9 มี.ค. 2019 เวลา 02:15 • ประวัติศาสตร์
ตำนานรัก...พระเจ้าตาก!
ตำนานกึ่งพงศาวดาร ความรัก / ร้าวฉาน / สามัคคี
"ยามสบตา...ยลดวงพักตร์...สุดจะหักใจให้ลบลืม
หรือเทวาส่งมาปลอบปลื้ม...ในชัยชำนะเหนืออังวะบุรี!"
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
"เป็นสตรีที่งามพร้อมสรรพ...เป็นต้นตำรับผิวพม่าตาแขก
ดรุณีในวัยรุ่นแรก...ผู้แหวกกองทัพนักรบกระเจิง!"
ท่วงทำนองดังกล่าว
มาจากบทเพลงที่ร้อยเรียงเรื่องราว
โดยแอ๊ด คาราบาว หรือยืนยง โอภากุล
นักร้องเพลงเพื่อชีวิตผู้เป็นตำนานของเมืองไทย
เนื้อเพลงดังกล่าวเป็นการบอกเล่าเรื่องราว
เกร็ดประวัติศาสตร์
อันเป็น "ตำนานกึ่งพงศาวดาร" ที่น้อยคนจะได้รู้จัก
เป็นเรื่องรักสามเส้าที่เกิดขึ้นระหว่าง "หลวงพิชัยอาสา" กับ "หลวงพรหมเสนา" และ นาง "มินตะยา"
สาวพม่าผู้เลอโฉมที่ปะปนตัวเข้ามาภายในทัพ
"เจ้าตาก" ภายหลังที่ตีฝ่าพม่าออกมาจากวัดพิชัย
เรื่องราวนี้ได้เคยถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์
เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่ทว่าด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ
ทำให้กระแสตอบรับของภาพยนตร์ในคราวนั้น
ไม่ดีเท่าที่ควร
ในวันนี้ผู้เขียนจะขอนำเรื่องราวอันเป็น
"ตำนานกึ่งพงศาวดาร" นี้
มาตีแผ่ให้เป็นที่รับรู้กันอีกครั้ง
หรือหากผู้ใดสนใจเรื่องราวหลังจากที่ได้
อ่านบทความของผู้เขียนแล้ว
อาจลองไปสืบค้นภาพนตร์ "The Lord of Ayuthaya"
ก็อาจจะยังมีหลงเหลืออยู่ในโลกออนไลน์
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
เรื่องราวอันเป็นปฐมเหตุก็มีอยู่ว่า
เมื่อครั้งที่พระยาตากตัดสินใจรับ "หลวงพิชัยอาสา"
เข้ามาทำราชการด้วยกันที่เมืองตาก
"หลวงพรหมสนา" ซึ่งเป็นข้าหลวงเก่าและพอมีฝีมือ
ในชั้นเชิงมวยไม่เป็นสองรองใครมาก่อน
ได้หาเรื่องต่อยตีกับหลวงพิชัย
ซึ่งเป็น "หน้าใหม่" ที่ไม่ใคร่ถูกใจหลวงพรหมเสนานัก
การณ์ปรากฎว่าเชิงมวยของ"หลวงพรหมเสนา"
นั้นยังด้อยกว่า"หลวงพิชัยอาสา" อยู่หลายขุม
กลับกลายเป็นความอับอายและผูกใจเจ็บที่
"หลวงพรหมฯ" มีต่อหลวงพิชัยเรื่อยมา
กาลเวลาล่วงเลยมาจนถึงครั้งที่พระยาตากตัดสินใจ
ตีฝ่าวงล้อมออกจากวัดพิชัย
ทหารทั้งสองนายนี้ก็ยังคงติดตามพระยาตาก
ด้วยความภักดีเสมอมา
จุดเปลี่ยนมาเกิดขึ้นตรงที่ว่า!
1
เมื่อกองทัพพระยาตากมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ซึ่งภายในภาพยนตร์ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นแห่งหนตำบลใด
หลวงพิชัยฯ พระยาตาก และหลวงพรหมฯ ได้บังเอิญเข้าไปพบกับสตรีนางหนึ่งหน้าตาสะสวยราวกับนางฟ้า!
