12 มี.ค. 2019 เวลา 02:15
หลวงปู่...กู้แผ่นดิน!!!
ตำนานหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้!!
เมื่อพระเจ้ากรุงสยามถูกท้าทายด้วยพราหมณ์จากลังกา "ภิกษุราโม" จึงอาสากู้หน้าสมเด็จพระเอกาทศรถ!!!
https://m.tnews.co.th/contents/475060
เชื่อว่าท่านที่ติดตามอ่านงานของผู้เขียน
ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวประวัติบุคคลสำคัญรวมทั้งศาสตร์โบราณหลายแขนง
ที่กำลังจะสูญหาย!
ก็อาจจะ "ต้องจริต" กับศิลปะ "พระเครื่อง" อยู่ไม่น้อย
ผู้เขียนมีความเชื่อว่าคงไม่มีสายพระเครื่องคนไหน
ที่จะไม่รู้จัก "หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้"
ที่เป็นที่โด่งดังตั้งแต่เมื่อมีการจัดพิมพ์ออกมารุ่นแรก
โดย "พระครูวิสัยโสภณ"
เจ้าอาวาสวัดช้างไห้เมื่อปี พ.ศ. 2497
และหลังจากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2505
จอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์ ได้มีการนำหลวงปู่ทวดแจกจ่ายให้กับทหารไทยที่จะไปรบในเกาหลี
ซึ่งก็ทำให้ชื่อของ "หลวงปู่ทวด" เป็นที่สักการะในหมู่ชาวไทยมานับแต่นั้น
คนทั่วไปคงพอจะรู้จักตำนานที่ว่า
ท่านมีอภิญญาถึงขั้นที่เอาขาจุ่มลงไปในน้ำทะเล
และใช้กระแสจิต "เชื่อมน้ำ / แยกธาตุ" จนทำให้
น้ำมีรสชาติจืดได้
https://m.tnews.co.th/contents/363572
แต่น้อยคนนักที่จะรับรู้ถึงวีรกรรมในการ "กอบกู้ศักดิ์ศรี"
อันเป็นวีรกรรมที่เกิดขึ้นต่อหน้าพระที่นั่ง
สมเด็จพระเอกาทศรถ
พระอนุชาในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช!
เรื่องมีอยู่ว่า...อยู่มาวันหนึ่ง!
มีคณะพราหมณ์จากลังกา
เดินทางโดยเรือสำเภาถ่อมาเทียบท่าที่กรุงศรีอยุธยา
พราหมณ์ทั้ง 7 ได้มายื่นสาส์น ท้าชิงเมือง
"...โดยให้ช่างตีแผ่นทองคำเป็นแผ่นเล็กๆ แล้วจึงจารึกอักขระจากพระคาถาของพระอภิธรรม 7 คัมภีร์...อักขระแต่ละคำแยกเป็นแผ่นๆ 7 คัมภีร์ จึงแบ่งได้ 7 แม่ขันทอง..."
และโดยที่ชาวลังกาในยุคนั้นมีความทระนงตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชนชั้นยอดอันเนื่องมาจาก
"พระไตรปิฎกฉบับหนังสือขอม" เผยแพร่มาจากลังกา!
"ลัทธิลังกาวงศ์" ก็สืบเนื่องมาจากเมืองลังกา!
"พระพุทธสิหิงค์" ก็ไปจากเมืองลังกา!
จึงอ้างว่าหากสยามมีความเหมาะสมที่จะเป็นที่ตั้ง
ของพระพุทธศาสนาก็ควรที่จะแก้ปริศนาชุดนี้ได้!
แต่ถ้าไม่ได้ก็ควรอัญเชิญคณะสงฆ์จากลังกามา "สืบสาย" เพื่อมิให้บวรพุทธศาสนามีอันต้องเสื่อมไป!
http://oknation.nationtv.tv/blog/moo-uay/2010/09/22/entry-1
อุบายนี้คล้ายมาด้วยความปรารถนาดี!
แต่แท้จริงมีเจตนาทางการเมืองแอบแฝง!
