22 มี.ค. 2019 เวลา 20:34 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เคยสงสัยกันมั้ยว่ามหาสมุทรลึกขนาดไหน?
ทะเลมีพื้นที่ 3 ใน 4 ของโลกใบนี้ และแน่นอนว่าโลกของเราถูกครอบคลุมไปด้วยน้ำอยู่แล้ว
Cr. Pomster Freestyle
ทีนี้เรามาลองเปรียบเทียบความลึกของมหาสมุทรด้วยสิ่งต่างๆ บนโลกนี้กัน
Cr. Pomster Freestyle
เริ่มจากขนาด จุดเล็กๆในภาพนี้คือมนุษย์ ซึ่งเล็กมากๆ เลยใช่มั้ยคะ จุดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยคือขนาดของช้าง และลำดับสุดท้ายคือขนาดของเรือ Knock Nevis เป็นเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา
ต่อมาเรามาลงไปที่ความลึกกันเลย ในระดับความลึก 40 เมตร คือความลึกสูงสุดที่อนุญาตให้ดำน้ำและดูปะการัง
ในระดับความลึกที่ 93 เมตร เป็นจุดที่พบเรือ Lusitania ซึ่งเป็นเรือที่อัปปางลงในปี ค.ศ.1915 มีความยาว 240 เมตร เมื่อยกตัวเรือขึ้นมาหัวของเรือก็จะโผล่ นั่นหมายความว่ามันจมลงในน้ำที่ตื้นกว่าตัวมัน
Cr. Pomster Freestyle
ในความลึก 100 เมตร การดำน้ำนั้นถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากหากคุณไม่ระวัง เพราะแรงดันน้ำในระดับความลึกนี้ อาจทำให้คุณคลื่นไส้อาเจียน
แต่ถึงอย่างไร เฮอเบิร์ด นิทซ์ เขาสามารถดำน้ำลงไปที่ความลึก 214 เมตรได้สำเร็จ ด้วยการกลั้นหายใจเพียงครั้งเดียว
Cr. Pomster Freestyle
ความลึก 332 เมตร ชายอีกคนหนึ่ง ชื่อ ฮาเมท กาบาร์ เป็นคนทำลายสถิติโลก ที่ดำน้ำได้ลึกที่สุด
ถ้าเขาดำลึกลงมาอีก 111 เมตร (ในระดับความลึก 443 เมตรนั่นเอง) เขาจะมาถึงจุดยอดของตึก Empire State ถ้าเปรียบเทียบตึกนี้จมอยู่ใต้น้ำ
1
Cr. Pomster freestyle
ที่ความลึก 500 เมตร เราจะมาถึงจุดดำน้ำที่ลึกที่สุดของปลาวาฬสีน้ำเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก
1
ความลึก 535 เมตร เป็นจุดดำน้ำที่ลึกที่สุดที่แพนกวินจักรพรรดิจะลงมาได้
โดยในระดับความลึกนี้ แรงดันน้ำที่กระทำต่อคนหรือแพนกวินจักรพรรดิ จะเท่ากับ หมีขั้วโลกยืนอยู่บนเหรียญ 5 บาท
ในความลึก 830 เมตร จะเป็นความสูงของตึก Burj Khalifa ในดูไบ ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลก
เมื่อมาถึงที่ระดับความลึก 1000 เมตร จะเริ่มเข้าสู่โซนที่น่ากลัว หรือ The Scary Zone
เพราะในระดับความลึกนี้ แสงจากดวงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาถึงจุดนี้ได้
Cr. Pomster freestyle
ดังนั้นส่วนที่เหลือ ที่ลึกลงไปในมหาสมุทรด้านล่าง
จะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดอย่างถาวร
ยิ่งไปกว่านั่นแรงดันน้ำในจุดนี้ จะคล้ายกับว่าคุณกำลังยืนอยู่บนผิวน้ำที่ดาวศุกร์
นอกจากนี้แล้ว นี่ยังเป็นระดับความลึกที่หมึกยักษ์อาศัยอยู่ด้วย
เมื่อถึงความลึก 1,280 เมตร นี่คือระดับน้ำที่ลึกที่สุดที่เต่ามะเฟืองจะลงมาได้
และเมื่อลงไปจนถึง 1,828 เมตร จะเข้าสู่จุดสูงสุดของแกรนแคนยอน เมื่อมันกลับหัวอยู่ใต้น้ำ
ความลึก 2,000 เมตร เราจะยิ่งพบสิ่งแปลกใหม่มากขึ้น และสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัว เช่น Black Dragonfish ซึ่งมันเป็นสัตว์กินเนื้อ