ซึ่งทั้งสามก็รู้ดีว่าเป็นพม่า
และเจ้าหล่อนก็กำลังคิดฆ่าตัวตาย!
สุดท้ายด้วยความซึ้งในน้ำใจที่ได้ช่วยเหลือไว้
นาง "มินตะยา" ผู้นี้ได้กลายมาเป็น
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
"ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด"
กับพระยาตากในระหว่างเดินทัพ!
แล้วเหตุการณ์ก็กลับมาตาลปัตร
เมื่อพม่าจัดทัพตามมาทันที่ปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา
พระยาตากเอาตัวเข้าแลกเป็นเป้าล่อ!
ถ่อเรืออยู่กลางแม่น้ำ
กับทหารจำนวนหนึ่ง ให้พม่าเข้าใจผิด!
แล้ววางกำลังส่วนหนึ่งขุดสนามเพลาะพลางตัวมิดชิดเตรียมเข้าโอบล้อมพม่าอีกทีหนึ่ง
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนทุกประการ!
แผนรุมสังหารพม่าเป็นไปด้วยดี
หากแต่ว่ายุทธวิธีดังนี้
ทำให้กองกำลังต้องแยกออกเป็นสองสาย
ได้แก่กองกำลังของทางเรือของพระยาตากส่วนหนึ่ง
และกองกำลังทางบกของหลวงพิชัยอาสา /
หลวงพรหมเสนาอีกส่วนหนึ่ง
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
ทั้งสองทัพนัดหมายแยกย้ายและไปรวมกำลังกัน
อีกทีที่เมืองระยอง
เหตุการณ์นี้ทำให้มินตะยาต้องจับพลัดจับผลู
มาอยู่ในทัพของหลวงพิชัยฯ และหลวงพรหมฯ
2
เหตุการณ์ซับซ้อนซ่อนคมมากยิ่งขึ้น
เมื่อปรากฎว่าพอไปถึงเมืองระยอง
ทหารเอกทั้งสองได้รายงาน
ว่านางมินตะยาตายไปเสียแล้ว!
ที่น่าฉงนก็คือ...
นายทหารทั้งสองต่างก็เล่าเนื้อความ
ของเหตุการณ์แตกต่างกันออกไป!
ซึ่งนายทหารทั้งสองกล่าวตรงกันว่า
ในระหว่างทางได้พยายามหลีกเลี่ยงหมู่บ้าน
ที่มีพม่ายึดครองอยู่เพื่อรักษาไพร่พล
จนได้มาพบกับ "ขุนชำนาญไพรสณฑ์"
คนท้องถิ่นที่ได้มาช่วยนำทาง
หลวงพรหมเสนาได้กล่าวหาว่าหลวงพิชัยแอบหลับนอนกับนางมินตะยาเสียด้วยกันกลางทัพ
จากนั้น "แม่นาง" ยังมาลักหลับกับขุนชำนาญไพรสณฑ์จนเกิดเป็นข้อพิพาท
หลวงพิชัยอาละวาดหนักสังหารทั้ง "มินตะยา" และ
"ขุนชำนาญฯ" ด้วยความหึงหวง!
ส่วนหลวงพรหมเสนานั้นหวุดหวิด
จะถูกฆ่าตายเป็นรายที่สาม!
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
แต่ด้วยเป็นคน "ทัพพระยา" มาด้วยกัน
หลางพิชัยจึงยั้งดาบ เพราะไม่ทราบจะไปตอบ
พระยาตากหากพลั้งมือฆ่าเพื่อนร่วมทัพไปว่าอย่างไร
ฝ่ายพระยาตากยังไม่หายสงสัย!
จึงลองฟังความข้างหลวงพิชัยบ้าง
หลวงพิชัยอ้างว่าได้เห็นมินตะยาหลับนอน
กับหลวงพรหมฯ
ซึ่งเป็นความที่ตรงกันข้าม
แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้น!
คือหลวงพิชัยได้สารภาพว่า
คืนหนึ่งขณะที่ตนกำลังเฝ้ายาม
แม่มินตะยาก็พยายามมาประเล้าประโลม
หวังจะคบชู้สู่ชายด้วย
เมื่อหลวงพิชัยไม่เล่นด้วย!
นางจึงสารภาพว่านางคือสายลับของแม่ทัพพม่า!!!
