15 มี.ค. 2019 เวลา 14:09 • ท่องเที่ยว
สิ่งที่ Boarding pass ไม่ได้บอก แต่ใน E-ticket และแอร์ป้าอยากจะแชร์
เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรู้คู่การเดินทาง เพราะสิ่งเหล่านี้หากรู้ไว้จะทำให้ท่าน เดินทางได้อย่างสบายใจ และง่ายมากยิ่งขึ้น
ภาพตัวอย่างBoadring pass ที่บทความจะอ้างอิงจากข้อมูลนี้ เพื่อการอธิบายให้เข้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
เริ่มด้วยมาทำความรู้จักกับ Boarding pass กันก่อนดีกว่า..
Boarding pass ตั๋วเดินทาง หรือบัตรผ่านขึ้นเครื่องบินที่ท่านจะได้รับ หลังจากเช็คอินกระเป๋า ที่หน้าเค้าท์เตอร์สายการบิน โดยที่บางสายการบิน สามารถปริ๊นท์ออกมาด้วยตัวท่านเอง ที่ตู้เช็คอินอัตโนมัติ
อย่างสายการบินที่บ้านเรา เช่น แอร์เอเชีย
แต่ในต่างประเทศ ไม่ว่าจะยุโรป อเมริกา แคนาดา ก็มีตู้แบบนี้ในเกือบทุกที่ ทุกสนามบิน
●รายละเอียดใน Boarding Pass ที่บอกอะไรกับเรา
1.ชื่อสายการบินที่ท่านจะเดินทางด้วย
2. Class of booking หรือประเภทของการเดินทาง ในที่นี้คือ ชั้นประหยัด Economy
3.Sequence ลำดับการเช็คอิน แปลว่าท่านมาเช็คอินเป็นคนที่เท่าไหร่ในเที่ยวบินนั้นๆ
4.นามสกุล-ชื่อ ผู้เดินทาง
5.Flight Number เลขที่เที่ยวบิน
6.Boarding time หรือเวลาขึ้นเครื่องบิน
7.Gate หรือประตูทางออกขึ้นเครื่องบิน
8. Seat หรือหมายเลขที่นั่ง : วิธีดูคือ เลขตัวหน้าคือเลขแถวที่นั่ง ซึ่งเรียงจากน้อยไปหามาก ส่วนตัวอักษรที่ตามหลัง คือสิ่งที่จะระบุเก้าอี้ที่นั่งของท่านในแถวนั้นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะติดอยู่บริเวณที่เก็บของเหนือศีรษะ โดยจะอยู่บริเวณระดับสายตาหรือเหนือขึ้นไปขณะที่ท่านเดินเข้าไปในเครื่องบิน
9. Route เส้นการ การเดินทาง หรือจุดหมายปลายทาง จากที่ไหน ไปยังที่ไหน ในที่นี้คือ Bkk > HKG แปลว่า กรุงเทพฯ ไปยังจุดหมายปลายทาง คือ ฮ่องกง
10. วันที่ออกเดินทาง
11. Departure time คือเวลาเครื่องออกพร้อมเดินทาง ในที่นี้คือ 11:40
ซึ่งไม่ได้หมายความว่า เวลานี้ท่านจะยังขึ้นเครื่องบินได้ เพราะถึงแม้ท่านจะมาเร็วตรงเวลาพอดี หรือแม้แต่จะช้า ให้รีบจนสามารถมาทันเวลาก่อน Departure time ได้ซัก 5 นาที เช่น 11:35 แต่สุดท้ายก็ไปไม่ได้เพราะประตู Gate ได้ปิดลงไปแล้ว!!
และนี่คือสิ่งที่ Boarding pass ไม่ได้บอก
ประตู Gate จะปิดก่อนเวลาเครื่องออก (Departure time) 10-15 นาทีเสมอ ดังนั้นหากท่านเป็นคนตรงต่อเวลา ที่กำลังเดินชอปปิ้งใน ดิวตี้ฟรี เพลินๆ
โปรดอย่ายึดเวลา Departure time !! หรือเวลาที่เครื่องออก ที่แสดงอยู่ใน Boarding pass สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะหลายท่านที่ดูเวลาผิด จนตกเครื่องมาแล้ว
เพราะ Departure Time หากพูดง่ายๆ ก็คือเวลาที่ล้อหมุนแล้วนั่นเอง
ดังนั้น หมายความว่า!!
