบ้าน
ปลั๊กที่ใช้กับการชาร์จแบบ AC อยู่ 4 แบบ
1
Type 1 เป็นปลั๊กตามมาตรฐาน SAE J1772/2009 หรือเรียกย่อๆว่า J-Plug ใช้กับไฟเฟสเดียว ทั้งแบบ 120V และ 220V นิยมใช้มากในอเมริกา และ ญี่ปุ่น
Type 1 Socket
Type 2 เป็นปลั๊กตามมาตรฐาน IEC 62196 ใช้กับรถไฟฟ้าในยุโรป สามารถใช้ได้กับไฟเฟสเดียว(ไฟบ้าน) และไฟสามเฟส(ไฟโรงงาน)
Type 2 Socket
Type 3 ใช้มากในฝรั่งเศส ใช้มากกับปลั๊กด้านที่ต่อกับปลั๊กไฟของตัวอาคาร ออกแบบโดยบริษัท Scame บางครั้งจีงเรียกว่า Scame Plug (สเคม ปลั๊ก)
Type 3 Socket
แบบที่ 4 เป็นปลั๊กเฉพาะของรถ Tesla ที่ขายในอเมริกา และญี่ปุ่น ปลั๊กแบบนี้สามารถใช้ได้ทั้งการชาร์จแบบ DC Charging และ AC Charging ส่วนรถรถ Tesla ที่ขายในยุโรป ลุงคิดว่าคงต้องยึดตามมาตรฐานของยุโรป เลยใช้ปลั๊กแบบ Type 2 ครับ
Tesla Socket
การชาร์จแบบที่สอง คือ DC CHARGING เป็นการชาร์จโดยใช้ตู้ชาร์จที่อยู่นอกรถ (Off-board Charger) แปลงไฟAC ไปเป็น DC ตู้ชาร์จนอกรถสามารถทำให้มีขนาดใหญ่ แปลงไฟได้ปริมาณกระแสไฟมากๆ การชาร์จแบบนี้จึงเร็วกว่า บางครั้งเรียกการชาร์จแบบ DC ว่า Fast Charging สถานีชาร์จที่คล้ายปั๊มน้ำมันจะใช้การชาร์จแบบนี้
ปลั๊กที่ใช้กับการชาร์จ DC มีหลายแบบ แต่ที่ใช้มากเป็นปลั๊กแบบ Type 4 หรือ CHAdeMO (CHArge de MOve = "charge 'n' go") ใช้กับรถญี่ปุ่นทั่วโลก ชื่อนี้ได้มาจากประโยคภาษาญี่ปุ่นว่า “ O cha demo ikaga desuka” แปลว่า “รับชาสักถ้วยไหม?” ความหมายโดยนัยคือ ใช้เวลาดื่มชา (หรือกาแฟ)สักแก้วในระหว่างที่รอการชาร์จรถ
Type 4 : CHAdeMO Socket
ปลั๊ก DC อีกแบบหนึ่งที่ใช้กันมาก เรียกว่า GB/T ใช้กับรถไฟฟ้าในประเทศจีน
GB/T Socket
รถหนึ่งคันสามารถชาร์จได้สองแบบ คือ AC Charging และ DC Charging นอกจากรถTesla ในอเมริกาและญี่ปุ่นที่สามารถใช้ปลั๊กแบบเดียวสามารถชาร์จได้ทั้งสองแบบแล้ว รถไฟฟ้าแทบทุกคันจะมีเบ้ารับสายชาร์จสองแบบในรถ และอาจต้องมีสายชาร์จสองเส้นเพื่อใช้กับการชาร์จแต่ละระบบ
เพื่อความสะดวกจึงมีการรวมหัวปลั๊กแบบ AC-DC เข้าด้วยกัน เรียกว่า CCS หรือ Combined Charging Systemที่ใช้กันมากๆมีสองแบบคือ COMBO1 และ COMBO2
CCS-COMBO1 คือ การนำปลั๊กแบบ Type 1 ที่ใช้ชาร์จแบบ AC มาติดตั้งหัวต่อเพิ่มเพื่อให้สามารถชาร์จแบบ DC ได้
CCS -Combo 1
CCS-COMBO2 คือ การนำปลั๊กแบบ AC Type 2 มาติดตั้งหัวต่อเพิ่มเพื่อให้สามารถชาร์จแบบ DC ได้
CCS Combo 2
อีกนิดนึง ใกล้จะจบแล้ว..
สายชาร์จหนึ่งเส้น จะประกอบด้วยหัวปลั๊กสองด้าน คือ ด้านที่ต่อกับไฟบ้านหรือไฟโรงงาน และด้านที่ต่อกับตัวรถ หัวปลั๊กทั้งสองด้านอาจจะเหมือนกันหรือต่างกันก็ได้ ถ้าหัวสายด้านที่ต่อไฟบ้านเป็น Type 3 และหัวสายที่ต่อด้านตัวรถเป็น Type 1 จะเรียกสายชาร์จเส้นนั้นว่า Type 3 – Type 1 Charging Cable
นอกจากนี้จะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงหัวปลั๊ก เรียกว่า ADAPTOR CABLE จะสายเคเบิลสั้นๆที่ใช้ในการแปลงหัวสายจากแบบหนี่งไปเป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีติดรถไว้ เนื่องจากหัวปลั๊กมีหลายแบบ และแต่ละประเทศก็ใช้คนละมาตรฐานกัน
ผู้ผลิตรถทั่วโลกยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่จะใช้ปลั๊กชนิดเดียวกันให้เป็นมาตรฐาน ชนิดของปลั๊ก จึงขึ้นอยู่กับ ประเภทการชาร์จว่าเป็น AC-DC , ยี่ห้อรถ มาตรฐานของแตละประเทศ
สำหรับรถไฟฟ้าในไทย ลุงไม่มีข้อมูลว่าใช้หัวปลั๊กแบบไหนกันบ้าง ใครมีข้อมูลข่วยแชร์บอกลุงหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา