7 มี.ค. 2019 เวลา 07:22 • ความคิดเห็น
"กระเพราถาด​ 55​ บาท"
เชคบิลมาผมถามเจ๊เจ้าของร้าน "คิดตังค์ผิดหรือเปล่า"
เพราะปกติแล้ว​ กระเพราถาดจานนี้จะราคา​ 65​ บาท
เจ๊เจ้าของร้านบอกว่า​ ไม่ผิด​ แต่ตอนนี้ลดราคาจาก​ 65​ เป็น​ 55​ บาท​ เพราะลูกค้าบอกราคาเดิมมันแพง!
เธอว่า​ ลูกค้าบางคนก็ฉลาด​ จ้องจะสั่งแต่ของซึ่งวัตถุดิบก็แพงๆ​ เช่น​ หมูกรอบ​ กุ้ง​ ปลา​หมึก​ แต่จะเอาในราคา​ 55​ บาท
ผมสนทนาต่อจากนี้นิดหน่อย​ เช่น​ ทำไมไม่ติดป้ายให้ชัดเจนล่ะ​ เธอก็บอกว่าไม่ได้​ แล้วก็บ่นอีกสองสามประโยคซึ่งผมก็ไม่เข้าใจ
หลังอิ่มมื้อนี้​ ระหว่่างขับรถกลับบ้าน​ ก็ทำให้ผมคิดถึงเรื่องนี้ 2​ ประเด็น
ประเด็นที่หนึ่ง กลุ่มลูกค้า​
เห็นชัดๆว่า​ มี 2​ กลุ่ม
กลุ่มแรก​ คือ​ คนที่เคยกินแพงกว่านี้มาก​ ยกตัวอย่าง กินในห้างปริมาณขนาดนี้ ราคาน่าจะ​ 100​ บาทขึ้น​ไป ส่วนร้านทั่วไปที่ไม่ใช่ร้านนี้​ เท่าที่ผมเสาะหามาก็ต้องมี​ 60-80 บาทขึ้นไป​ ​ ผมจัดว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มนี้นะ​ เพราะชอบเดินตลาดก็รู้ราคาวัตถุดิบ​ ​ซึ่งราคาผัดกระเพราะปลาหมึกไข่ดาวถาดนี้​ ในราคา​ 55​ บาทผมว่ามันค่อนข้างถูกไปหน่อย
กลุ่มสอง​ คือ​ กลุ่มที่จ้องจะกินให้คุ้ม​ ไม่เข้าใจในต้นทุน​ หรือ​ รู้แต่ก็อยากจะจ่ายถูก​ๆ ผมว่ากลุ่มนี้ก็มองได้หลายแบบเหมือนกัน​​ คือ​ มองว่าเขาไม่แฟร์​ หรือ มีรายได้น้อยก็ได้
ซึ่งก็ได้ทำให้เข้าใจว่า​ ในการทำร้านอาหารข้างทาง​ คงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอ 2​ กลุ่มนี้
ประเด็นที่​ 2​ การโฟกัสกลุ่ม​
ผมสงสัย...ทำไมเจ๊เจ้าของร้านจึงเลือกโฟกัสลูกค้ากลุ่ม​สอง ที่บอกว่าแพง​ จนถึงกับยอมลดราคา​ ทั้งๆที่ผมเชื่อว่า​ ลูกค้าในกลุ่มแรกก็น่าเยอะ?
มองในเชิงความรู้สึก​ มันคือการขยายภาพ​ ของสิ่งที่เป็นลบ​ มาสู่การกระทำหรือเปล่า​?
ในความเป็นจริง​ หากลองเสิร์จร้านอาหารตามสั่งรอบๆ​เท้าที่ผมตระเวณอุดหนุนมา​ ร้านนี้ให้เยอะที่สุด​แล้ว
อารมณ์ว่า​เจ๊ไม่มั่นใจเลยหรือ​ ว่าราคาที่ตั้งมานี้​ มันถูกและคุ้ม​ สุดจัดในย่านนี้แล้วนะ​
หากผมเป็นเจ๊เจ้าของร้าน ผมยอมเสียลูกค้ากลุ่ม​สอง แล้วขายเฉพาะกลุ่มแรกดีกว่า​ เพราะเขาเห็นคุณค่าของเรา​ และก็น่าจะขายได้กำไรดีขึ้นหน่อย
ทั้งหมดที่เล่ามานี้​ คือ​ ผมฉุกคิดหลังการสนทนา​นะ​ คิดแล้วก็สงสัย​ ไว้เดี๋ยว​กลับไปถามเจ๊ดีกว่า​ เพราะผมน่าจะไปเป็นลูกค้าประจำแกอีกหลายเดือน
พิกัดร้าน​อยู่แถวนนฯนะครับ
โฆษณา