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
หวังแทรกซึมเข้ามาเพื่อชักชวนให้ทหารในทัพ
พระยาตากสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ากรุงอังวะ!
และหากตกปากรับคำเป็นพวกของนาง
ลาภ ยศ ชื่อเสียงก็จะอยู่อีกไม่ห่างไกล!
ดีกว่าไปตายเอาดาบหน้ากับพระยาตากที่ยังไม่รู้
จะหันหน้าไปทางทิศใด ณ ตอนนี้
หลวงพิชัยโกรธจัด!
ครั้นจะฆ่าเสียก็เห็นเป็นเมียนาย!
แลการที่มินตะยาเป็นสายของพม่าก็คงมีเพียงแต่เขาที่รู้
การฆ่าโดยปราศจากพยานหลักฐาน
อาจดูไม่สมเหตุสมผล!
จึงเพียงแต่ชักดาบออกมาแล้วชี้หน้าขับไล่นางไป!
จากนั้นมาหลวงพิชัยจึงเฝ้าแต่กลุ้มใจ!
จนกระทั่งนางเริ่มไปเล้าโลมขุนชำนาญไพรสณฑ์
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
ซึ่งก็ทนเสน่ห์ของนางไม่ไหวได้เสียเป็นเมียผัว
กับนางที่กลางธารน้ำ!
หลวงพิชัยเหลืออด!
จึงสังหารขุนชำนาญไพรสณฑ์
ผู้ที่เพิ่งจะได้เสพสมกับสายลับพม่าอย่างไม่รู้ตัว
แม้ว่าขุนชำนาญฯ จะร้องขอชีวิตอย่างไรก็ตาม!
เพราะอย่างไรก็ต้องรู้ว่าเป็นเมียนาย!
วินาทีที่นางมินตะยาเปลือยกายล่อนจ้อน!
ตระหนกตกใจอยู่ในน้ำนั้น!
คมดาบ "นันทกาวุธ" ของหลวงพิชัย
ก็ส่องประกายแวววับ
ตวัดฉับลงที่คอนางขาดกระเด็นไป!
จากนั้นหลวงพิชัยจึงตัดมวยผมที่ศีรษะของนาง
นำไปวางที่หน้าหลวงพรหม!
และประกาศว่านางคือสายลับพม่าที่หวังแทรกตัว
มาสร้างความแตกแยก!
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
และว่าตนได้สังหารขุนชำนาญซึ่งประพฤติชั่วไปแล้ว โดยเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ตนก็ทราบดี
ว่าหลวงพรหมฯ เองก็แอบมีความสัมพันธ์
กับมินตะยาเช่นกัน!
หลวงพรหมฯ หุนหันชักดาบไล่ฟันหลวงพิชัย
ด้วยไฟโทสะ และว่าหลวงพิชัยไม่มีสิทธิ์สังหารมินตะยา
ด้วยว่าเป็นหน้าที่ของพระยาตากที่จะต้องตัดสิน!
หลวงพิชัยใช้ด้ามดาบปัดคมตามแรง
จนหลวงพรหมเซถลาไป!
พร้อมกับถีบจนล้มแล้วเหยียบอกหลวงพรหมไว้
ดาบก็ชักออกจากฝักมาจ่อคอไม่ให้ลุกขึ้นมา!
"มึงฆ่ากูเลย...กูตายจักได้ไม่มีใครนำความเรื่องที่มึงบุ่มบ่ามสังหารเมียท่าน...ไปบอกท่านเจ้าคุณ!!!"
หลวงพรหมเสนาท้าทายอย่างไม่กลัวความตาย!
หลวงพิชัยนึกเสียดายหากจะต้องมาเข่นฆ่าสหายร่วมศึก
แลนึกถึงการใหญ่ว่าพระยาตากจะขาดคนมีฝีมือ
อย่างหลวงพรหมไปไม่ได้!
ก็ตัดสินใจเก็บดาบเสียแล้วแยกตัวออกมา
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
ณ วินาทีที่ไม่มีใครฉุกคิดนั้น
พระยาตากได้เบิกตัว "ขุนชำนาญไพรสณฑ์"
ซึ่งยังไม่ตายและได้นำกำลังส่วนหนึ่ง
พร้อมช้างศึกมาเข้าร่วมสวามิภักดิ์ต่อพระยาตากที่เมืองระยองก่อนหน้าทหารทั้ง 2 มาถึงนานแล้ว!
