19 มี.ค. 2019 เวลา 09:27 • สุขภาพ
เริม โรคที่หลายๆคนเคยเจอซ้ำแล้วซ้ำอีก และมักจะอายทุกครั้งที่ต้องเป็น แล้วจริงๆมันเกิดจากอะไรกันแน่ มีวิธีป้องกันหรือรักษาให้มันไม่กลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่ ?
วันนี้เภสัชกร Youcare จะมาไขข้อข้องใจเหล่านี้ให้ชาว Blockdit ได้เข้าใจโรคนี้กันครับ ;)
เริม คือโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่สามารถติดต่อกันด้วยการสัมผัส การได้รับเชื้อครั้งแรกเชื้อจะผ่านเข้าสู่ผิวหนังทำให้เกิดตุ่มน้ำใส คัน เจ็บ แสบ จากนั้นเชื้อจะไปหลบอาศัยอยู่บริเวณปมประสาท และจะออกมาบริเวณผิวหนังอีกครั้งเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ทำให้โรคนี้มีโอกาสเกิดซ้ำได้สูงและไม่หายขาด โดยบริเวณที่พบบ่อยคือบริเวณริมฝีปากและอวัยวะเพศ
อาการของเริมมักแสดงออกที่ผิวหนังโดยเป็นตุ่มน้ำใส แสบ เจ็บ คัน และมักขึ้นบริเวณเดิมซ้ำๆ ตุ้มน้ำจะแตกออกและแห้งภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่น ไข้ อ่อนเพลีย อาการทั้วไปมักไม่รุนแรงและสามารถหายเองได้ในคนทั่วไป แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่กังวลคือความสวยงามและความอายจากโรคนี้ เพราะยังมีความเข้าใจที่ผิดที่คิดว่าเป็นโรคน่าเกลียด โรคติดต่อทางเพศ ทั้งๆที่ความจริงโรคนี้ไม่จำเป็นต้องติดต่อทางเพศสัมพันเพียงอย่างเดียว เพราะแค่สำผัสผิวหนังบริเวณที่เป็นเริม หรือสัมผัสสารน้ำจากตุ่มใสก็มีโอกาสได้รับเชื้อแล้ว
แล้วมีวิธีป้องกันเริมหรือไม่ ? เพราะเป็นทีไรรู้สึกอายทุกที
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือป้องกันการสัมผัสบริเวณที่เป็นเริมของผู้ป่วยที่เป็นเริมอยู่ เพราะโรคนี้ติดต่อจากการสัมผัสได้ง่าย และสิ่งที่สำคัญคือต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มให้ให้เพียงพอ ลดความเครียด เพราะถึงแม้เราได้รับเชื้อไวรัสแต่หากร่างกายเราแข็งแรงเชื้อไวรัสเริมก็จะไม่ออกมาที่ผิวหนัง แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ร่างกายเราอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำมันก็จะออกมาที่ผิวหนังคุณแน่นอน
แล้วมียาที่ป้องกันได้ไหม ?
การใช้ยาเพื่อป้องกันการเกิดเริมนั้นสามารถใช้ได้ แต่แนะนำเฉพาะคนที่เป็นบ่อยมากกว่า 6 ครั้งต่อปี หรือผู้ที่เป็นแล้วมีอาการรุนแรงจนกระทบการใช้ชีวิตเท่านั้น ซึ่งการกินเพื่อป้องกันนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ไม่ควรซื้อยาเพื่อป้องกันการเป็นเริมเองจากร้านยา
แล้วเมื่อเป็น ใช้ยาอะไรดี ยาทาหรือยากิน หรือใช้ทั้งคู่ ?
กรณีเป็นครั้งแรกให้รักษาด้วยยาต้านเชื้อไวรัสชนิดเม็ด ทานติดต่อกัน 7-10 วัน และควรทานตอนที่ตุ่มน้ำใสยังไม่แตกเท่านั้นจึงจะได้ประโยชน์มากที่สุด ซึ่งยาต้านเชื้อไวรัสมีหลายตัวยาและหลายขนาดแต่ละขนาดทานไม่เหมือนกันมีทั้งทานวันละ 5 ครั้ง วันละ 3 ครั้ง วันละครั้ง ซึ่งจะใช้ยาตัวใดขึ้นอยู่กับความสะดวกในการทานยาและข้อจำกัดในการใช้ยาแต่ละตัวเป็นหลัก เพราะประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน ดังนั้นควรปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยาทุกครั้งเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีครับ
สำหรับการกลับมาเป็นซ้ำ ยาที่แนะนำคือยาทาครับ ไม่จำเป็นต้องกินยากิน เพราะการกลับมาเป็นซ้ำส่วนใหญ่มักไม่รุนแรงและหายเองได้เร็ว การทายาต้านเชื้อไวรัสยิ่งทาเร็วเท่าไหร่ยิ่งมีประสิทธิภาพเท่านั้น หากเริ่มรู้สึกว่าเริมกำลังจะขึ้นให้ทายาทันทีภายใน 48 ชม. เพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดี และควรทาทุก 4 ชม. จนกว่ารอยโรคจะหายไป และที่สำคัญคือไม่ควรแกะตุ่มน้ำให้แตกเพราะจะทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ง่าย และอาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนในบริเวณนั้นได้
เริมเมื่อได้รับเชื้อไวรัสมาแล้วเชื้อจะไม่หายไปจากร่างกายแต่จะหลบซ่อนอยู่ตามปมประสาท สิ่งที่ทำได้คือรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้มีปัจจัยกระตุ้น ให้มันออกมาบริเวณผิวหนัง แค่นี้ เริม ก็ไม่กลับมากวนใจแล้วครับ
เริมรักษาไม่หายขาด แต่ป้องกันได้ :)
มีข้อสงสัยเรื่องยา ถามมาที่ Youcare ได้เลยนะครับ
Youcare #wecareyou #เภสัชประจำตัวคุณ
ภก.กฤษณ์ พรหมปัญญา
Youcare Pharmacist
โฆษณา