1.เที่ยวบินระหว่างประเทศ
สำหรับการ เช็คอิน ออนไลน์( Online Check-in)
ท่านสามารถเช็คอินล่วงหน้า ซึ่งสามารถทำได้ 24 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง (departure time) ผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน
2.การเช็คอินหน้าเค้าท์เตอร์สายการบิน
ท่านจะสามารถทำได้คือ 3 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องออกเดินทาง ( Departure time )
กล่าวง่ายๆให้เข้าใจมากขึ้น คือ..
เมื่อทานมีทริปจะออกเดินทางไปต่างประเทศ และเช็คดูเวลาเครื่องออก( departure time ) คือ 11:40 ของวันที่ 14 มีนาคม 2019(ตามตัวอย่าง) ท่านจะสามารถทำการเช็คอินออนไลน์ ที่เวลา 11:40 ของวันที่ 13 มีนาคม 2019 ผ่านทางเว็บไซต์สายการบิน
แต่หากไม่ทำการเช็คอินออนไลน์ ก็เตรียมตัวออกจากบ้าน เพื่อให้มาถึงที่สนามบิน เวลา 8:40 ของวันที่ 14 มีนาคม 2019 คือ 3 ชั่วโมงก่อนเวลาเครื่องออก(Departure time) จะเป็นเวลาที่เค้าเตอร์เช็คอินได้เปิดให้ท่านทำการเช็คอิน, ออกตั๋ว(Boarding pass) และโหลดกระเป๋า
[และอย่าลืมหากใครมีแบตเตอรี่สำรอง โปรดนำออกมาในขณะนี้ อย่าโหลดลงในกระเป๋าใบใหญ่ เพราะหากไประเบิดบนฟ้าขึ้นมา ต้องไม่สนุกแน่นอน]
ซึ่งเหมือนกันในกรณีเช็คอินออนไลน์ ที่ท่านจะสามารถมาโหลดกระเป๋าได้ ในเวลาดังกล่าว พร้อมกัน
ต่อมาเมื่อท่านได้ Boarding pass
โปรดเช็ค ของเหลว เจล สเปรย์ ให้ดี รวมถึง แบตเตอรี่สำรอง ที่ไม่สามารถโหลดลงในกระเป๋าใบใหญ่ แต่พกขึ้นเครื่องได้ ในจำนวนที่เหมาะสม
ของเหลวทั้งหลาย แต่ละขวดไม่ควรเกิน 100 ML เป็นมาตรฐานหลัก ซึ่งบางสนามบินอาจมีข้อกำหนดต่างออกไป
หลักจากนั้น..
ผ่านด่านตรวจคนเข้า-ออกเมือง ที่ท่านจะต้องแสดงตนเป็นผู้บริสุทธิ ไม่มีสิ่งต้องน่าสงสัย แม้แต่น้ำเปล่าก็ไม่สามารถพกเข้าไปได้ ถอดให้หมด ยืดอก พกความบริสุทธิ ทั้งแว่นตา หมวก รองเท้า...
แสกน Passport แล้วก็มาชอปปิ้งเพลินๆ แต่อย่าลืมดูเวลา!!
เมื่อเข้ามาใน Terminal แล้ว นอกจากจะเพลิดเพลิน กับดิวตี้ฟรี ชอปปิ้ง ในขณะเดียวกันนั้น ก็คอยมองหา Gate หรือประตูทางออกเครื่องบินให้ถูก
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หากท่านเดินเข้ามาตรงกลาง Terminal ซ้ายมือคือ Concourse A B C ตรงกลางคือ D ส่วนด้านขวา คือ E F G (โดยสังเขป)
ดังนั้น สิ่งที่ควรมองหา เมื่อเข้ามาใน Terminal เป็นสิ่งแรกคือ Gate เพราะจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น หากชอปปิ้งจนเพลิน ลืมเวลา สุดท้ายเกิดเรียก Final call ขึ้นมา ท่านจะได้วิ่งทัน ไม่ต้องวิ่งข้ามโลกจนเหนื่อย จนสุดท้าย ประตู Gate ปิด ตกเครื่อง เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วจริงๆ 👀
●สิ่งที่ควรรู้●
ประตู Gate จะเปิด ก่อนเวลาเครื่องออก (departure time) 40-45 นาที เสมอ!! (ซึ่งนั้นก็คือเวลา Boarding time ที่โชว์อยู่ใน Boarding pass)
และGate จะปิด 10-15 นาที ก่อนเครื่องออก( departure time) เสมอ เช่นกัน!!
2.การเดินทางภายในประเทศ
ที่ข้อกำหนดเรื่องเวลาอาจจะน้อยกว่า เนื่องจากตัดเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองออกไป แต่การเผื่อเวลาที่อาจจะมากกว่า เพราะดอนเมืองที่ทุกคนทราบดี หากไม่เผื่อเวลาให้ดี รถติด ตกเครื่องมาไม่ทัน ก็ช่วยไม่ได้เด้อออ...
Gate โดยปกติจะเปิดก่อนเวลาเครื่องออก(Departure time) 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับสายการบิน)
Boarding Time ประมาณ 20-30 นาทีก่อนเครื่องออก(Departure time)
ประตู Gate จะปิดก่อนเวลา 10 นาที จากเวลาเครื่องออก(Departure time)
ดังนั้นหากสังเกตุให้ดี ที่แอร์ป้าพยายามจะบอกคือ
ทุกสิ่งทุกอย่างอ้างอิงจากเวลาเครื่องออกเดินทางเสมอ "Departure time"
ดังนั้น บวกลบเวลากันให้ดี จะได้ไม่ตกเครื่อง เพราะถึงแม้มาทันเวลาได้เช็คอินเข้ามาแล้ว ถึง Terminal ก็ตกเครื่องได้เช่นกัน
1
มีเกือบทุกไฟล์ท ที่รอจนนาทีสุดท้าย ประกาศแล้วประกาศอีก เรียกจนรอไม่ไหว กัปตันสั่งปิดประตู เพราะได้เวลาเครื่องออก ก็ต้องไปแบบไม่ใยดี
หากจะต้องดีเลย์ เพราะคนกลุ่มเดียว ก็คงทำได้ยาก เพราะเราทุกคนล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เครื่องออกได้ช้าหรือเร็วเช่นกัน
เครื่องบินพร้อม ผู้โดยสารมาครบ ก็เป็นไปได้ที่เครื่องจะได้ออกก่อนเวลา
1
แต่หากเครื่องบินพร้อม ผู้โดยสารไม่ครบ เพราะเช็คกับเช็คอินเค้าท์เตอร์แล้ว ว่าท่านได้เข้ามา แต่อันตรธานหายไปใน Termimal ตามหาไม่เจอ ไม่ว่าจะชอปเพลินจนลืมเวลา หรือเหตุอันใดก็ตาม ก็ต้องรอกันไปจนนาทีสุดท้าย
เพราะ 1 นาทีก็มีค่า ทั้งคนรีบ และคนรอ..
ดังนั้นหากรีบแทบตายสุดท้ายเครื่องบินออกไปต่อหน้าต่อตา มานั่งเสียดาย เดือดร้อนต้องมาเปลี่ยนไฟล์ท ก็ต้องเสียเงินไป แบบไม่มีได้คืน เพราะสายการบินไม่รับผิดชอบ ถือว่าเป็นความผิดของท่านเอง
●Barcode แห่งความลับ!!