การแย่งชิง "อำนาจครอบงำเหนือดินแดน" โดยอาศัยแสนยานุภาพในทาง "ศาสนา" นำ "การเมือง"
เป็นเรื่องที่มีแต่โบราณนานมา!
สมเด็จพระเอกาทศรศทรงกลัดกลุ้มพระทัยยิ่งนัก!
ด้วยแม้จะมิกลัวกองกำลังของลังกา
ด้วยว่าสยามก็มีกำลังที่เข้มแข็งมาแต่สมัยสมเด็จพระเชษฐา ขี่เจ้าพระยาปราบหงสาวดีทำยุทธหัตถีมีชัย
แต่การ "เสียหน้า" ด้วยเรื่องศาสนานั้น!
ก็อาจทำให้ความ "เชื่อมั่น" ของบรรดาหัวเมืองต่างๆ
เกิดความเสื่อมคลาย!
จะเป็นภัยร้ายแบบ "น้ำซึมบ่อทราย" กระทบต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยาในภายภาคหน้า
เย็นวันหนึ่ง
พระภิกษุราโมเข้าถวายธรรมพระเจ้าอยู่หัวในวัง
ตามที่โปรดให้แสดงธรรมถวายเป็นประจำ
https://teerada12.wordpress.com/2012/06/30/ประวัติสมเด็จพระเอกาทศ/
พระภิกษุหนุ่มเห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงวิตกครุ่นคิดหนัก
จึงทูลถาม
และได้ทราบความเรื่องปริศนาชิงเมือง
ที่พราหมณ์ทั้ง 7 ส่งมาท้าทาย
พระภิกษุราโมจึงทูลว่าอย่าได้ทรงปริวิตก
ด้วยตนจะอาสากู้หน้าแทนชาวสยามในครานี้เอง!
เมื่อถึงวันนัด
พรามหณ์ทั้ง 7 ได้เอาปริศนาอักษรมาวาง
ต่อหน้าภิกษุหนุ่ม
ภิกษูหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าเหตุใดจึงไม่มีผู้ใด
จะอาสามาแก้ไข
ด้วยว่าในการแก้ปริศนาชุดนี้
จำต้องมีการถอดความถึง 4 ชั้น!
นั่นคือการถอดความอักษร "ขอม-บาลี"
แล้วจึงถอดความ "บาลี-คำไทย"
แล้วจึงเรียง "คำไทย" ให้เป็น "รูปประโยค" อีกทีหนึ่ง
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
ลักษณะการถอดความเช่นนี้
มิใช่แต่จะอาศัยการรู้หลักธรรมถ้วนทั่วทุกตัวครบ
แต่ว่าจำต้องเจนจบในวิชาอันเป็นหนึ่งใน 18 ศิลปศาสตร์ของสำนักตักศิลาโบราณ
ปรากฎเป็นหลักสูตรอยู่ใน "คัมภีร์มิลินทปัญหา"
ชื่อว่าวิชา "สัมมติ" หรือ "นิรุกติศาสตร์"
ว่าด้วยประวัติและวิวัฒนาการของภาษา
จากนั้นจึงนำมาเชื่อมต่อกับวิชา "ฉันทสา" หรือ
"ฉันทศาสตร์"
อันว่าด้วยการนำภาษามาทำเป็นร้อยแก้วร้อยกรอง
แบบต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาต่อไป
กุลบุตรลูกหลานไทยทั้งหลายควร "สังวรณ์"
ถึงคุณูปการอันเป็นของบรรพชนทั้งปวง
ทั้งในฝ่ายนักรบ "ศัสตรวิทยา" ที่ได้ประดิษฐ์คิดค้น
เชิงมวย เชิงดาบ ตำราพิชัยสงครามต่างๆ
ตลอดจนฝ่ายนักปราชญ์ "ศาสตรวิทยา"
ที่ได้นำคัมภีร์พุทธศาสนาจากทุกภาษามาตีความ
ให้ได้ตามศึกษากัน
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
อันส่วนหนึ่งก็เป็นฝีมือของพระภิกษุรามราโม
ในครั้งนี้เอง!