ในส่วนกระเพาะอาหารของมันได้มีวิวัฒนาการไม่ให้แสงส่องผ่านได้ วิธีเดียวที่จะทำให้เห็นสิ่งมีชีวิตนี้ก็คือ ไฟฉาย
Cr. pomster freestyle
ที่ความลึก 2,250 เมตร เป็นที่อยู่อาศัยของวาฬหัวทุย และหมึกขนาดมหึมา ซึ่งวาฬหัวทุย มักมีรอยแผลเป็นตามร่างกายของพวกมัน ที่เกิดจากการต่อสู้กับหมึกยักษ์มหึมา
Cr.Pomster freestyle
Cr. pomster freestyle
ในความคิดขนาดนี้ หมึกสามารถเติบโตและยาวได้มากถึง 14 เมตร หนักได้ถึง 750 กิโลกรัม มีดวงตาขนาดเท่าจานอาหารมื้อค่ำ และกลหนวดของพวกมันเป็นเขี้ยวที่แหลมคมมาก
Cr. pomster freestyle
ที่ 3,800 เมตร จะพบซากเรืออัปปาง RMS Titanic
ลึกลงไปอีกที่ 4,000 เมตร จะเริ่มเข้าสู่เขตความลึกก้นมหาสมุทร หรือ The Abyssal Zone จุดนี้ค่าแรงดันระดับน้ำอยู่ที่ 11,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว
4,267 เมตร นี่คือความลึกเฉลี่ยของมหาสมุทร ที่คนส่วนใหญ่คืดว่าน่าจะถึงก้นสมุทรแล้ว
แต่มีบางส่วนของมหาสมุทรที่ลึกลงไปมากกว่านี้
Cr. pomster freestyle
ในความลึก 4,791 เมตร จะพบซากของเรือรบ Bismarck ซึ่งเป็นเรือที่ใช้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2
Cr. pomster freestyle
ในความลึกที่ 6,000 เมตร จะเป็นจุดเริ่มต้นของ
The Hadal Zone ส่วนแรงดำน้ำในระดับความลึกนี้ จะมากกว่า 1,100 เท่า เมื่อคุณอยู่บนผิวน้ำ ซึ่งเปรียบได้กับช้างที่ยืนอยู่บนแสตมป์ไปรษณีย์
หรือเปรียบเทียบกับคนที่แบกเครื่องบินโบอิ้ง 747 ถึง 50 ลำเลยทีเดียว
ระดับความลึกนี้ คุณจะถูกบดขยี้เป็นผุยผงในทันที
หากไม่มีเครื่องป้องกันใดๆ แต่ก็ยังคงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้
ที่ความลึก 6,500 เมตร จะเป็นความลึกสูงสุดที่เรือดำน้ำ DSV Alvin สามารถดำลงมาได้ ซึ่งคือเรือดำน้ำที่ช่วยให้ค้นพบเรือไททานิค
Cr. pomster freestyle
ที่ความลึก 8,848 เมตร ใต้พื้นผิวนี้เป็นความสูงของยอดเขาเอเวอร์ เรสท์ ที่คว่ำลงเมื่อวางอยู่ใต้น้ำ
ที่ความลึก 10,898 เมตร เป็นความลึกที่ เจมส์ คาเมรอน ลงไปทำภาระกิจ ดีปซี ชาเลนเจอร์” (Deepsea Challenger) ในปี 2012
นี่ถือเป็นจุดที่ลึกที่สุดของมหาสมุทรที่มนุษย์จะลงไปได้
ในปี 1960 Don Walsh และ Jacques Piccard ได้ลงมาถึงจุดที่มีความลึก 10,916 เมตร
พวกเขาใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง เพื่อที่จะลงมาถึงความลึกนั้น โดยอยู่ที่ความลึกนี้ได้เพียง 20 นาที ก่อนที่กระจกของเรือดำน้ำจะแตก และกลับขึ้นไปสู่ผิวน้ำ
Cr. pomster freestyle
หากลงมาอีกหน่อยที่ความลึก 10,972 เมตร จะเปรียบเทียบได้กับเพดานบินของเครื่องบินพาณิชย์โดยเฉลี่ย
ละในความบึกสุดท้ายที่ 10,994 เมตร เราได้มาถึงก้นมหาสมุทรที่เรียกว่า Challenger Deep จุดนี้บนแผนที่จะห่างจากด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ Guam ประมาณ 300 กิโลเมตร
Cr. pomster freestyle
อย่างไรก็ตามนักสำรวจเชื่อว่ายังมีส่วนที่ลึกที่สึดของมหาสมุทรมากกว่านี้ เพียงแต่ยังไม่มีการค้นพบนั่นเอง ในปัจจุบันมีพื้นของของมหาสมุทรเพียง 5% เท่านั้นที่ถูกสำรวจ ส่วนอีก 95% ยังเป็นปริศนาที่รอให้มนุษย์โลกสำรวจต่อไป
โฆษณา