บาร์โคด ที่ปรากฏอยู่ที่ด้านข้างของ Boarding pass ไม่ควรนำไปให้ใครเห็น หรือแม้แต่การลงสื่อ โซเชี่ยลมีเดียร์ ต่างๆ
เพราะ แค่บาร์โคด นี้อันเดียว ก็สามารถบอกได้ทุกอย่าง ทั้งรายละเอียดชื่อผู้เดินทาง เลขที่พาสปอร์ต เลขที่ตั๋ว และรายละเอียดการจองทั้งหมด
ดังนั้น จะเป็นการดีที่สุด ที่จะเก็บ Boarding pass ของท่านเองไว้เป็นสิ่งสำคัญส่วนตัว ซึ่งหากมีความจำเป็นที่ต้องนำลงโซเชี่ยล ก็ควรปิดส่วนนี้ไว้ให้ดี หรือแม้แต่หลังเดินทางเสร็จ เก็บไว้รกบ้านก็ทำลายก่อนจะทิ้ง เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ควรเปิดเผย อาจไปอยู่ในมือผู้ที่ไม่หวังดี ทั้งที่เจตนา และไม่เจตนาก็ตาม
●น้ำหนักกระเป๋า
ที่จะไม่ปรากฏ อยู่ใน Boarding pass และยากต่อการคาดเดา เพราะเนื่องจากปัจจุบันบางสายการบิน มีการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักกระเป๋า เพื่อเรื่องของการตลาดมากขึ้น ดังนั้นจากที่เคยเข้าใจว่า 20 กิโลกรัม ต่อใบ(ในการเดินทางชั้นประหยัด) อาจจะไม่ใช่เสมอไป
ยกตัวอย่าง ในปัจจุบัน สายการบิน คาเธ่ย์ แปซิฟิก การเดินทางจาก กรุงเทพ - ฮ่องกง ได้น้ำหนักกระเป๋า 30 กิโลกรัม (เฉลี่ยกระเป๋า ได้ 2ใบ)
แล้วเราจะดูข้อมูลนี้ได้จากที่ไหนบ้าง...?
คำตอบคือ...
ในตั๋ว E-ticket คือตั๋วที่ท่านสามารถปริ๊นท์ออกมา เพื่อดูรายละแบบปลีกย่อยได้มากขึ้น ทั้งการเดินทางขาไป และกลับ(ซึ่งรายละเอียดอาจต่างกันบ้างขึ้นอยู่กับสายการบินนั้นๆด้วย)
โดยที่ท่านสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของสายการบินที่ท่านจะเดินทางด้วย พร้อมกรอก รหัส PNR ซึ่งย่อมากจาก Passenger name record และ รหัสตั๋วที่ท่านจอง หรือที่เรียกว่า Ticket Number
จากนั้น จะสามารถตรวจสอบข้อมูลอื่นๆได้ ที่มีทั้งเลขที่เที่ยวบิน, การระบุประเภทของตั๋วที่ท่านซื้อ ที่แสดงถึง เงื่อนไขต่างๆ , เครื่องบินที่ใช้บินในเที่ยวบินนั้น และน้ำหนักกระเป๋า ที่ท่านควรจะได้รู้ก่อนการเดินทาง
เพราะการขนของสัมภาระเป็นสิ่งสำคัญ (โดยเฉพาะของกิน👀) หากรู้น้ำหนักกระเป๋าแล้ว การจัดกระเป๋าก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น จัดให้พอดี ขาไปเบาๆไว้ก่อน ขากลับจะหนักจนล้น แต่น้ำหนักไม่เกิน ก็ไม่ว่ากัน ^^
แต่ก่อนออกเดินทางในทุกที่บนโลก เนื่องจากต่างสถานที่ และต่างกฏเกณฑ์ จึงเป็นการดีที่สุด หากศึกษาข้อมูลอีกครั้ง
อย่าลืมดูว่าสิ่งต้องห้ามในประเทศนั้นๆคืออะไร บางประเทศห้ามของสดทุกอย่าง ก็อย่าได้ริอาจพกไป เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นเหมือนเพื่อนลูกเรือท่านหนึ่ง ที่เผลอพกแอ๊ปเปิ้ล แค่ลูกเดียวติดกระเป๋า เข้าไปออสเตรเรีย สุดท้ายต้องจ่ายค่าเสียหายไปแพงแสนแพง เพื่อแลกกับแอ๊บเปิ้ล(ที่เกือบจะเน่าแล้วเพียงลูกเดียว)...
คุ้มกันไหม..ถามใจเธอดู👀
เที่ยวให้สนุกเตรียมตัวให้พร้อม ก็แค่เผื่อเวลา และหาข้อมูล ไปแบบไม่รีบ ไม่ลนลาน สนุกกว่ากันแน่นอน😊👍
Have a safe flight✈
#แอร์ป้าห้าดาว
โฆษณา