ภิกษุหนุ่มมิได้มีทีท่าหวันไหวประหวั่นในเชิงฉันทสา
ก้มหน้าทำสมาธิระลึกถึงครูบาอาจารย์แต่กาลก่อน
ทั้ง "สมภารจาง" แห่งวัดดีหลวง
ที่ บ้านสวนจันทร์ จ.สงขลา
"พระครูสัทธรรมรังสี" ที่วัดสีหยัง อ.ระโนด
"อาจารย์กา" วัดสีมา เมืองนครศรีธรรมราช
รวมทั้งสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงศรีอยุธยา!
จึงค้นพบหนทางแห่งปัญญาในการแก้ปริศนาอักษร
เริ่มต้นด้วยการนำมาเรียงรูปแบบเป็นกลบทกลกลอน
จากนั้นจึงถอนตัวสระมาประสมกลมกลืนไป
จากรูปอักษรขอม
มาสู่รูปอักษรไทยพ่อขุนราม
ก็จะได้รูประโยคใหม่ตามลักษณะที่เรียกว่า "บาลี"
จากรูปประโยค "บาลี" นี้
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
ยังต้องมีการถอดความเป็น "คำไทย" ในชั้นต่อไป
และแม้ว่าจะได้ผลเป็นคำไทยออกมาแล้ว
ก็ยังไม่แคล้วต้องนำมานั่ง "เรียงประโยค"
เพราะสิ่งทีถอดออกมาได้นั้นจะให้ความรู้สึกที่
ไม่ต่างอะไรกับ "จิ๊กซอว์ภาพแตก"
ที่จะยังไม่สามารถนำมาใช้ศึกษาให้เข้าใจได้
จนกว่าจะได้นำมา "เรียงใหม่" จนได้ใจความ
โดยเฉพาะหากมีกลโกงเข้ามาแอบแฝง!
เช่นการแสร้งซ่อนแผ่นโลหะจารึกอักษร
สัง วิ ทา ปุ กะ ยะ ปะ
เอาไว้ในมวยผมดังเช่นที่พราหมณ์ทั้ง 7 นายนี้กระทำ
ก็จะไม่อาจที่จะแก้ปริศนาได้
แต่การณ์นี้ก็ไม่อาจพ้นสายตาอันแหลมคม
ของภิกษุหนุ่มจนแก้ไขสถานการณ์ได้ในที่สุด!!!
ดังเช่นอักษรขอมตามที่เห็นอยู่ด้านล่างนี้
หากแม้นมี "ผู้รู้" บางท่านเข้ามาอ่าน
ก็จะเข้าใจในใจความได้ทันทีว่า
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
คือคาถา "พาหุงมหากา" ซึ่งสมเด็จพระพนรัตน์
วัดป่าแก้ว ร้อยกรองถวายแด่
องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ท่านผู้รู้เหล่านั้นอาจหลงตัวมัวเมาไปว่า
ตนนั้นเป็นปราชญ์ศาสนา จนลืมนึกไปว่าที่ตนรู้
ได้เช่นนี้ก็ด้วยบุญคุณของบรรพชนคนรุ่นก่อน!
ที่สั่งสอนถอดแบบฉันทลักษณ์ทางภาษามาให้ตนได้รู้!
ถ้าพินิจดูจากรูปประโยคนี้
"คำไทย" ที่จะมีต่อมาคือ
พาหุ - แขน
สหสสม - จำนวนหนึ่งพัน
ภินิมมิต - เนรมิต
สาวุธนต์ - อาวุธต่างๆ
หากท่านผู้รู้จะนำความรู้ดังนี้ไปแจ้งแก่มหาชน
คนทั้งหลายคนต้องพากันบูชาพระคาถาไปว่า
"...แขนหนึ่งพันเนรมิตอาวุธครบมือ..."
ซึ่งจะหาความหมายอันใดมิได้!
เพราะความหมายที่แท้จริงคือ
"...พญามารเนรมิตแขนตั้งพันถืออาวุธครบมือ
ขี่ช้างคิริเมล์โห่ร้องก้องกึกพร้อมด้วยเสนามาร
หมายมาประจญ..."
"...สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเอาชนะด้วย
ธรรมวิถี มีทานบารมีเป็นต้น ด้วยเดชแห่งชัยชนะนั้น..."
