7 มี.ค. 2019 เวลา 08:53 • บันเทิง
Captain Marvel ได้แค่ผ่านมาตรฐาน !
เมื่อพลังของซูปเปอร์ฮีโร่...ไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป !!
หากตัดนามสกุล Marvel ออกไป ......
หนังซูปเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ !! (นอกจากเจ้าเหมียว Goose )
ด้วยความที่เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญของ End Game ทำให้ตัวหนังถูกยกระดับให้เป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญ และนั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแฟนๆ แต่หากนับว่านี่คือหนังซูปเปอร์ฮีโร่เรื่องนึง หนังไม่มีอะไรใหม่เลย...
และหากเทียบกับตระกูล Marvel ด้วยกันแล้วล่ะก็ เรื่องนี้ถือว่าถอยหลังไปอยู่ในระดับเดียวกับ Thor ( ปี 2011)
ปัญหาของหนังอยู่ตรงที่การพยายามเล่นกับพล็อตทวิสมากเกินไปจนละเลยการปูแบล็คกราวน์ของตัว Carol ซึ่งการปูแบล็คกราวน์ที่ว่านี้ในหนังมีพื้นที่รวมแล้วไม่ถึง 10 นาทีด้วยซ้ำ !! แล้วส่วนมากก็โผล่ออกมาเป็นช็อตหรือซีนเล็กๆเท่านั้น
อย่างที่แอดเคยกล่าวถึงปัญหานี้ใน Alita เช่นเดียวกัน เมื่อคนดูไม่รู้สึกอินกับตัวละคร ผลที่ตามมาคือทำให้ไดนามิกของหนังลดพลังลงไปอย่างมาก จุดพีคของหนังอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และในส่วนของพล็อตทวิสก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายหรือรู้สึกอินอะไร
หลายคนอาจจะมองว่าด้วยความที่ตัว Captain Marvel มีพลังสูงการต่อสู้จึงอาจจะทำให้ไม่ได้ลุ้น ซึ่งข้ออ้างนี้แอดต้องขออนุญาตปัดตกไปนะครับ การอ้างบริบทนี้ดูจะน้ำหนักน้อยเกินไป เมื่อเราหันไปมองซุปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC อย่าง ซูปเปอร์แมนที่มีพลังระดับเดียวกัน จะเห็นว่าการก้าวข้ามผ่านปมของตัวละคร 2 ตัวนี้ ให้อารมณ์น้ำหนักที่ต่างกันมาก (ซึ่งเป็นปมภายในเหมือนกัน ) การก้าวข้ามของ Captain Marvel ไม่มีความยากลำบากนักเมื่อเทียบกับ Super Man ทั้งๆที่มิติปมปัญหาของตัวละครมีความลึกที่สามารถสร้าง Conflict ได้ชัดกว่านี้
เมื่อ Conflict บางเบาการคลี่คลาย(Resolution)
สถานการณ์ของเรื่องก็เบาตาม และส่งผลให้ระดับความพีคนั้นลดลง เมื่อพิจารณาว่าหนังขับเน้นธีมเรื่องที่พูดถึง สปิริตที่มีอยู่ในส่วนลึกของตัวตนเราแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเราเป็นใครก็ตาม ( ซึ่งไม่ว่าเธอจะเป็น Carol,Vers หรือCaptain Marvel ก็ล้วนมีจิตวิญญาณเดียวกัน )
ความไม่สมูทอีกสิ่งหนึ่งของหนังคือการพยายามเล่นกับแฟชั่นย้อนยุค การพยายามนำเอาความป๊อปของยุค 90’s มาเล่น ไม่ว่าจะเป็นการอิงหนังอย่าง True Lies (เพื่อเชื่อมกับความเป็นเฟมินิสต์ ) ภาพนักบินแบบ Top Gun การใส่เพลงของ No Doubt ,Garbage , Nirvana รวมถึงการใส่ Easter Egg ต่างๆเข้ามามันดูจงใจเกินไปซึ่งต่างกับความสมูทรของ ReadyPlayer One แต่โอเค.... ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมเป็นที่ถูกใจของแฟนๆยุคนั้น แต่หากพูดถถึงเหตุผลแล้วจะเห็นว่าอุปกรณ์ล้ำยุคของชาวครีนั้นสามารถเชื่อมกับอุปกรณ์ต่างๆได้ง่ายมาก โดยไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลากับเรื่องบางเรื่องเลย
การพยายามดันภาพเฟมินิสต์ในเรื่องนอกจากตัวละครจะเป็นผู้หญิงแล้ว อุดมการณ์ที่พูดถึงในจุดนี้เท่าที่เห็นก็มีแค่ปมตอนต้นเรื่องที่ Vers ถูกจำกัดพลังจาก Yon ที่เป็นผู้ชาย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเด่นเลยจริงๆหนังไม่มีพลังในการขับเน้นตรงนี้
จุดแข็งและข้อดีของหนังอยู่ที่พลังการแสดงของ Samuel ที่แบกหนังไว้แทบจะทั้งเรื่อง ในส่วนของ Brie แอดให้ผ่านครับแต่ยังไม่ถึงกับดีนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวบทไม่ได้เปิดพื้นที่ตรงนี้ให้เธอมากนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากๆเมื่อว่ากันที่ความสามารถของนักแสดงระดับออสการ์อย่างเธอ
สำหรับใครที่ดูแล้วมีประเด็นอะไรอยากพูดคุยกันคอมเม้นมาได้เลยนะครับ จุดไหนเห็นแย้งอย่างไร มาแลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ
#แอดเจได
โฆษณา