พระยาตากอยากฟังความข้างขุนชำนาญฯ
ขุนชำนาญจึงได้เล่าความจริงต่อหน้าบุคคลทั้ง 3 ว่า
หลวงพิชัยมิได้ฆ่าตนเพียงแต่ได้ขับไล่ออกไป
เพราะเห็นว่าอย่างไรก็คนไทยด้วยกัน!
ตนยอมรับว่ากระทำผิดที่เล่นชู้กับมินตะยาที่กลางน้ำ
แต่ด้วยความที่ตนก็ยังมีความหวงแหนบ้านเมืองอยู่ในใจ
จึงผิดสัญญาที่ให้ไว้กับหลวงพิชัยและดั้นด้นหาคน
และช้างมาร่วมทัพกับพระยาตากอยู่ดี
นอกนั้นเป็นดังที่หลวงพิชัยว่าทุกประการ!
เป็นอันว่าคนทั้งสามต่างมีความผิด
ทั้งในเชิงชู้สาว เล่าความเท็จ และกระทำการเกินหน้าที่
สิ่งที่คนทั้งสามบอกเล่าให้พระยาตากฟัง
ณ ภายในพระอุโบสถวัดราชบัลลังก์ในเมืองระยองนั้น
2
มีทั้งความจริง ความเท็จ และการบิดเบือนข้อมูล
ซึ่งพระยาตากก็ได้แจ้งแก่ใจว่าเป็นสันดานธรรมดา
ของมนุษย์ในการเอาตัวรอด!
แต่การที่บุคคลทั้งสาม
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
ซึ่งต่างก็มีเรื่องกินแหนงแคลงใจกัน!
ก็ยังอุตส่าห์ดั้นด้นกลับมารวมทัพเพื่อเข้าตีเมืองระยองและเดินทางต่อไปจันทบูรนั้น
ก็นับได้ว่ายังมีจิตคิดถึงแผ่นดินเป็นใหญ่!
จึงตัดสินใจไม่เอาโทษแก่บุคคลทั้งสาม
แม้ว่าท่านจะต้องเจ็บปวดหัวใจที่สูญเสียคนรักไปก็ตาม
ทั้งยังกลั้นพระทัยตรัสต่อไปว่า
"...บัดนี้นางได้ตายไปแล้ว...ความชั่วช้าของนางก็ได้ถูกเปิดเผย...หากพวกเอ็งไว้ชีวิตนาง..."
"...แล้วมาให้ข้าต้องเป็นคนกุดหัวนางเสียเอง...
พวกเอ็งลองตรองดูเถิด...ว่าข้าจะเจ็บปวดหัวใจ
เพียงใด...ที่ต้องมาตัดหัวนางอันเป็นที่รัก..."
"...แต่อีกมินานดอก...ข้าก็จักลืมนางไปเอง...!"
สิ้นเสียงสั่งดั่งว่า
พระยาตากก็หันมาตบไหล่เพื่อนร่วมตายทั้งสาม
โดยไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองใดๆ!
ทั้งสามรู้สึกซึ้งในน้ำใจของผู้เป็นนาย
ที่เห็นแก่การใหญ่ไม่เอาผิดเรื่องเก่าก่อน!
ต่างก็ลืมความแค้นเก่า แล้วหันหน้าเข้าประชุมหารือ
เรื่องการศึกในภายหน้าร่วมกันต่อไป
ภาพยนตร์ "เจ้าตาก" : ยืนยง โอภากุล
อีกไม่นานหลังจากนั้น
วีรกรรมการพร้อมใจกันยกพลเข้าตีเมืองจันทบูร!
ก็กึกก้องกังวาลต่อมาอีกชั่วกาลนานตราบจนปัจจุบันนี้!
เนื้อหาจาก
ภาพยนตร์ : เจ้าตาก
บทภาพยนตร์ : ยืนยง โอภากุล
กำกับ : ธนิตย์ จิตนุกูล
เรียงเรียงใหม่โดย
//The Chariot
โฆษณา