20 มี.ค. 2019 เวลา 13:22 • ประวัติศาสตร์
จาก “คนที่ล้มเหลวในชีวิต” กลายมาเป็น
นักเขียนพันล้าน “เจ.เค.โรว์ลิง”
โจแอนน์ "โจ" โรว์ลิ่ง เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 ที่เมือง Yate ประเทศอังกฤษ
เธอเป็นลูกสาวคนโตของปีเตอร์ โรว์ลิง วิศวกรการบินของบริษัทโรลส์-รอยซ์ และแอนน์ โรว์ลิง นักเทคนิควิทยาศาสตร์
โรว์ลิงมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าไดแอนน์
เมื่อโรว์ลิงอายุสี่ขวบ ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้าน Winterbourne
ปี1976 เธอเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ไมเคิล ครูใหญ่(อัลเฟรด ดันท์)ที่โรงเรียนแห่งนี้ภายหลังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้น
1
ในวัยเด็กโรว์ลิงมักจะเขียนเรื่องราวแฟนตาซี ซึ่งเธอมักจะอ่านให้น้องสาวฟังอยู่บ่อยๆ
เมื่อตอนอายุ 6 ขวบ เธอเขียนหนังสือเล่มแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระต่าย เธอเลยตั้งชื่อมันว่า “Rabbit” ตอนนั้นแม่ของเธอชื่นชมผลงานของเธอมากๆ
อายุเก้าขวบ ครอบครัวเธอย้ายไปอยู่หมู่บ้านTutshill
เธอเข้าเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนไวย์ดีน ที่ที่แม่ของเธอทำงานอยู่ในหมวดวิชาวิทยาศาสตร์
ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นโรว์ลิงได้รับหนังสือจากพี่สาวของปู่เป็นชีวประวัติของเจสสิกา มิดฟอร์ด เรื่อง Hons and Rebels
โรว์ลิงอ่านหนังสือของเธอทุกเล่มและมิดฟอร์ดได้กลายเป็นแรงบันดาลใจของโรว์ลิงไปในที่สุด
ช่วงวัยรุ่นของโรว์ลิ่งเจอมรสุมมากมาย
ปี1980 : แม่ของเธอป่วยเป็นโรคเส้นเลือดตีบ
เนื่องจากครอบครัวมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งอาการป่วยของแม่และความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างเธอกับพ่อ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองก็ไม่ยอมพูดด้วยกัน
โรว์ลิงบอกว่าเธอสร้างตัวละครเฮอร์ไมโอนี เกรนเจอร์ขึ้นโดยอิงจากนิสัยของเธอตอนอายุ 11 ปีและโรว์ลิงมีเพื่อนสนิทชื่อณอน แฮร์ริส เจ้าของรถฟอร์ดแองเกลียสีเทอร์ควอยซ์ ที่ต่อมาก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างรถฟอร์ดแองเกลียบินได้ของพวกวิสลีย์ที่ปรากฏอยู่ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับขึ้น
ในปี 1982 โรว์ลิงสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแต่ไม่ผ่านการคัดเลือก
เธอจึงเข้าศึกษาในคณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาฝรั่งเศสและวรรณกรรมคลาสสิค ที่มหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์แทน
ในปี1986 โรว์ลิงได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ จากนั้นจึงย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน โดยทำงานเป็นนักวิจัยและเลขานุการสองภาษาให้กับองค์การนิรโทษกรรมสากล
ในปี 1988 โรว์ลิงได้เขียนบทความสั้นเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เธอเรียนวิชาวรรณกรรมคลาสสิค ในบทความเรื่อง "What was the Name of that Nymph Again? or Greek and Roman Studies Recalled" ตีพิมพ์โดยนิตยสารเพกาซัส นิตยสารข่าวของมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์
โรว์ลิงตัดสินใจลาออกจากงานที่องค์การนิรโทษกรรมสากลที่ลอนดอน เธอและแฟนหนุ่มของเธอในขณะนั้นจึงได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ เธอได้รับงานใหม่ที่หอการค้า
ในปี 1990 ระหว่างที่เธออยู่บนรถไฟขบวนจากแมนเชสเตอร์ไปลอนดอนซึ่งล่าช้าไปกว่า 4 ชั่วโมง
ภาพของเด็กชายที่เข้าเรียนโรงเรียนพ่อมดก็ได้"ประดัง”เข้ามาอยู่ในความคิดของเธอ
เมื่อเดินทางกลับถึงแฟลตของเธอที่อยู่แถวสถานีรถไฟแคลปแฮมจังชั่น เธอจึงเริ่มลงมือเขียนในทันทีและนี่คือจุดเริ่มต้นของ” แฮร์รี่ พอตเตอร์ “
ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน แอนน์ แม่ของเธอเสียชีวิตหลังจากทนทุกข์กับโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งมานานกว่า 10 ปี โรว์ลิงไม่เคยบอกแม่ว่าในตอนนั้นเธอกำลังเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ และการตายของแม่ก็ส่งผลกระทบต่องานเขียนของโรว์ลิงเป็นอย่างมาก เธอจึงเพิ่มเติมรายละเอียดเรื่องการสูญเสียพ่อแม่ของแฮร์รี่ได้มากกว่าเดิมเนื่องจากเธอรู้ดีว่ามันรู้สึกอย่างไร
หลังจากนั้นเธอได้แต่งงานกับนักหนังสือพิมพ์ชาวโปรตุเกสและมีลูกสาวหนึ่งคนชื่อ เจสสิก้า
ความตกต่ำในชีวิตของเจ.เค โรว์ลิ่ง เริ่มต้นจากการเลิกรากับสามี
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1993 เจ.เค.โรว์ลิ่งอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่คับแคบกับลูกสาว ตกอยู่ในสภาพคนไร้งานและหมดตัว เธออยู่รอดเพราะเงินจากรัฐบาล
ความเครียดที่สะสมทำให้เธอกลายเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เธอยอมรับว่าเธอคิดจะฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง
โชคยังดีเธอได้คลายเครียดด้วยการเขียน “แฮร์รี่ พอตเตอร์” หลังจากลูกสาวหลับ โดยเธอมักจะมานั่งเขียนนิยายในร้านคาเฟ่เล็กๆ ชื่อ “The Elephant House” ส่วนลูกสาวตัวน้อยจะอยู่ในรถเข็นเด็กข้างๆ เธอ
เพราะโรคซึมเศร้าที่เกิดขึ้นนี่แหละค่ะ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างผู้คุมวิญญาณ สิ่งมีชีวิตที่คอยดูดกลืนความสุขของผู้คุมออกมา พวกมันปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน
นี่คือบทเรียนสำคัญหนึ่งในชีวิตของเธอ ซึ่งเธอได้ใช้มันในการสร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนเห็นได้จากการที่เธอกล่าวสุนทรพจน์ในงานวันรับปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า “ชีวิตแต่งงานฉันพังไม่เป็นท่า ฉันตกงาน เลี้ยงลูกคนเดียว แล้วก็จนที่สุดในอังกฤษ ยังดีนะที่ฉันมีที่ซุกหัวนอน... โดยมาตรฐานคนทั่วไปแล้ว ฉันนี่แหละเป็นคนที่ล้มเหลวที่สุด”
1
แต่ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่เธอเขียนนิยาย “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์” เธอยังคงศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเอง
ในที่สุด ปี 1995 โรว์ลิงเขียนต้นฉบับของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์เสร็จด้วยเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่า
เธอส่งต้นฉบับไปให้บริษัทตัวแทนคริสโตเฟอร์ ลิตเติ้ลในฟูแล่ม ภายหลังจากที่ได้อ่านสามบทแรกของต้นฉบับ
ไบรโอนี่ อีแวนผู้พิจารณาต้นฉบับก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ทางบริษัทจึงตกลงที่จะเป็นตัวแทนของโรว์ลิงในการหาผู้ตีพิมพ์ โดยส่งต้นฉบับไปให้สำนักพิมพ์ 12 แห่งพิจารณา แต่ก็ได้รับการปฏิเสธทั้งหมด
หนึ่งปีให้หลังในปี 1995 เธอก็ได้รับการอนุมัติ การตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์บลูมบิวส์รีในลอนดอน
การตัดสินใจตีพิมพ์หนังสือของโรว์ลิงถือเป็นหนี้บุญคุณของอลิซ นิวตัน ลูกสาววัยแปดขวบของประธานบริหารสำนักพิมพ์บลูมบิวส์รี ซึ่งได้ลองให้ลูกสาวอ่านบทแรกของหนังสือดูและปรากฏว่าเธอขออ่านบทต่อไปในทันทีที่อ่านบทแรกจบ
ในปี1997เธอได้ค่าลิขสิทธ์จำนวน 4000 ดอลลาร์ และตีพิมพ์ด้วยยอดพิมพ์ที่ต่ำกว่า 1000 เล่ม
หลังจากนั้นแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ขายดิบขายดีมาก ผลิตเพิ่มแทบไม่ทัน ที่สำคัญยังได้รับรางวัล the British Book Award for Children’s Book ชื่อเสียงโด่งดังจนกระทั่ง
ในปี 1998 สำนักพิมพ์ Scholastic Inc. ของสหรัฐอเมริกาได้ขอซื้อลิขสิทธิ์ด้วยราคา 105,000 เหรียญสหรัฐ
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์โด่งดังไปทั่วโลก แฮร์รี่ พอตเตอร์มีทั้งหมด 7 ภาคมียอดขายมากกว่า 450 ล้านเล่ม!!
ปัจจุบันเจ เค โรว์ลิ่ง เธอมีทรัพย์สินร่วม 2,000 ล้านบาท ขึ้นทำเนียบบุคคลรวยที่สุดอันดับ 122 ของอังกฤษ!
“เราต่างก็มีเวทย์มนต์อยู่ในตัวของเรา”-J.K Rowling
Reference:
โฆษณา