คนลักษณะแบบไหนที่เหมาะสมจะได้เป็นผู้บริหารประเทศ?
เท่าที่ผมฟังการดีเบตของหัวหน้าพรรคต่างๆที่เสนอนโยบายต่างๆนานา ว่าหลังจากที่ได้รับเลือกและเป็นรัฐบาลจะทำนู่น ทำนี่ให้พ่อแม่พี่น้อง ก็ว่ากันไป
จากที่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาห้าปีนิดๆ และพบปะผู้คนมากมาย พูดจาอาศัยกันมา ผมสังเกตุเห็นความคิดและบุคลิกของคนเรา มันจะมีความแตกต่างอย่างมีนัยอยู่ ประมาณ 2 ประเภท ครับ
คือ คนที่เป็น Positive approach และ Negative approach
Positive approach
เป็นลักษณะของคนที่ทำงานสร้างสรรค์ ค้นคว้า ค้นหา วิจัย งานขาย คิดนู่น คิดไม่หยุด (ทำไม่ทำคนละเรื่องนะครับ) พวกนี้ส่วนใหญ่ มักเป็นคนกระตือรือร้น ดิ้นรน ใฝ่ได้ ใฝ่มี และมักพบได้ง่ายในกลุ่มอาชีพ พวกพ่อค้า นายธนาคาร การเงิน วิศว นักวิจัย สถาปนิก นักเขียนและอื่นๆ
ส่วนคนอีกกลุ่ม คือคนที่เป็น
Negative approach
ลักษณะของคนแบบนี้มักเป็นกลุ่มที่ทำงานตามระเบียบ งานตรวจสอบ งานเปรียบเทียบ ทำงานตามกฏเกณฑ์ มีความเป็นกลางสูง มักมองหาความจริง มักมองโลกแบบไม่ดีและไม่ร้าย ส่วนใหญ่พบในกลุ่มคนที่ทำอาชีพ ศาล ตำรวจ หมอ พยาบาล เสมียน พนักงานเซิร์ฟ พระ และอื่นๆ
ขอย้ำว่านี่เป็นทัศนคติส่วนตัว ทุกทฤษฎีที่เคยๆอ่านมาเอามารวมกัน บวกประสบการณ์ส่วนตัว และไม่มีหลักวิชาการใดๆรับรอง
อย่างไรก็ตามแต่ คนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ผมไม่ได้หมายถึงว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ หรือเป็นแบบใดแบบหนึ่งไปตลอดชีวิต คนเดียวกัน อาจเป็นได้ทั้งสองแบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ทำ หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
กล่าวคือ สังคม อาชีพ เพื่อนฝูง และหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ ส่งผลต่อการหล่อหลอมให้คนใดคนหนึ่งมีลักษณะนิสัยที่เป็นเฉพาะ หรือพูดอีกอย่างว่ามีอิธิพลอย่างมีนัยสำคัญ
เอาหละ กลับมาที่หัวข้อของเรา
คนที่เหมาะจะมาทำหน้าที่ผู้บริหารเนี่ย คุณสมบัติที่ผู้บริหารต้องมี คือ
1. Vision วิสัยทัศน์ มองภาพออก ว่าข้างหน้าควรจะเป็นอย่างไร รู้ว่าอยู่ไหนและควรจะไปทางไหน Where, What
2. Strategy แผนการ รู้ว่าควรทำอย่างไร ทำเมื่อไหร่ How, when
3. Leadership ภาวะผู้นำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ ใช้คนเป็น Who
4. Moral คุณธรรม อันนี้ยากมากเพราะมันกว้าง นิยามได้ยากว่าแค่ไหนถึงจะเรียกคุณธรรม
3 อย่างแรกสำคัญสุด เพราะเป็นหัวใจที่ใช้ในการพัฒนา แต่ข้อที่สี่ ผมคิดว่ามันควรมี ผมจำไม่ได้ละว่าได้ยินมาจากไหนนะ
ผู้บริหารที่เอา 1 2 3 นำ ก็จะพัฒนาได้ไว ได้เร็ว ตอบโจทย์ทันใจ แต่ถ้ามีครบ 4 ข้อ ก็จะพัฒนาได้ช้า แต่ยั่งยืนกว่า เพราะความขัดแย้งในองค์กรจะน้อยกว่า ผลกระทบทางสังคมน้อยกว่าเพราะมีคุณธรรม
เอาละ ที่นี้เข้าเรื่อง
ในประเทศที่กำลังพัฒนา เราต้องการผู้นำที่มีความเป็นผู้บริหารสูง คนที่รู้จักจัดสรร หยิบใช้สิ่งที่มีอยู่มาพัฒนาให้มันดีขึ้น เพื่อให้ประเทศพัฒนา อันนี้เป็นที่รู้กัน เราคงไม่อยากได้ผู้บริหารที่ทำงานตามขั้นตอน แบบ administration หรือลักษณะคนที่ทำงานเป็นแบบ เป็นแผน ทำงานตามกรอบ ดังนั้นผมมองว่าคนที่เป็น Negative approach เนี่ย ไม่เหมาะ เพราะลักษณะทางความคิดมันไปได้ยาก ถ้าคนไหนที่ชูนโยบายนำ อารมย์แบบว่า ปราบโกง ปราบนู่น ปราบนี่ สุจริต ส่วนตัวผมมองว่าคนแบบนี้เหมาะเป็นฝ่ายค้านในสภามากกว่า เพราะมีแนวโน้มที่จะทำงานแบบนี้ได้ดีมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมค้นหาดูเนี่ย ในทุกสังคม สี่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ได้แปรผันตรงเสียทีเดียว เพราะนักการเมือง หรือแม้แต่เพื่อนผมหลายๆคนก็ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมพูดก็มี เช่น บางคนเรียนจบกฎหมาย ทำงานเกี่ยวกับกฎหมาย เช่นสู้คดีให้ลูกความและก็แสดงได้ออกได้ชัดเจนว่า เป็นคน positive approach กลับกัน เพื่อนผมบางคนจบวิศว ทำงาน QC แต่ด้วยหน้าที่ ที่รับผิดชอบ ก็กลายเป็นคน negative approach ได้เหมือนกัน
ผมไม่ได้จะบอกว่าอันไหนดีหรือไม่ดีนะครับ ทั้งสองอย่างไม่ใช่เรื่องของดีและไม่ดี แต่มันเป็นเรื่องของความเหมาะสมในงานนั้นๆถูกต้องมั้ยครับ
ถ้าอยากพัฒนา แล้วได้คนที่เป็น Negative approach คนแบบนี้จะไม่กล้าทำอะไรมาก เพราะกลัวผิดแบบแผน กลัวผิดกติกาเพราะคำนึงเรื่องกฎ กติกามาก่อน
กลับกัน ถ้าได้คนที่เป็น Positive approach มาเป็นผู้บริหาร คนพวกนี้จะทำทุกอย่าง ให้ดีขึ้น เท่าที่ ทรัพยากรจะเอื้อ เปรียบเหมือนนักเตะกองหน้า ขอแค่ให้ส่งบอลมา กูจะซัดให้เข้าประตู อะไรประมาณนั้น
ดังนั้น
ถ้ารัฐบาลเราได้คนแต่ละคนที่อยู่ถูกที่ เหมาะสมกับลักษณะนิสัย และความสามารถ ดาวอังคารก็เถอะครับ เผลอๆ ดาวเสาร์ ดาวพลูโต เราก็ไปได้ครับ
เราคงไม่อยากเห็นคนตรวจสอบก็บริหารไป คนบริหารก็ตรวจสอบไป ใช่มั้ยครับ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