"...ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า..."
ฝีมือภาพโดย พระเทวาภินิมมิต กรมศิลปากร
ชัยชนะของพระภิกษุรามราโมสร้างความปีติให้แก่สมเด็จพระเอกาทศรถอย่างหาที่สุดมิได้!
พราหมณ์ทั้ง 7 นั้นอับอายขายขี้หน้ารีบลงสำเภา
ฝ่าคลื่นฝืนลมมุ่งกลับกรุงลังกาไป!!
เพื่อไม่ให้ถูกชาวไทยสายเลือด "อยุธยา"
รุมประชาฑัณฑ์!!!
ปรฺิศนาอักษรที่ภิกษุรามราโมแก้กลบทกลกลอน
ในคราวนั้นมีเนื้อความโดยแท้จริงว่าอย่างไร
ระยะทางอันยาวไกลของเวลาเกือบ 400 ปี
คงจะทำให้ยากต่อการสืบสวนให้รู้ข้อเท็จจริง
แต่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในข้อธรรมทั้ง 84000 พระธรรมขันธ์
น่าจะมีสักอันๆเป็นผลพวงจากการประลองปัญญา
ที่ถูกพงศาวดารลืมไปในครั้งนี้!
ความเป็นอัจฉริยะทั้งในเชิงข้อธรรมคำสอน
และในด้านภาษาศาสตร์ของพระภิกษุหนุ่มรามราโมนั้น
เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วทั้งพระนคร
ทำให้ท่านได้เลื่อนสมณศักด์เป็นถึง
"พระราชาคณะ" ที่ "พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์"
ตำแหน่งพระอาจารย์สอนพระธรรมวินัย
ทั้งยังทรงแต่งตั้ง "หลวงปู่ทวด"
เป็นที่ปรึกษาทางศาสนาประจำราชสำนักอีกด้วย!
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
นับเป็นการกระโดดข้ามขั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยว่าขณะนั้นภิกษุรามราโมยังมีอายุไม่ถึง 30 ปี!
1
หากจะเปรียบกับสมัยนี้
ก็เสมือนผู้ดำรงตำแหน่ง "ศาสตราจารย์"
ที่มีอายุน้อยที่สุดในประเทศนั่นเอง!
ฝ่ายทางเมืองนครศรีธรรมราชและสงขลา
โดยอาจารย์ทั้ง 3 และบิดามารดา
ก็ได้โดยสารสำเภาเข้ามาร่วมสมโภชในกรุงศรีอยุธยาซึ่งมีงานอย่างยิ่งใหญ่ตลอดทั้ง 15 วัน
ไม่กี่ปีหลังจากนั้นเมื่อบิดามารดาของท่าน
ชราภาพลงมาก
ท่านจึงเดินทางกลับไปจำพรรษายังบ้านเกิด
เมืองนอนที่ปักษ์ใต้
ท่ามกลางความอาลัยของพระเจ้าอยู่หัว
และประชาชนชาวกรุงศรีอยุธยา!
ต่อมาหลังจากนั้น
ตำนานอันเป็นอมตะของการค้นพบสถานที่
สร้างวัดช้างไห้!
และการเหยียบน้ำทะเลจืดอันลือลั่น!!
ก็ได้ถืออุบัติขึ้น!!!
https://m.tnews.co.th/contents/363572
"นะโม" - พุทธายะแสนกำจัด
"โพธิสัตวโต" - มาเป็นสุขี
"อาคันติมายะ" - ชนะไพรี
"อิติภะคะวา" - นี้ที่มงคล
//The Chariot
เนื้อหาเดิมจาก
ตำราเรียนอักษรขอม : อาจารย์สวิง บุญเจิม
หลวงปู่ทวดกับสมเด็จพระเอกาทศรถ : พลังจิต.com
มิติลี้ลับในพงศาวดาร : โรม บุนนาค
พุทธชัยมงคลคาถา : ไพยนต์ กาสี
ปรัชญามวยไทย : พ.ต.ท.ปริญนิช โภคทรัพย์
เรียบเรียงใหม่โดย
//The Chariot
โฆษณา